ยาสเตียรอยด์มีผลต่อตับไหม

11 การดู

ยาสเตียรอยด์บางชนิดอาจส่งผลกระทบต่อตับได้ รวมถึงยาบางประเภทที่ใช้รักษาโรคภูมิแพ้ ยาคุมกำเนิด รวมถึงสมุนไพรบางชนิด เช่น ขี้เหล็กและบอระเพ็ด การใช้ยาเหล่านี้ควรระมัดระวัง โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว และผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อลดความเสี่ยงต่อภาวะตับอักเสบ

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ยาสเตียรอยด์: ภัยเงียบที่อาจคุกคามตับคุณ

ยาสเตียรอยด์เป็นยาที่มีประโยชน์ในการรักษาโรคต่างๆ มากมาย ตั้งแต่โรคภูมิแพ้ โรคผิวหนัง ไปจนถึงโรคที่ร้ายแรงกว่า อย่างไรก็ตาม เบื้องหลังประสิทธิภาพในการรักษา ยาสเตียรอยด์บางชนิดก็แฝงมาด้วยผลข้างเคียงที่อาจส่งผลกระทบต่อตับ ซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญในการกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย

แม้ยาสเตียรอยด์หลายชนิดจะถูกเผาผลาญและขับออกจากร่างกายโดยไม่ส่งผลกระทบต่อตับมากนัก แต่ก็มียาสเตียรอยด์บางประเภท โดยเฉพาะชนิดรับประทาน ที่อาจทำให้เกิดความผิดปกติของการทำงานของตับได้ เช่น การเพิ่มขึ้นของเอนไซม์ตับ ซึ่งบ่งชี้ถึงความเสียหายของเซลล์ตับ ในบางรายอาจรุนแรงถึงขั้นเกิดภาวะตับอักเสบจากยา หรือ cholestatic jaundice ซึ่งทำให้เกิดอาการตัวเหลือง ตาเหลือง

นอกจากยาสเตียรอยด์ที่ใช้รักษาโรคทั่วไปแล้ว ยาสเตียรอยด์บางชนิดที่พบในยาคุมกำเนิด และแม้กระทั่งสมุนไพรบางชนิด เช่น ขี้เหล็กและบอระเพ็ด ก็มีสารประกอบที่อาจส่งผลต่อการทำงานของตับได้เช่นกัน ดังนั้น การใช้ยาหรือสมุนไพรเหล่านี้ ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร และควรระมัดระวังเป็นพิเศษในกลุ่มเสี่ยง ได้แก่

  • ผู้สูงอายุ: การทำงานของตับมักจะลดลงตามอายุ ทำให้มีความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงจากยาได้ง่ายขึ้น
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับตับ: เช่น โรคตับแข็ง โรคไวรัสตับอักเสบ ผู้ป่วยกลุ่มนี้มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะตับวาย หากใช้ยาสเตียรอยด์โดยไม่ระมัดระวัง
  • ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์: แอลกอฮอล์เป็นสารที่ทำลายตับ การดื่มแอลกอฮอล์ร่วมกับการใช้ยาสเตียรอยด์จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดความเสียหายของตับ

การสังเกตอาการผิดปกติ เช่น อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ตัวเหลือง ตาเหลือง เป็นสิ่งสำคัญ หากพบอาการเหล่านี้หลังจากเริ่มใช้ยาสเตียรอยด์ ควรหยุดใช้ยาและปรึกษาแพทย์ทันที เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม การป้องกันและดูแลสุขภาพตับเป็นสิ่งสำคัญ เพราะตับที่แข็งแรงคือพื้นฐานของสุขภาพที่ดีโดยรวม.