อาการไข้เลือดออก หายเองได้ไหม

ไข้เลือดออก หายเองได้จริงหรือ

ไข้เลือดออกเป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง ซึ่งมียุงลายเป็นพาหะ เมื่อถูกยุงที่มีเชื้อกัดก็จะติดเชื้อโรคไข้เลือดออก โดยอาการของโรคจะเริ่มปรากฏภายใน 2-7 วันหลังจากถูกยุงกัด

อาการของไข้เลือดออกในระยะแรกจะคล้ายกับไข้หวัดทั่วไป เช่น มีไข้สูง หนาวสั่น ปวดหัว ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน แต่เมื่อเข้าสู่ระยะรุนแรง อาการก็จะยิ่งทรุดหนักลง โดยจะมีอาการดังนี้

• ไข้สูงลอย 39-40 องศาเซลเซียส
• ปวดศีรษะรุนแรง
• ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อบริเวณแขนขาและหลัง
• หน้าแดง
• เบื่ออาหาร
• คลื่นไส้ อาเจียน
• ท้องเสีย
• จุดเลือดออกตามผิวหนัง
• เลือดกำเดาไหล
• ปัสสาวะเป็นสีเข้ม

ในรายที่รุนแรงอาจมีอาการช็อกจากการเสียเลือดและน้ำในร่างกายมากเกินไป จนทำให้ความดันโลหิตต่ำ หายใจหอบ และไตวายได้

โดยทั่วไป หากเป็นไข้เลือดออกระยะแรก ผู้ป่วยสามารถหายเองได้ โดยอาการจะค่อยๆ ดีขึ้นภายใน 7-10 วัน แต่ในรายที่มีอาการรุนแรง ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาโดยเร็วที่สุด เนื่องจากอาจมีภาวะแทรกซ้อนอันตรายถึงชีวิตได้

ขณะที่ผู้ที่มีอาการไข้เลือดออกระยะแรก สามารถดูแลตัวเองที่บ้านได้ โดยปฏิบัติดังนี้

• พักผ่อนให้เพียงพอ
• ดื่มน้ำเกลือแร่หรือน้ำเปล่ามากๆ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
• รับประทานยาพาราเซตามอลเพื่อลดไข้
• หลีกเลี่ยงการใช้ยากลุ่มแอสไพรินหรือไอบูโพรเฟน เนื่องจากอาจทำให้เลือดออกมากขึ้น
• ตรวจวัดไข้อย่างสม่ำเสมอ

หากผู้ป่วยมีอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด

• ไข้สูงไม่ลด
• อาเจียนบ่อย
• ปวดท้องรุนแรง
• มีจุดเลือดออกตามผิวหนัง
• เลือดกำเดาไหล
• ปัสสาวะเป็นสีเข้ม
• อ่อนเพลีย หายใจหอบ