รู้ ได้ ไง ว่า เป็น กระเพาะ ปัสสาวะ อักเสบ

12 การดู

อาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบอาจเริ่มจากปัสสาวะบ่อยแสบขัด ปวดเบ่ง มีเลือดปนในปัสสาวะเล็กน้อย ปวดท้องน้อย อาจมีไข้ต่ำๆ อาการรุนแรงขึ้นอาจปวดอย่างรุนแรง ปัสสาวะไม่สุด รู้สึกไม่สบายตัว หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

รู้ได้อย่างไรว่าเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ: สัญญาณเตือนที่คุณควรรู้ และการดูแลที่เหมาะสม

กระเพาะปัสสาวะอักเสบ เป็นภาวะที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียในกระเพาะปัสสาวะ ทำให้เกิดความไม่สบายและรบกวนชีวิตประจำวัน หลายคนอาจสับสนกับอาการทั่วไปอื่นๆ ทำให้ละเลยการดูแลที่ถูกต้อง บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบอย่างละเอียด เพื่อการสังเกตตนเองและการดูแลรักษาที่ทันท่วงที

สัญญาณเตือน: อาการที่คุณต้องสังเกต

อาการของกระเพาะปัสสาวะอักเสบอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่สัญญาณที่พบบ่อยและควรสังเกตมีดังนี้:

  • ปัสสาวะบ่อยและเร่งด่วน: คุณจะรู้สึกปวดปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ แม้ว่าจะมีปัสสาวะเพียงเล็กน้อย และรู้สึกเร่งด่วนที่ต้องเข้าห้องน้ำทันที
  • แสบขัดขณะปัสสาวะ: อาการแสบร้อน หรือเจ็บแปลบขณะถ่ายปัสสาวะ เป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงการอักเสบในระบบทางเดินปัสสาวะ
  • ปวดเบ่ง: รู้สึกปวดหน่วงๆ บริเวณท้องน้อยคล้ายปวดประจำเดือน หรือปวดเบ่งเหมือนถ่ายไม่สุด แม้จะเพิ่งเข้าห้องน้ำมาก็ตาม
  • ปัสสาวะมีเลือดปน: ในบางกรณี อาจพบเลือดปนในปัสสาวะเล็กน้อย ทำให้ปัสสาวะมีสีชมพู หรือสีแดงจางๆ
  • ปวดท้องน้อย: อาจมีอาการปวดหรือไม่สบายบริเวณท้องน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณเหนือหัวหน่าว
  • ไข้ต่ำๆ: ในบางรายอาจมีไข้ต่ำๆ ร่วมกับอาการอื่นๆ

อาการที่ควรเฝ้าระวัง: เมื่อไหร่ที่ควรพบแพทย์ทันที

หากอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบรุนแรงขึ้น หรือมีอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที:

  • ปวดอย่างรุนแรง: ปวดท้องน้อยอย่างรุนแรง หรือปวดหลังบริเวณไต (สีข้าง)
  • ปัสสาวะไม่ออก หรือออกน้อยมาก: มีปัญหาในการถ่ายปัสสาวะ หรือปัสสาวะออกมาน้อยมาก
  • คลื่นไส้ อาเจียน: อาการคลื่นไส้ อาเจียน ร่วมกับอาการอื่นๆ
  • ไข้สูง: มีไข้สูงเกิน 38 องศาเซลเซียส
  • อาการไม่ดีขึ้นหลังจากดูแลเบื้องต้น: อาการไม่ดีขึ้นหลังจากดื่มน้ำมากๆ พักผ่อน และดูแลตนเองเบื้องต้น

ทำไมอาการเหล่านี้ถึงเกิดขึ้น?

แบคทีเรียที่พบได้บ่อยในกระเพาะปัสสาวะอักเสบคือ E. coli ซึ่งมักมาจากระบบทางเดินอาหาร แบคทีเรียเหล่านี้เดินทางผ่านท่อปัสสาวะเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะ และทำให้เกิดการอักเสบ การกลั้นปัสสาวะนานๆ การดื่มน้ำน้อย และสุขอนามัยที่ไม่ดี อาจเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ

การวินิจฉัยและการรักษา

แพทย์จะทำการวินิจฉัยโดยซักประวัติ ตรวจร่างกาย และตรวจปัสสาวะ เพื่อยืนยันการติดเชื้อ และระบุชนิดของแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุ การรักษาหลักคือการใช้ยาปฏิชีวนะที่เหมาะสมกับชนิดของแบคทีเรียที่ตรวจพบ แพทย์อาจแนะนำให้ดื่มน้ำมากๆ พักผ่อน และทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการ

การดูแลตนเองเบื้องต้น

ในระหว่างการรักษา คุณสามารถดูแลตนเองเพื่อบรรเทาอาการได้ดังนี้:

  • ดื่มน้ำมากๆ: การดื่มน้ำมากๆ จะช่วยขับแบคทีเรียออกจากระบบทางเดินปัสสาวะ
  • หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่ระคายเคือง: หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน แอลกอฮอล์ และน้ำอัดลม
  • ใช้กระเป๋าน้ำร้อน: วางกระเป๋าน้ำร้อนบริเวณท้องน้อยเพื่อบรรเทาอาการปวด
  • ปัสสาวะเมื่อรู้สึกปวด: อย่ากลั้นปัสสาวะนานๆ
  • ทำความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศ: ทำความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศจากด้านหน้าไปด้านหลังหลังเข้าห้องน้ำ เพื่อป้องกันแบคทีเรียจากทวารหนักเข้าสู่ท่อปัสสาวะ

การป้องกันกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ: ดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว
  • ปัสสาวะเป็นประจำ: อย่ากลั้นปัสสาวะนานๆ
  • ทำความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศ: เช็ดจากด้านหน้าไปด้านหลังหลังเข้าห้องน้ำ
  • ปัสสาวะหลังมีเพศสัมพันธ์: ช่วยชะล้างแบคทีเรียที่อาจเข้าสู่ท่อปัสสาวะ
  • สวมใส่กางเกงชั้นในที่ทำจากผ้าฝ้าย: ช่วยระบายอากาศและลดความอับชื้น

การสังเกตอาการของตนเอง และการดูแลสุขภาพที่ดี จะช่วยให้คุณรับมือกับกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากมีข้อสงสัย หรืออาการไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม