ต่อมน้ำลายบวมแก้ยังไง

13 การดู

อาการต่อมน้ำลายบวม อาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ติดเชื้อ ไวรัส หรือแม้แต่การขาดน้ำ การดูแลตัวเองเบื้องต้น เช่น ดื่มน้ำสะอาดมาก ๆ บ้วนปากด้วยน้ำเกลือ และประคบเย็นบริเวณต่อมน้ำลาย อาจช่วยบรรเทาอาการได้ แต่หากอาการไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้อง

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ต่อมน้ำลายบวม: สาเหตุ อาการ และวิธีการดูแลตนเองอย่างถูกต้อง

ต่อมน้ำลายบวม เป็นอาการที่พบได้บ่อย ซึ่งอาจเกิดจากสาเหตุหลากหลาย ตั้งแต่ปัญหาเล็กน้อยไปจนถึงโรคที่ร้ายแรงกว่า การรู้จักสาเหตุและวิธีการดูแลตนเองอย่างถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนและรับการรักษาอย่างทันท่วงที

สาเหตุของต่อมน้ำลายบวม:

ต่อมน้ำลายบวมไม่ได้เกิดจากสาเหตุเดียวเสมอไป สาเหตุที่พบบ่อย ได้แก่:

  • การติดเชื้อ: เป็นสาเหตุที่พบได้มากที่สุด อาจเกิดจากแบคทีเรีย ไวรัส หรือเชื้อรา การติดเชื้ออาจเกิดขึ้นได้ทั้งในต่อมน้ำลายเอง หรือเกิดจากการแพร่กระจายของเชื้อจากบริเวณอื่นๆ เช่น การติดเชื้อในช่องปาก หรือไซนัสอักเสบ
  • นิ่วในต่อมน้ำลาย: ก้อนหินเล็กๆ ที่เกิดจากการตกผลึกของแร่ธาตุในน้ำลาย อาจอุดตันท่อของต่อมน้ำลาย ทำให้เกิดการบวมและปวด
  • การอักเสบของต่อมน้ำลาย: อาจเกิดจากภาวะแพ้ยา หรือโรค autoimmune เช่น โรค Sjögren’s syndrome
  • การบาดเจ็บ: การกระทบกระแทกหรือการบาดเจ็บที่บริเวณใบหน้า อาจทำให้ต่อมน้ำลายบวมได้
  • ภาวะขาดน้ำ: การดื่มน้ำน้อยเกินไป อาจทำให้สารคัดหลั่งในช่องปากข้นเหนียว และส่งผลให้ต่อมน้ำลายบวม
  • โรคมะเร็งต่อมน้ำลาย: แม้จะพบได้น้อย แต่ก็เป็นสาเหตุที่ควรพิจารณา หากอาการบวมไม่ดีขึ้นหลังจากการรักษาเบื้องต้น

อาการที่ควรสังเกต:

นอกจากต่อมน้ำลายบวมแล้ว อาการอื่นๆ ที่อาจพบได้ร่วมด้วย ได้แก่:

  • อาการปวด: อาจปวดมากหรือปวดน้อย ขึ้นอยู่กับสาเหตุ
  • มีไข้: บ่งชี้ถึงการติดเชื้อ
  • บวมแดง: บริเวณที่ต่อมน้ำลายบวม
  • มีหนอง: อาจมีหนองไหลออกมาจากต่อมน้ำลาย ถ้าเกิดจากการติดเชื้อ
  • กลืนลำบาก: หากต่อมน้ำลายบวมมาก
  • มีรสชาติผิดปกติในปาก: อาจเกิดจากการอุดตันของท่อน้ำลาย

การดูแลตัวเองเบื้องต้น:

หากต่อมน้ำลายบวมเล็กน้อย และไม่รุนแรง สามารถลองดูแลตัวเองเบื้องต้นดังนี้:

  • ดื่มน้ำมากๆ: ช่วยให้สารคัดหลั่งในช่องปากเหลวขึ้น และช่วยล้างสิ่งแปลกปลอม
  • บ้วนปากด้วยน้ำเกลืออุ่นๆ: ช่วยลดการอักเสบ และฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
  • ประคบเย็น: ช่วยลดอาการบวมและปวด
  • รับประทานอาหารอ่อนๆ: หลีกเลี่ยงอาหารแข็ง หรืออาหารที่มีรสจัด เพื่อลดการระคายเคือง
  • พักผ่อนให้เพียงพอ: ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

เมื่อใดควรไปพบแพทย์:

ควรไปพบแพทย์ทันที หาก:

  • ต่อมน้ำลายบวมอย่างรุนแรง และไม่ดีขึ้นหลังจากดูแลตัวเองเบื้องต้น
  • มีอาการไข้สูง
  • มีอาการปวดมาก
  • มีหนองไหลออกมาจากต่อมน้ำลาย
  • มีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น กลืนลำบาก หรือหายใจลำบาก

แพทย์จะทำการตรวจร่างกาย และอาจทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น การตรวจเลือด หรือการตรวจภาพ เพื่อวินิจฉัยสาเหตุและให้การรักษาที่เหมาะสม การรักษาอาจรวมถึงการใช้ยาปฏิชีวนะ ยาแก้ปวด หรือการผ่าตัด ขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการ

บทสรุป:

ต่อมน้ำลายบวมอาจเกิดจากหลายสาเหตุ การดูแลตัวเองเบื้องต้นอาจช่วยบรรเทาอาการได้ แต่หากอาการไม่ดีขึ้น หรือมีอาการรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ การดูแลสุขภาพช่องปากอย่างสม่ำเสมอ เช่น แปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันอย่างถูกวิธี ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดโอกาสในการเกิดต่อมน้ำลายบวมได้เช่นกัน