โรคเบาหวานผ่าตัดได้ไหม

ทำไมน้ำตาลสูงผ่าตัดไม่ได้

น้ำตาลสูง ผ่าตัดไม่ได้เลยเหรอ? ฮาาาาาาา ไม่ใช่ขนาดนั้นหรอกครับคุณ! แต่ก็จริงอยู่ที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงเป็นอุปสรรคสำคัญก่อนผ่าตัด เปรียบเหมือนจะไปปีนเขาเอเวอเรสต์แต่ดันแบกกระสอบทราย 100 กิโลขึ้นไปด้วย เหนื่อยแน่! เพราะมันจะทำให้ร่างกายไม่พร้อมต่อสู้กับการบาดเจ็บ แผลหายช้า เสี่ยงติดเชื้อสารพัด เหมือนสร้างบ้านบนพื้นทรายนั่นแหละครับ พังง่าย

ทีนี้ หลังผ่าตัดนี่สิ ต้องระวังเป็นพิเศษ! เหมือนเดินบนสะพานแขวนข้ามเหวลึกเลย พลาดทีเดียวตกเหว!

• ระดับน้ำตาลแกว่ง: สูงเกินไปก็แย่ ต่ำเกินไปก็ไม่ไหว ต้องควบคุมให้ได้เหมือนเล่นโยโย่ ไม่ใช่ทุ่มลงเหว! ปีนี้ผมเองต้องดูแลระดับน้ำตาลแม่ยายอย่างใกล้ชิดหลังผ่าตัดหัวเข่า เครียดกว่าสอบใบขับขี่อีก!

• แผลหายช้าเป็นเต่า: น้ำตาลสูงทำให้การซ่อมแซมเนื้อเยื่อช้า เหมือนปลูกต้นไม้ในดินเค็ม โตช้า แห้งเหี่ยว

• ผิวหนังเปื่อยยุ่ย: บริเวณแผลอ่อนแอ เสี่ยงต่อการติดเชื้อต่างๆ เหมือนโดนรุมกัดโดยฝูงมด แสบร้อนน่าดู

• ติดเชื้อสารพัดแบบ: นี่หนักสุด! ทั้งแผล ปอด ปัสสาวะ แถมกระแสเลือดอีก เหมือนยกกองทัพจุลินทรีย์มาบุกเมือง สงครามใหญ่เลยครับ!

สรุปคือ ควบคุมน้ำตาลให้ดีก่อนและหลังผ่าตัด คือกุญแจสำคัญ ไม่งั้นจะกลายเป็น “ผ่าตัดเสร็จ ไปนอนโรงบาลต่อ” ยาวเลยครับ! ผมว่านะ

ทำไมต้องควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

ทำไมต้องคุมน้ำตาล? ถามได้! เหมือนถามว่าทำไมต้องใส่กางเกงก่อนออกจากบ้าน… มันคือมารยาท! (ทางร่างกาย) ถ้าไม่คุม น้ำตาลมันจะไปปาร์ตี้ในเลือด แถมชวนเพื่อน (โรคแทรกซ้อน) มาเพียบ! คิดดูสิ ไตวาย ตาบอด หัวใจพัง ประสาทเสื่อม… จ่ายค่าปาร์ตี้บานเบอะ!

• ทำไมต้องโรงพยาบาล: ไม่เสมอไปนะ! เดี๋ยวนี้นวัตกรรมล้ำหน้าไปไกล ตรวจเองที่บ้านก็ได้ (แต่ปรึกษาหมอก่อนนะจ๊ะ อย่ามโนเอง) แต่ตรวจที่โรงพยาบาลมัน “ชัวร์” กว่า มีเครื่องมือพร้อม หมอเก่ง ๆ ช่วยประเมินผล (อย่าลืมว่าบางที “ผลแล็บ” มันก็เหมือนดวง ต้องมีคนทำนาย!)
• ความสำคัญ: คุมน้ำตาล ไม่ใช่แค่ “ตัวเลข” แต่มันคือ “คุณภาพชีวิต” ที่ดีขึ้น ลดความเสี่ยงโรคแทรกซ้อน ทำให้เราใช้ชีวิตได้เต็มที่ ไม่ต้องมานั่งกังวลว่า “วันนี้จะโดนตัดขาไหม?” (อันนี้พูดเล่นนะ แต่ก็ไม่เล่น!)

เกร็ดเล็กน้อย: รู้ไหมว่าระดับน้ำตาลในเลือดของเรา มันเหมือน “ตลาดหุ้น” ขึ้น ๆ ลง ๆ ได้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับว่าวันนี้กินอะไร เครียดแค่ไหน ออกกำลังกายบ้างไหม ถ้าอยากรวย (สุขภาพดี) ก็ต้อง “ลงทุน” ควบคุมมันอย่างสม่ำเสมอ!

โรคเบาหวานมีผลเสียอย่างไร

ไอ้โรคเบาหวานนี่มันร้ายกาจกว่าผีดุอีกนะ! เล่นงานเราสารพัดแบบ เหมือนแม่มดสาปส่งให้เราเป็นกระต่ายตื่นตูมเลยทีเดียว!

