เป็นประจําเดือนสามารถตรวจภายในได้ไหม

12 การดู
ตรวจภายในได้ทุกเดือน หากมีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ เช่น ปวดประจำเดือนผิดปกติ ตกขาวผิดปกติ เลือดออกกะปริบกะปรอย หรือสงสัยภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ การตรวจภายในประจำปีโดยไม่มีอาการผิดปกติก็เป็นสิ่งที่แนะนำ เพื่อตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกและปัญหาสุขภาพอื่นๆ ปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการตรวจที่เหมาะสมกับตัวคุณ
ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

เป็นประจำเดือน ตรวจภายในได้ไหม? คลายทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับการตรวจภายใน

การตรวจภายใน (Pelvic Exam) เป็นขั้นตอนสำคัญในการดูแลสุขภาพสตรี แม้จะสร้างความกังวลให้กับผู้หญิงหลายคน แต่ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับความจำเป็น ประโยชน์ และข้อควรปฏิบัติ จะช่วยให้ผู้หญิงสามารถดูแลสุขภาพของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้จะไขข้อข้องใจเกี่ยวกับการตรวจภายใน โดยเฉพาะคำถามที่พบบ่อยว่า เป็นประจำเดือน ตรวจภายในได้ไหม?

คำตอบคือ โดยทั่วไปแล้ว ไม่แนะนำให้ตรวจภายในขณะมีประจำเดือน เนื่องจากเลือดประจำเดือนอาจรบกวนการมองเห็นและการประเมินผลของแพทย์ ทำให้ยากต่อการวินิจฉัยภาวะผิดปกติต่างๆ เช่น การอักเสบ เนื้องอก หรือความผิดปกติของปากมดลูก นอกจากนี้ การตรวจภายในขณะมีประจำเดือนอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้

อย่างไรก็ตาม มีข้อยกเว้นในบางกรณีที่แพทย์อาจพิจารณาตรวจภายในขณะมีประจำเดือน เช่น เมื่อมีอาการผิดปกติที่จำเป็นต้องวินิจฉัยอย่างเร่งด่วน เช่น ปวดประจำเดือนอย่างรุนแรงและผิดปกติ เลือดออกมากผิดปกติ หรือมีเลือดออกกะปริบกะปรอยระหว่างรอบเดือน ในกรณีเหล่านี้ แพทย์จะประเมินความจำเป็นและความเสี่ยงเป็นรายบุคคล และอาจเลือกใช้วิธีการตรวจอื่นๆ ร่วมด้วยเพื่อช่วยในการวินิจฉัย

แล้วควรตรวจภายในเมื่อไหร่?

แม้ว่าการตรวจภายในขณะมีประจำเดือนจะไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมในกรณีส่วนใหญ่ แต่การตรวจภายในเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้หญิงทุกคนควรได้รับ โดยทั่วไป แนะนำให้ผู้หญิงเริ่มตรวจภายในเมื่อมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก หรือเมื่ออายุ 21 ปี และควรตรวจเป็นประจำทุกปี แม้จะไม่มีอาการผิดปกติก็ตาม เพื่อตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกและปัญหาสุขภาพอื่นๆ

การตรวจภายในประจำปีมีความสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันและตรวจพบโรคต่างๆ ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น เช่น:

  • มะเร็งปากมดลูก: การตรวจแปปสเมียร์ (Pap smear) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการตรวจภายใน ช่วยตรวจหาเซลล์ผิดปกติที่ปากมดลูก ซึ่งอาจพัฒนาไปเป็นมะเร็งได้ในอนาคต การตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มต้นช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาดได้
  • โรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ (STIs): การตรวจภายในสามารถช่วยตรวจหาการติดเชื้อต่างๆ เช่น หนองในแท้ หนองในเทียม และคลามีเดีย ซึ่งมักไม่มีอาการในระยะเริ่มต้น การตรวจพบและรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ ช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น ภาวะมีบุตรยาก
  • ภาวะผิดปกติอื่นๆ: การตรวจภายในยังช่วยตรวจหาภาวะผิดปกติอื่นๆ เช่น เนื้องอกในมดลูก ซีสต์รังไข่ และภาวะอักเสบในอุ้งเชิงกราน

นอกจากการตรวจประจำปีแล้ว ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจภายในเมื่อมีอาการผิดปกติต่างๆ เช่น:

  • ปวดประจำเดือนผิดปกติ เช่น ปวดรุนแรง ปวดนานกว่าปกติ หรือปวดมากขึ้นเรื่อยๆ
  • ตกขาวผิดปกติ เช่น มีกลิ่นเหม็น มีสีเขียวหรือเหลือง มีเลือดปน หรือมีลักษณะเป็นก้อน
  • เลือดออกกะปริบกะปรอยระหว่างรอบเดือน
  • เลือดออกหลังหมดประจำเดือน
  • ปวดท้องน้อยเรื้อรัง
  • มีปัญหาเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์

การดูแลสุขภาพสตรีเป็นเรื่องสำคัญ อย่าลังเลที่จะปรึกษาแพทย์ แพทย์จะช่วยประเมินความเสี่ยง วางแผนการตรวจที่เหมาะสม และให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพอย่างถูกต้อง การตรวจภายในแม้จะสร้างความกังวลบ้าง แต่เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้ผู้หญิงสามารถดูแลสุขภาพของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อชีวิตที่ยืนยาวและมีคุณภาพ.