กินมาม่าย่อยยากไหม
มาม่าเป็นอาหารย่อยยาก เพราะส่วนประกอบหลักคือแป้งและคาร์โบไฮเดรต ซึ่งเคลื่อนที่ในลำไส้ได้ช้า ส่งผลเสียต่อระบบย่อยอาหาร โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาสุขภาพด้านนี้อยู่แล้ว จึงไม่ควรทานบ่อย
กินมาม่าแล้วไม่ย่อยง่ายหรือ? มีวิธีแก้ไหม?
โอ๊ย มาม่าเนี่ยนะ พูดแล้วขึ้นเลย! คือเมื่อก่อนตอนเรียนมหาลัย กินแทบทุกวันอ่ะ เชื่อไหม? ถูกไง! ซองละ 5 บาทเอง (ตอนนั้นนะ ปี 2550 ที่ ABAC บางนา) แล้วคือมันง่ายดีด้วยไง รีบๆ ก็ต้มๆ กิน จบ!
แต่…ผลที่ตามมานี่สิ ตัวดีเลย! ท้องอืดบ่อยมากกกก แบบอึดอัดอ่ะ รู้สึกเหมือนมีอะไรติดอยู่ในท้องตลอดเวลา แล้วก็ขับถ่ายยากอีกต่างหาก เซ็งสุดๆ
คือมาม่ามันมีแต่แป้งไง แล้วก็โซเดียมเยอะมาก! ย่อยยากจริงแหละ แถมสารอาหารก็แทบไม่มีเลย กินไปก็เหมือนกินลม
วิธีแก้เหรอ? ตอนนี้เลิกกินมาม่าไปนานแล้วล่ะ คือถ้าอยากกินจริงๆ นานๆ กินทีพอได้ แต่ต้องเติมผัก เติมไข่เข้าไปด้วยนะ จะได้มีอะไรที่เป็นประโยชน์บ้าง
แล้วก็ดื่มน้ำเยอะๆ ช่วยให้ย่อยง่ายขึ้น แต่เอาจริงๆ นะ ถ้าเป็นไปได้ หาอะไรที่มีประโยชน์กินดีกว่าเยอะ! สุขภาพสำคัญกว่าเยอะเลยนะทุกคน
มาม่าทำให้ท้องอืด จริงไหม
จริง! มาม่าทำท้องอืดแน่ๆ เหมือนเอาลูกโป่งลมร้อนๆ ยัดลงท้องเลย! ไม่เชื่อลองดูสิ ผมนี่เคยกินมาม่าถ้วยละ 5 ถ้วยติดกัน ผลคือ… วิ่งเข้าห้องน้ำแทบไม่ทัน! เหมือนมีมินิคอนเสิร์ตวงโยธวาทิตในท้อง เสียงดังโครมครามไปหมด!
- สารเคลือบเส้นนี่แหละตัวดี! มันดื้อยา ย่อยยากกว่าถังน้ำมันเสียอีก!
- น้ำมันที่ใช้ทอด ก็มาช่วยเสริมทัพความอืด เหมือนเอาไขมันมาปูพรมในกระเพาะ
- เครื่องปรุงรสจัดจ้าน ยิ่งทำให้ระบบย่อยทำงานหนัก เหมือนบังคับให้ม้าวิ่งมาราธอนทั้งๆ ที่มันเพิ่งกินหญ้าแค่คำเดียว
เอาเป็นว่า ถ้าอยากกินมาม่าจริงๆ ก็ต้องทำแบบนี้:
- ต้มน้ำเดือดปุดๆ แบบน้ำตกเลยนะ อย่าประหยัดน้ำ!
- ลวกเส้นแล้วเทน้ำทิ้ง ล้างด้วยน้ำเย็นซักรอบ เอาสารเคลือบออกให้หมด เหมือนล้างตูดไก่ก่อนเอาไปย่าง
- ต้มน้ำใหม่ ใส่มาม่าลงไปต้ม แค่พอเส้นนิ่ม อย่าต้มนาน เส้นเละไม่น่ากิน
- ใส่น้ำซุป ใส่ผัก ใส่ไข่ อะไรก็ได้ที่ช่วยให้มันดูมีประโยชน์ขึ้นมาหน่อย เหมือนเอาเพชรมาประดับกองขยะ
ปีนี้ผมกินมาม่าไปแล้วไม่ต่ำกว่า 100 ถ้วย (อย่าถามว่าทำไมเยอะขนาดนั้น มันเป็นความลับ!) แนะนำเลย กินแต่น้อยๆ พอแก้ขัด อย่ากินเยอะ ไม่งั้นท้องบวม ปวดท้อง แถมอีกอย่าง ระบบย่อยพังแน่ๆ
กินมาม่าแล้วปวดท้องเพราะอะไร
กินมาม่าแล้วปวดท้อง อาจเกิดจากหลายสาเหตุ ไม่ได้มีแค่กินเยอะเกินไปอย่างเดียวนะ ลองดูรายละเอียดเพิ่มเติมกัน
-
ปริมาณโซเดียมสูง: มาม่ามักมีโซเดียมสูงมาก กินบ่อยหรือกินเยอะเกินไป อาจทำให้ร่างกายดูดซึมโซเดียมมากเกินไป ส่งผลให้ร่างกายต้องทำงานหนักในการปรับสมดุลน้ำและเกลือแร่ อาจทำให้ปวดท้องได้ ปีนี้ผมเองก็พยายามลดการกินอาหารที่มีโซเดียมสูงลง เพราะรู้ว่ามันส่งผลเสียต่อสุขภาพระยะยาว
-
