รู้ ได้ ไง ว่า เป็น กระเพาะ ปัสสาวะ อักเสบ
อาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบอาจเริ่มจากปัสสาวะบ่อยแสบขัด ปวดเบ่ง มีเลือดปนในปัสสาวะเล็กน้อย ปวดท้องน้อย อาจมีไข้ต่ำๆ อาการรุนแรงขึ้นอาจปวดอย่างรุนแรง ปัสสาวะไม่สุด รู้สึกไม่สบายตัว หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง
รู้ได้อย่างไรว่าเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ: สัญญาณเตือนที่คุณควรรู้ และการดูแลที่เหมาะสม
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ เป็นภาวะที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียในกระเพาะปัสสาวะ ทำให้เกิดความไม่สบายและรบกวนชีวิตประจำวัน หลายคนอาจสับสนกับอาการทั่วไปอื่นๆ ทำให้ละเลยการดูแลที่ถูกต้อง บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบอย่างละเอียด เพื่อการสังเกตตนเองและการดูแลรักษาที่ทันท่วงที
สัญญาณเตือน: อาการที่คุณต้องสังเกต
อาการของกระเพาะปัสสาวะอักเสบอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่สัญญาณที่พบบ่อยและควรสังเกตมีดังนี้:
- ปัสสาวะบ่อยและเร่งด่วน: คุณจะรู้สึกปวดปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ แม้ว่าจะมีปัสสาวะเพียงเล็กน้อย และรู้สึกเร่งด่วนที่ต้องเข้าห้องน้ำทันที
- แสบขัดขณะปัสสาวะ: อาการแสบร้อน หรือเจ็บแปลบขณะถ่ายปัสสาวะ เป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงการอักเสบในระบบทางเดินปัสสาวะ
- ปวดเบ่ง: รู้สึกปวดหน่วงๆ บริเวณท้องน้อยคล้ายปวดประจำเดือน หรือปวดเบ่งเหมือนถ่ายไม่สุด แม้จะเพิ่งเข้าห้องน้ำมาก็ตาม
- ปัสสาวะมีเลือดปน: ในบางกรณี อาจพบเลือดปนในปัสสาวะเล็กน้อย ทำให้ปัสสาวะมีสีชมพู หรือสีแดงจางๆ
- ปวดท้องน้อย: อาจมีอาการปวดหรือไม่สบายบริเวณท้องน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณเหนือหัวหน่าว
- ไข้ต่ำๆ: ในบางรายอาจมีไข้ต่ำๆ ร่วมกับอาการอื่นๆ
อาการที่ควรเฝ้าระวัง: เมื่อไหร่ที่ควรพบแพทย์ทันที
หากอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบรุนแรงขึ้น หรือมีอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที:
- ปวดอย่างรุนแรง: ปวดท้องน้อยอย่างรุนแรง หรือปวดหลังบริเวณไต (สีข้าง)
- ปัสสาวะไม่ออก หรือออกน้อยมาก: มีปัญหาในการถ่ายปัสสาวะ หรือปัสสาวะออกมาน้อยมาก
- คลื่นไส้ อาเจียน: อาการคลื่นไส้ อาเจียน ร่วมกับอาการอื่นๆ
- ไข้สูง: มีไข้สูงเกิน 38 องศาเซลเซียส
- อาการไม่ดีขึ้นหลังจากดูแลเบื้องต้น: อาการไม่ดีขึ้นหลังจากดื่มน้ำมากๆ พักผ่อน และดูแลตนเองเบื้องต้น
ทำไมอาการเหล่านี้ถึงเกิดขึ้น?
แบคทีเรียที่พบได้บ่อยในกระเพาะปัสสาวะอักเสบคือ E. coli ซึ่งมักมาจากระบบทางเดินอาหาร แบคทีเรียเหล่านี้เดินทางผ่านท่อปัสสาวะเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะ และทำให้เกิดการอักเสบ การกลั้นปัสสาวะนานๆ การดื่มน้ำน้อย และสุขอนามัยที่ไม่ดี อาจเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ
การวินิจฉัยและการรักษา
แพทย์จะทำการวินิจฉัยโดยซักประวัติ ตรวจร่างกาย และตรวจปัสสาวะ เพื่อยืนยันการติดเชื้อ และระบุชนิดของแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุ การรักษาหลักคือการใช้ยาปฏิชีวนะที่เหมาะสมกับชนิดของแบคทีเรียที่ตรวจพบ แพทย์อาจแนะนำให้ดื่มน้ำมากๆ พักผ่อน และทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการ
การดูแลตนเองเบื้องต้น
ในระหว่างการรักษา คุณสามารถดูแลตนเองเพื่อบรรเทาอาการได้ดังนี้:
- ดื่มน้ำมากๆ: การดื่มน้ำมากๆ จะช่วยขับแบคทีเรียออกจากระบบทางเดินปัสสาวะ
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่ระคายเคือง: หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน แอลกอฮอล์ และน้ำอัดลม
- ใช้กระเป๋าน้ำร้อน: วางกระเป๋าน้ำร้อนบริเวณท้องน้อยเพื่อบรรเทาอาการปวด
- ปัสสาวะเมื่อรู้สึกปวด: อย่ากลั้นปัสสาวะนานๆ
- ทำความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศ: ทำความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศจากด้านหน้าไปด้านหลังหลังเข้าห้องน้ำ เพื่อป้องกันแบคทีเรียจากทวารหนักเข้าสู่ท่อปัสสาวะ
การป้องกันกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ: ดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว
- ปัสสาวะเป็นประจำ: อย่ากลั้นปัสสาวะนานๆ
- ทำความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศ: เช็ดจากด้านหน้าไปด้านหลังหลังเข้าห้องน้ำ
- ปัสสาวะหลังมีเพศสัมพันธ์: ช่วยชะล้างแบคทีเรียที่อาจเข้าสู่ท่อปัสสาวะ
- สวมใส่กางเกงชั้นในที่ทำจากผ้าฝ้าย: ช่วยระบายอากาศและลดความอับชื้น
การสังเกตอาการของตนเอง และการดูแลสุขภาพที่ดี จะช่วยให้คุณรับมือกับกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากมีข้อสงสัย หรืออาการไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม
#กระเพาะ ปัสสาวะ#อักเสบ#อาการ ปัสสาวะ