โรคน้ําในหูไม่เท่ากัน อันตรายไหม

12 การดู
โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน อาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้ เช่น การสูญเสียการทรงตัว ปัญหาในการได้ยิน ความรู้สึกไม่สบายหู หูอื้อ แต่อาการเหล่านี้อาจดีขึ้นเองได้ภายในไม่กี่สัปดาห์หรือไม่กี่เดือน โดยทั่วไปแล้ว ไม่ใช่โรคที่รุนแรงหรือเป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ในบางกรณีที่รุนแรง อาจต้องได้รับการรักษาด้วยยาหรือการผ่าตัด
ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน: อันตรายไหม

โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน หรือที่รู้จักกันในชื่อ โรคเมนิแยร์ เป็นภาวะที่ของเหลวภายในหูชั้นในไม่มีความสมดุล ทำให้เกิดความรู้สึกเวียนหัว หมุนติ้ว หรือเสียการทรงตัวเป็นหลัก ผู้ป่วยอาจมีอาการได้ยินลดลงในหูข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง มีเสียงดังในหู และรู้สึกไม่สบายหู

สาเหตุของโรค

สาเหตุที่แท้จริงของโรคน้ำในหูไม่เท่ากันยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่มีปัจจัยหลายประการที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้ ได้แก่

  • ความผิดปกติของการไหลเวียนของเลือดไปยังหูชั้นใน
  • ความผิดปกติของการผลิตหรือการดูดซึมของเหลวในหูชั้นใน
  • ปัญหาเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน
  • ความเครียด
  • การสูบบุหรี่
  • การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • การได้รับสารคาเฟอีนมากเกินไป

อาการของโรค

อาการของโรคน้ำในหูไม่เท่ากันอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล โดยอาการที่พบได้ทั่วไป ได้แก่

  • เวียนหัว หมุนติ้ว หรือเสียการทรงตัว เป็นอาการหลักของโรคนี้ มักเกิดขึ้นเป็นระยะๆ และอาจกินเวลาไม่กี่นาทีถึงหลายชั่วโมง
  • สูญเสียการได้ยินหรือได้ยินลดลง อาการนี้อาจเกิดขึ้นชั่วคราวหรือถาวร และอาจส่งผลกระทบต่อหูข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง
  • เสียงดังในหู (หูอื้อ) เสียงอื้ออาจมีลักษณะเหมือนเสียงซ่า เสียงหึ่ง หรือกเสียงในหู
  • รู้สึกไม่สบายหู อาจรู้สึกเหมือนมีอะไรอุดตันในหู หรือรู้สึกเจ็บปวด
  • อาการปวดศีรษะ อาการนี้มักเกิดขึ้นร่วมกับอาการเวียนหัว
  • อาการคลื่นไส้หรืออาเจียน อาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นได้ในผู้ป่วยบางราย

การวินิจฉัยโรค

แพทย์จะวินิจฉัยโรคน้ำในหูไม่เท่ากันโดยพิจารณาจากอาการของผู้ป่วย ประวัติทางการแพทย์ และผลการตรวจร่างกาย แพทย์อาจทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น

  • การตรวจการได้ยิน (Audiometry) เพื่อประเมินการได้ยินของผู้ป่วย
  • การตรวจการทรงตัว (Videonystagmography) เพื่อประเมินการทรงตัวของผู้ป่วย
  • การตรวจภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เพื่อตรวจหาความผิดปกติของหูชั้นใน

การรักษาโรค

การรักษาโรคน้ำในหูไม่เท่ากันมุ่งเน้นไปที่การบรรเทาอาการและป้องกันไม่ให้เกิดอาการซ้ำอีก แพทย์อาจแนะนำวิธีการรักษาต่างๆ ดังนี้

  • ยา เพื่อบรรเทาอาการเวียนหัวและเสียงดังในหู ยาที่ใช้บ่อย ได้แก่ ยาต้านอาการเวียนหัว ยากล่อมประสาท ยากลุ่มไดอะเรติก (ยาขับปัสสาวะ)
  • การรักษาด้วยแรงดันในหู การรักษาแบบนี้จะช่วยเพิ่มแรงดันในหูชั้นกลาง เพื่อลดความดันในหูชั้นใน
  • การผ่าตัด ในกรณีที่อาการของโรครุนแรงและไม่สามารถรักษาด้วยวิธีอื่นได้ แพทย์อาจแนะนำให้ผ่าตัดเพื่อระบายของเหลวส่วนเกินออกจากหูชั้นใน

การพยากรณ์โรค

อาการของโรคน้ำในหูไม่เท่ากันมักจะดีขึ้นเองภายในไม่กี่สัปดาห์หรือไม่กี่เดือน แต่ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการเรื้อรังได้ โดยทั่วไปแล้วโรคนี้ไม่ใช่โรคร้ายแรงหรือเป็นอันตรายถึงชีวิต แต่สามารถส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้

การป้องกันโรค

ไม่มีวิธีป้องกันโรคน้ำในหูไม่เท่ากันได้อย่างแน่นอน แต่การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตบางอย่างอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้ ได้แก่

  • หลีกเลี่ยงความเครียด
  • ออกกำลังกายเป็นประจำ
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • จำกัดการบริโภคคาเฟอีน