จะอ้วกกดจุดไหน

บรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียนเบื้องต้นด้วยการกดจุด Nei-Guan (内關): วิธีการและข้อควรระวัง

อาการคลื่นไส้อาเจียนเป็นอาการที่พบได้บ่อย สาเหตุอาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น การแพ้ยา การตั้งครรภ์ โรคระบบทางเดินอาหาร หรือแม้กระทั่งการเดินทาง แม้ว่าการรักษาอาการคลื่นไส้อาเจียนจะต้องได้รับการวินิจฉัยและดูแลจากแพทย์ แต่การกดจุดก็เป็นวิธีการเบื้องต้นที่สามารถช่วยบรรเทาอาการได้อย่างอ่อนโยน โดยเฉพาะการกดจุด Nei-Guan (อ่านว่า เน่ย-กวน) ซึ่งเป็นจุดที่รู้จักกันดีในศาสตร์การแพทย์แผนจีนในการบรรเทาอาการคลื่นไส้และอาเจียน

จุด Nei-Guan ตั้งอยู่ที่บริเวณข้อมือด้านใน ค้นหาได้โดยการวางฝ่ามือคว่ำลง จากนั้นหาเส้นเอ็น 2 เส้นที่อยู่ด้านในของข้อมือ จุด Nei-Guan จะอยู่ตรงกลางระหว่างเส้นเอ็นทั้งสองนี้ เหนือรอยพับข้อมือขึ้นมาประมาณ 2 นิ้ว (หรือประมาณ 3 ข้อนิ้วชี้) การกดจุดนี้จะช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทพาราซิมพาเทติก ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการควบคุมการทำงานของระบบทางเดินอาหาร ทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายและลดอาการคลื่นไส้ได้

วิธีการกดจุด Nei-Guan อย่างถูกวิธี:

1. ค้นหาจุด Nei-Guan: ใช้มือข้างที่ไม่เป็นคลื่นไส้ วางนิ้วโป้งลงบนข้อมืออีกข้างหนึ่ง ค้นหาตำแหน่งที่ระบุไว้ข้างต้นอย่างละเอียด
2. กดเบาๆ ด้วยปลายนิ้วโป้ง: ใช้ปลายนิ้วโป้งกดลงบนจุด Nei-Guan อย่ากดแรงจนเจ็บ ให้กดด้วยแรงที่รู้สึกสบายและพอดี
3. กดค้างไว้: กดค้างไว้ประมาณ 2-3 นาที สามารถทำซ้ำได้หลายครั้งตามต้องการ หากรู้สึกดีขึ้นอาจลดระยะเวลาการกดลง
4. หายใจเข้าออกลึกๆ: การหายใจลึกๆ ช่วยผ่อนคลายร่างกายและเพิ่มประสิทธิภาพในการกดจุด ลองหายใจเข้าทางจมูกและหายใจออกทางปากช้าๆ

ข้อควรระวัง:

• การกดจุดเป็นเพียงวิธีการบรรเทาอาการเบื้องต้น ไม่ใช่การรักษาโรค หากอาการคลื่นไส้อาเจียนรุนแรง มีอาการอื่นๆร่วมด้วย เช่น อาเจียนเป็นเลือด ปวดท้องอย่างรุนแรง หรือมีไข้สูง ควรไปพบแพทย์โดยทันที
• หากมีอาการไม่ดีขึ้นหลังจากกดจุด หรืออาการกลับแย่ลง ควรหยุดการกดจุดและปรึกษาแพทย์
• คนที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น โรคเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะลองกดจุด

การกดจุด Nei-Guan เป็นเพียงวิธีการเสริม ไม่ใช่การรักษาหลัก การดูแลสุขภาพอย่างครอบคลุม การรับประทานอาหารอย่างถูกต้อง การพักผ่อนให้เพียงพอ และการรักษาตามคำแนะนำของแพทย์ ล้วนเป็นสิ่งสำคัญในการบรรเทาและป้องกันอาการคลื่นไส้อาเจียน อย่าลืมว่าการปรึกษาแพทย์เป็นสิ่งสำคัญที่สุดเมื่อคุณมีอาการป่วย

หมายเหตุ: บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้เบื้องต้นเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์ โปรดปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพสำหรับคำแนะนำเฉพาะบุคคล