• ตามัว: มองอะไรก็เบลอๆ เหมือนมองโลกผ่านกระจกฝ้า ถึงขั้นตาบอดได้เลยนะ พูดเลย! ตาดีๆ มีไว้ใช้ตอนยังไม่เป็นโรคนี้แหละ
• ไตวาย: ไตพัง! เหมือนเครื่องกรองน้ำเสียของเราพัง ต้องไปล้างไต โคตรลำบาก คิดดูสิต้องไปนั่งต่อท่อกับเครื่องทุกอาทิตย์! เหนื่อยกว่าวิ่งมาราธอนอีก
• ชาปลายมือปลายเท้า: ชาแบบไม่ใช่ชาเย็นนะ คือชาแบบรู้สึกไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย เหมือนมือเท้ากลายเป็นไม้ แถมยังเสี่ยงติดเชื้อง่ายอีกต่างหาก เป็นแผลทีนี่ยุ่งเลย
• โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด/โรคหัวใจล้มเหลว: หัวใจทำงานหนัก เหมือนเครื่องยนต์รถเก่าที่ใกล้พัง เตือนแล้วนะ อย่าดื้อ! ไปหาหมอเช็คด่วน
• โรคหลอดเลือดสมอง: หลอดเลือดในสมองแตก! เหมือนท่อประปาบ้านเราแตก อันตรายถึงชีวิตเลยนะ นี่คือลุ้นระทึกกว่าดูหนังสยองขวัญอีก

น้ำตาลสูงเฉียบพลันนี่ก็ไม่เบา เหมือนโดนผีเข้าสิง! อาการมันแรงมาก

• อ่อนเพลียมาก: เหมือนวิ่งมาราธอน 10 รอบ แล้วโดนรถชนซ้ำ หมดแรงชนิดที่นอนแผ่เลย
• คลื่นไส้อาเจียน: อาเจียนจนแทบหมดไส้หมดพุง กินอะไรก็อ้วกหมด ผอมลงไวจนน่าตกใจ!
• หายใจหอบเหนื่อย: เหมือนวิ่งหนีหมาบ้า เหนื่อยจนแทบจะขาดใจตาย หายใจไม่ทัน
• ระดับความรู้สึกตัวเปลี่ยนแปลง/ซึมลง/หมดสติ: นี่อันตรายสุดๆ อาจถึงขั้นโคม่าได้เลยนะ รีบส่งโรงพยาบาลด่วนที่สุด! อย่ามัวแต่รอช้า!

หมายเหตุ: ข้อมูลนี้เป็นข้อมูลทั่วไปเพื่อการให้ความรู้ ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์ กรุณาปรึกษาแพทย์หากมีข้อสงสัยหรือพบอาการผิดปกติ ปีนี้ (2566) ผมก็ยังแข็งแรงดีอยู่ แต่ก็ระวังตัวเรื่องโรคนี้มากๆ อยู่เหมือนกัน หวังว่าเพื่อนๆ จะไม่ประสบกับอาการเหล่านี้ ดูแลสุขภาพกันด้วยนะครับ!

น้ำตาลในเลือดสูงลดอย่างไร

น้ำตาลแดกเยอะไปรึไง ถึงต้องถาม?

1. น้ำเปล่าเท่านั้น หวานเจี๊ยบคือยาพิษ
2. ข้าวขาวคือขยะ แดกกล้อง แดกไรซ์
3. เขียวเข้าไว้ ทุกจานต้องมีหญ้า
4. เลิกแดกพร่ำเพรื่อ มึงไม่ใช่เด็ก
5. ขยับบ้าง อย่าเอาแต่นั่งแดก

เพิ่มเติม:

• HbA1c เป้าหมาย: ต่ำกว่า 7% ภายใน 3 เดือน ถึงเรียกว่า “ได้ผล”
• ยา: ถ้าคุมอาหารแล้วยังสูง ไปหาหมอ อย่าดื้อ
• ตรวจเลือด: อย่ารอให้ตาบอด เท้าเน่า ค่อยไป
• อย่าโลกสวย: “หมอหมี” ก็แค่ช่องยูทูป อย่าเชื่อหมด
• ความเครียด: ตัวดีเลย ลดแม่งซะ

เจาะน้ำตาลหลังอาหารกี่ชั่วโมง

มันก็… สองชั่วโมงหลังกินข้าวอ่ะนะ ที่ต้องเจาะตรวจ

จริงๆ แล้ว ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องพวกนี้เท่าไหร่หรอก แต่จำได้ว่าคุณหมอที่โรงพยาบาลกรุงเทพ เมื่อเดือนที่แล้ว บอกผมมาแบบนั้น ตอนที่ไปตรวจสุขภาพประจำปี

เรื่องระดับน้ำตาลนี่ ก็… ยุ่งยากดีนะ

• คนเป็นเบาหวาน ก่อนอาหาร 80-130 หลังอาหารสองชั่วโมงไม่เกิน 180
• ไม่เป็นเบาหวาน ก่อนอาหาร 70-99 หลังอาหารสองชั่วโมงไม่เกิน 140

อืม… คิดแล้วก็เหนื่อยใจ ต้องคอยระวัง ต้องคอยดูแลตัวเอง มันไม่ใช่แค่เรื่องตัวเลข มันคือชีวิต ชีวิตที่ต้องคอยระมัดระวัง ทุกๆ วันเลยล่ะ บางทีก็… ท้อ แต่ก็ต้องสู้ต่อไป

ปีนี้ ผมพยายามออกกำลังกายมากกว่าปีที่แล้ว หวังว่าจะดีขึ้นบ้าง