เลือดประจําเดือนตกค้างสีอะไร

13 การดู
เลือดประจำเดือนตกค้างอาจมีสีน้ำตาลเข้ม, ดำ, หรือคล้ายกากกาแฟ เกิดจากเลือดเก่าที่ค้างอยู่ในมดลูกนานขึ้นก่อนถูกขับออกมา ไม่ใช่สัญญาณของโรคร้ายแรงเสมอไป แต่อาจบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน, ความเครียด, หรือการใช้ยาบางชนิด หากมีอาการผิดปกติอื่นๆ ร่วมด้วย ควรปรึกษาแพทย์
ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

เลือดประจำเดือนตกค้าง: สีบอกอะไรเราได้บ้าง?

เลือดประจำเดือนเป็นเรื่องธรรมชาติของผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงสุขภาพของระบบสืบพันธุ์ โดยทั่วไปแล้ว เลือดประจำเดือนจะมีสีแดงสดไปจนถึงแดงคล้ำ แต่บางครั้งเราอาจพบว่าเลือดประจำเดือนมีสีที่แตกต่างออกไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงท้ายของรอบเดือน ซึ่งมักมีลักษณะเป็นเลือดตกค้างสีน้ำตาลเข้ม, สีดำ, หรือสีคล้ายกากกาแฟ หลายคนอาจกังวลว่าสีที่ผิดปกติเหล่านี้เป็นสัญญาณของโรคร้ายแรง บทความนี้จะพาไปไขข้อข้องใจเกี่ยวกับเลือดประจำเดือนตกค้าง และสีต่างๆ ที่อาจพบเจอ

เลือดประจำเดือนตกค้างคืออะไร?

เลือดประจำเดือนตกค้าง คือ เลือดประจำเดือนที่ยังคงค้างอยู่ในมดลูกนานกว่าปกติ แทนที่จะถูกขับออกมาในช่วงที่มีประจำเดือน เลือดเหล่านี้จะใช้เวลาอยู่ในมดลูกนานขึ้น ทำให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดงจะถูกย่อยสลายและเปลี่ยนสี จากสีแดงสดกลายเป็นสีน้ำตาลเข้ม ดำ หรือคล้ายกากกาแฟ ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่เลือดค้างอยู่ในมดลูก

สีของเลือดประจำเดือนตกค้างบอกอะไรเราได้บ้าง?

  • สีน้ำตาลเข้ม: เป็นสีที่พบได้บ่อยที่สุดของเลือดประจำเดือนตกค้าง บ่งบอกถึงเลือดเก่าที่ค้างอยู่ในมดลูกไม่นานมากนัก มักพบในช่วงท้ายของรอบเดือน หรือในช่วงที่ประจำเดือนมาไม่ปกติ
  • สีดำ: สีดำของเลือดประจำเดือนตกค้างอาจดูน่ากลัว แต่ในหลายกรณีไม่ได้เป็นสัญญาณของโรคร้ายแรง เกิดจากเลือดที่ค้างอยู่ในมดลูกเป็นเวลานาน ทำให้เกิดการออกซิเดชั่นอย่างสมบูรณ์ อาจพบในช่วงท้ายของรอบเดือน หรือในช่วงที่ประจำเดือนขาดหายไปนานกว่าปกติ
  • สีคล้ายกากกาแฟ: สีนี้คล้ายกับสีดำ แต่จะมีลักษณะข้นและเป็นก้อนเล็กๆ คล้ายกากกาแฟ เกิดจากเลือดที่จับตัวกันเป็นก้อนและค้างอยู่ในมดลูกนาน มักพบในช่วงที่ประจำเดือนมาน้อย หรือในช่วงหลังคลอดบุตร

สาเหตุของเลือดประจำเดือนตกค้าง

เลือดประจำเดือนตกค้างไม่ได้เป็นสัญญาณของโรคร้ายแรงเสมอไป สาเหตุที่พบได้บ่อย ได้แก่:

  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน: ความผันผวนของระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน เช่น ในช่วงวัยรุ่น ช่วงก่อนหมดประจำเดือน หรือการใช้ยาคุมกำเนิด อาจส่งผลต่อรอบเดือนและทำให้เกิดเลือดประจำเดือนตกค้างได้
  • ความเครียด: ความเครียดทางร่างกายและจิตใจสามารถส่งผลต่อฮอร์โมนและระบบสืบพันธุ์ ทำให้รอบเดือนมาไม่ปกติและเกิดเลือดตกค้างได้
  • การใช้ยาบางชนิด: ยาบางชนิด เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยาต้านการอักเสบ อาจส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือดและทำให้เลือดประจำเดือนมามากหรือน้อยกว่าปกติ และอาจมีเลือดตกค้างได้
  • โรคบางชนิด: ในบางกรณี เลือดประจำเดือนตกค้างอาจเป็นสัญญาณของโรคบางชนิด เช่น เนื้องอกในมดลูก เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หรือภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ดังนั้น หากมีอาการผิดปกติอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ปวดท้องน้อยอย่างรุนแรง ประจำเดือนมามากผิดปกติ มีเลือดออกกะปริบกะปรอย หรือมีกลิ่นเหม็น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง

เมื่อใดที่ควรปรึกษาแพทย์?

แม้ว่าเลือดประจำเดือนตกค้างส่วนใหญ่จะไม่ใช่เรื่องน่ากังวล แต่หากมีอาการดังต่อไปนี้ ควรปรึกษาแพทย์:

  • เลือดประจำเดือนตกค้างปริมาณมากและนานกว่าปกติ
  • มีอาการปวดท้องน้อยอย่างรุนแรง
  • มีไข้
  • มีกลิ่นเหม็นผิดปกติ
  • รอบเดือนมาไม่ปกติเป็นเวลานาน
  • มีเลือดออกกะปริบกะปรอยระหว่างรอบเดือน

การดูแลตัวเองเบื้องต้น

การดูแลสุขภาพโดยรวมให้แข็งแรง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และจัดการความเครียด จะช่วยให้ระบบฮอร์โมนสมดุลและลดโอกาสการเกิดเลือดประจำเดือนตกค้างได้ อย่างไรก็ตาม หากมีข้อสงสัยหรือกังวลเกี่ยวกับเลือดประจำเดือน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม