เราจะรู้ได้ไงว่าเป็นโรคกระดูกพรุนหรือไม่

15 การดู

ตรวจสอบสุขภาพกระดูกของคุณ

หากคุณรู้สึกปวดกระดูกโดยไม่ทราบสาเหตุ ส่วนสูงลดลง หรือสังเกตเห็นหลังค่อม ให้รีบปรึกษาแพทย์ เหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของโรคกระดูกพรุน

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นโรคกระดูกพรุน? สัญญาณเตือนและแนวทางการตรวจสุขภาพกระดูก

โรคกระดูกพรุนเป็นภัยเงียบที่คุกคามสุขภาพกระดูกของเรา ทำให้กระดูกเปราะบางและเสี่ยงต่อการแตกหักได้ง่าย โดยส่วนใหญ่มักไม่มีสัญญาณเตือนใดๆ จนกระทั่งเกิดการแตกหักขึ้นแล้ว หลายคนจึงละเลยและไม่ทราบว่าตนเองมีความเสี่ยง

ดังนั้น การตระหนักถึงสัญญาณเตือนเบื้องต้น และการเข้ารับการตรวจสุขภาพกระดูกอย่างสม่ำเสมอ จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันและรักษาโรคกระดูกพรุนได้อย่างทันท่วงที

สัญญาณเตือนที่ควรสังเกต:

แม้ว่าโรคกระดูกพรุนมักไม่มีอาการแสดงที่ชัดเจน แต่สัญญาณบางอย่างอาจบ่งบอกถึงความผิดปกติของกระดูกได้:

  • ปวดหลังเรื้อรัง: อาการปวดหลังที่เกิดขึ้นโดยไม่มีสาเหตุชัดเจน อาจเกิดจากการยุบตัวของกระดูกสันหลัง ซึ่งเป็นผลมาจากกระดูกพรุน
  • ส่วนสูงลดลง: การสูญเสียส่วนสูงทีละน้อย อาจเป็นสัญญาณของการยุบตัวของกระดูกสันหลัง ทำให้ความสูงโดยรวมลดลง
  • หลังค่อม: การโค้งงอของกระดูกสันหลังที่ผิดปกติ หรือที่เรียกว่า “หลังค่อม” อาจเป็นผลมาจากการยุบตัวของกระดูกสันหลังหลายตำแหน่ง
  • กระดูกหักง่าย: การแตกหักของกระดูกที่เกิดขึ้นจากการล้มเพียงเล็กน้อย หรือการกระแทกที่ไม่รุนแรง อาจบ่งชี้ว่ากระดูกมีความเปราะบางกว่าปกติ
  • ปวดกระดูกโดยไม่ทราบสาเหตุ: อาการปวดกระดูกที่เกิดขึ้นเอง โดยไม่มีการบาดเจ็บหรือการใช้งานที่มากเกินไป อาจเป็นสัญญาณของโรคกระดูกพรุนได้

ใครบ้างที่ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพกระดูก?

แม้ว่าทุกคนมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุน แต่บางกลุ่มมีความเสี่ยงสูงกว่ากลุ่มอื่น ๆ ได้แก่:

  • ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน: ฮอร์โมนเอสโตรเจนมีบทบาทสำคัญในการรักษามวลกระดูก เมื่อระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงในช่วงวัยหมดประจำเดือน มวลกระดูกอาจลดลงอย่างรวดเร็ว
  • ผู้สูงอายุ: เมื่ออายุมากขึ้น มวลกระดูกจะลดลงตามธรรมชาติ ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุนมากขึ้น
  • ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคกระดูกพรุน: หากมีบุคคลในครอบครัวใกล้ชิดเป็นโรคกระดูกพรุน ความเสี่ยงในการเป็นโรคนี้จะเพิ่มขึ้น
  • ผู้ที่ได้รับยาบางชนิด: ยาบางชนิด เช่น สเตียรอยด์ ยากันชัก หรือยาขับปัสสาวะ อาจส่งผลต่อมวลกระดูก
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด: โรคบางชนิด เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคไต หรือโรคต่อมไทรอยด์ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุน
  • ผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง: การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก และการขาดการออกกำลังกาย อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพกระดูก

การตรวจสุขภาพกระดูก:

การตรวจสุขภาพกระดูกที่ใช้กันทั่วไปคือ การตรวจวัดความหนาแน่นของกระดูก (Bone Mineral Density – BMD) โดยใช้เครื่อง DEXA Scan (Dual-energy X-ray Absorptiometry) เป็นการตรวจที่รวดเร็ว ไม่เจ็บปวด และมีความแม่นยำสูง สามารถวัดความหนาแน่นของกระดูกบริเวณต่างๆ เช่น กระดูกสันหลัง สะโพก หรือข้อมือ เพื่อประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหัก

แนวทางการดูแลสุขภาพกระดูก:

ไม่ว่าคุณจะมีความเสี่ยงสูงหรือไม่ การดูแลสุขภาพกระดูกเป็นสิ่งสำคัญที่ควรทำอย่างสม่ำเสมอ:

  • รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมและวิตามินดีสูง: แคลเซียมเป็นส่วนประกอบหลักของกระดูก ในขณะที่วิตามินดีช่วยในการดูดซึมแคลเซียม อาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียมและวิตามินดี ได้แก่ นม โยเกิร์ต ชีส ปลาที่มีไขมันสูง ไข่แดง และผักใบเขียว
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ: การออกกำลังกายแบบลงน้ำหนัก (Weight-bearing exercise) เช่น การเดิน การวิ่ง หรือการยกน้ำหนัก ช่วยกระตุ้นการสร้างกระดูกและเพิ่มความแข็งแรงของกระดูก
  • หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง: งดสูบบุหรี่ ลดการดื่มแอลกอฮอล์ และรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • ปรึกษาแพทย์: หากคุณมีปัจจัยเสี่ยงหรือกังวลเกี่ยวกับสุขภาพกระดูก ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและการตรวจวินิจฉัยที่เหมาะสม

สรุป:

โรคกระดูกพรุนเป็นโรคที่สามารถป้องกันและรักษาได้ หากตรวจพบตั้งแต่เนิ่นๆ การสังเกตสัญญาณเตือน การเข้ารับการตรวจสุขภาพกระดูกอย่างสม่ำเสมอ และการดูแลสุขภาพกระดูกอย่างเหมาะสม จะช่วยให้คุณมีกระดูกที่แข็งแรงและมีคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว

Disclaimer: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการวินิจฉัยหรือรักษาโรค หากคุณมีข้อสงสัยหรือกังวลเกี่ยวกับสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม