G6PDอันตรายแค่ไหน

16 การดู

ภาวะพร่องเอนไซม์ G6PD เกิดจากความผิดปกติของยีนบนโครโมโซม X ทำให้ร่างกายสร้างเอนไซม์ G6PD ได้น้อยหรือไม่สามารถสร้างได้ ส่งผลต่อการทำงานของเม็ดเลือดแดง มักพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง การถ่ายทอดทางพันธุกรรมจากแม่สู่ลูกเป็นลักษณะด้อยบนโครโมโซม X ทำให้ลูกชายมีโอกาสเป็นโรคได้สูงกว่าลูกสาว.

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ภาวะพร่องเอนไซม์ G6PD อันตรายแค่ไหน

ภาวะพร่องเอนไซม์ G6PD เป็นภาวะทางพันธุกรรมที่เกิดจากความผิดปกติของยีนบนโครโมโซม X ส่งผลให้ร่างกายสร้างเอนไซม์ G6PD ได้น้อยหรือไม่สามารถสร้างได้ เอนไซม์ G6PD มีบทบาทสำคัญในการป้องกันเม็ดเลือดแดงจากความเสียหายจากสารออกซิแดนท์

เมื่อร่างกายมีระดับเอนไซม์ G6PD ต่ำ อาจทำให้เม็ดเลือดแดงเกิดการแตกตัวได้ง่าย (ภาวะเม็ดเลือดแดงแตก) ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้

อาการของภาวะพร่องเอนไซม์ G6PD

อาการของภาวะพร่องเอนไซม์ G6PD แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล โดยบางคนอาจไม่มีอาการใดๆ เลย ขณะที่บางคนอาจมีอาการรุนแรงมาก

อาการทั่วไปของภาวะพร่องเอนไซม์ G6PD ได้แก่

  • ภาวะตัวเหลือง (ตัวเหลือง ตาเหลือง)
  • ปัสสาวะสีเข้ม
  • อ่อนเพลีย
  • หายใจลำบาก
  • หัวใจเต้นเร็ว
  • ช็อก

สาเหตุของภาวะพร่องเอนไซม์ G6PD

ภาวะพร่องเอนไซม์ G6PD เกิดจากความผิดปกติของยีน G6PD บนโครโมโซม X ความผิดปกติทางพันธุกรรมนี้มีลักษณะด้อย ดังนั้นจึงพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง

เมื่อแม่มีภาวะพร่องเอนไซม์ G6PD ลูกชายจะมีโอกาสรับยีนที่ผิดปกติจากแม่และเป็นโรคได้สูงกว่าลูกสาว ลูกสาวของแม่ที่มีภาวะพร่องเอนไซม์ G6PD มีโอกาสเป็นพาหะของยีนที่ผิดปกติ ซึ่งหมายความว่าพวกเธอมีสำเนายีนที่ผิดปกติหนึ่งชุดและสำเนายีนปกติอีกชุด พาหะมักไม่มีอาการใดๆ แต่สามารถถ่ายทอดยีนที่ผิดปกติไปยังลูกหลานได้

การวินิจฉัยภาวะพร่องเอนไซม์ G6PD

การวินิจฉัยภาวะพร่องเอนไซม์ G6PD ทำได้โดยการตรวจเลือด ซึ่งจะวัดระดับเอนไซม์ G6PD ในเลือด

การรักษาภาวะพร่องเอนไซม์ G6PD

ภาวะพร่องเอนไซม์ G6PD ไม่มีการรักษา แต่สามารถป้องกันการเกิดภาวะเม็ดเลือดแดงแตกได้โดยหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น เช่น

  • ยาบางชนิด เช่น แอสไพริน ไอบูโปรเฟน และนาฟาทาเลน
  • อาหารบางชนิด เช่น ถั่วฟาวา
  • การติดเชื้อ
  • การออกกำลังกายอย่างหักโหม

บุคคลที่มีภาวะพร่องเอนไซม์ G6PD ควรแจ้งแพทย์และเภสัชกรเกี่ยวกับภาวะของตนก่อนใช้ยาหรือรับการรักษาใดๆ

ภาวะแทรกซ้อนของภาวะพร่องเอนไซม์ G6PD

หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา ภาวะพร่องเอนไซม์ G6PD อาจนำไปสภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ เช่น

  • ภาวะเม็ดเลือดแดงแตกอย่างเฉียบพลัน
  • โรคดีซ่านทารกแรกเกิด
  • ภาวะไตวาย
  • ความเสียหายต่ออวัยวะอื่นๆ

สรุป

ภาวะพร่องเอนไซม์ G6PD เป็นภาวะทางพันธุกรรมที่สามารถทำให้เกิดภาวะเม็ดเลือดแดงแตกได้ ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ แม้ว่าจะไม่มีการรักษาภาวะพร่องเอนไซม์ G6PD แต่สามารถป้องกันการเกิดภาวะเม็ดเลือดแดงแตกได้โดยหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น บุคคลที่มีภาวะพร่องเอนไซม์ G6PD ควรแจ้งแพทย์และเภสัชกรเกี่ยวกับภาวะของตนก่อนใช้ยาหรือรับการรักษาใดๆ