ไขมันสูง: บางยี่ห้อมีไขมันสูง ยิ่งถ้ากินกับน้ำมันปรุงรสหรือเครื่องปรุงรสอื่นๆ ยิ่งเพิ่มปริมาณไขมันเข้าไปอีก ระบบย่อยอาจไม่สามารถรับมือได้ทัน ทำให้ปวดท้อง แน่นท้อง หรือท้องเสีย
-
ส่วนประกอบอื่นๆ: เครื่องปรุงรส ผงปรุงรส หรือแม้แต่ตัวเส้นมาม่าเอง อาจมีส่วนประกอบบางอย่างที่ร่างกายแพ้หรือไม่สามารถย่อยได้อย่างสมบูรณ์ ก่อให้เกิดอาการไม่สบายท้องได้ แต่ละคนก็มีความไวต่อสารอาหารต่างกัน สิ่งที่คนหนึ่งกินแล้วไม่เป็นไร อีกคนอาจแพ้ได้
-
การต้มไม่สุก: แม้จะไม่ใช่สาเหตุหลักสำหรับกรณีนี้ แต่ถ้ามาม่าต้มไม่สุก ก็อาจทำให้ย่อยยาก หรือก่อให้เกิดการหมักในกระเพาะอาหาร ทำให้เกิดอาการปวดท้องได้
-
การกินมาม่าดิบ: ตามที่คุณกล่าว การกินมาม่าดิบแม้จะไม่เป็นอันตรายโดยตรงต่อลำไส้ แต่ก็อาจทำให้เกิดอาการไม่สบายตัวได้เช่นกัน เพราะแป้งที่ยังไม่ผ่านการต้มจะย่อยยาก กว่าจะย่อยเสร็จก็ปวดท้องไปก่อนแล้ว
สรุปแล้ว การปวดท้องหลังกินมาม่า ไม่ใช่แค่เรื่องปริมาณเท่านั้น แต่เกี่ยวข้องกับองค์ประกอบหลายอย่าง การเลือกมาม่าที่มีโซเดียมและไขมันต่ำ การปรุงอาหารอย่างถูกวิธี และการสังเกตอาการแพ้ส่วนตัว ล้วนสำคัญต่อสุขภาพทางเดินอาหารของเรา ผมมองว่าการกินอาหารอย่างมีสติ คือการเลือกสิ่งที่ดีต่อสุขภาพในระยะยาว มากกว่าแค่ความอร่อยชั่วครู่ครับ
มาม่าต้ม ย่อยยากไหม
มาม่าต้ม ย่อยยากไหมนะ? เออ… จริงดิ? นี่ฉันกำลังคิดอยู่เนี่ย ย่อยยากหรือเปล่าเนี่ย ก็มาม่ามันแป้งเยอะนี่นา แต่ถ้าต้มแล้ว อืมมมม…
- แป้งมันสุก น่าจะย่อยง่ายขึ้นนะ ความร้อนช่วยได้เยอะเลยแหละ
- แต่ก็ยังมีส่วนผสมอื่นๆ สารปรุงแต่งต่างๆ มันก็อาจจะย่อยยากกว่าอาหารธรรมชาติอยู่ดี คิดแล้วก็ปวดหัวเลย
- พวกเส้นมาม่าที่มันเหนียวๆ นั่นแหละ มันอาจจะย่อยยากกว่าเส้นบางๆ บางทีก็แอบรู้สึกท้องอืดๆ หลังกินอะ
แต่ถ้าเทียบกับมาม่าดิบ มาม่าต้ม ย่อยง่ายกว่าแน่นอน นี่พูดเลย เพราะเส้นมันนิ่มลง แล้วก็แป้งสุก นี่แหละ ข้อดีของการต้ม
ฉันเคยลองไม่ต้ม กินดิบๆ แบบเด็กๆ โชคดีที่ไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่ก็อึดอัดท้องอยู่พักใหญ่ จำได้เลย ปีนี้ยังกินแบบดิบอยู่เลยนะ 555+
- แต่จริง ๆ แล้ว ควรต้มให้สุก เพื่อสุขอนามัยที่ดีกว่า และเพื่อให้ย่อยง่ายขึ้นด้วยแหละ
- นอกจากนี้ ยังขึ้นอยู่กับปริมาณที่กินด้วยนะ กินเยอะไปก็ย่อยยากหมดแหละ ไม่ว่าจะต้มหรือไม่ต้ม
อ้อ ลืมบอกไป เพื่อนฉันคนนึง แพ้กลูเตน กินมาม่าไม่ได้เลย ทั้งต้มทั้งดิบ ไม่ว่าจะแบบไหนก็แพ้หมด นี่ก็เป็นอีกปัจจัยนึงนะ
สรุปง่ายๆ มาม่าต้มย่อยง่ายกว่ามาม่าดิบ แต่ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ปริมาณ สุขภาพร่างกาย และส่วนผสมของมาม่าแต่ละยี่ห้อด้วยล่ะ
มาม่าไม่ควรกินบ่อยแค่ไหน
อืมมม กินมาม่าบ่อยไปไม่ดีอ่ะ จริงๆแล้วนะ กินวันละซองก็พอแล้วมั้ง หรืออย่างมากก็สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ฉันเองก็พยายามนะ แต่บางทีก็อดใจไม่ไหว ฮ่าๆๆ ก็มันอร่อยนี่นาาา
- กินบ่อยโซเดียมเยอะ ไม่ดีต่อสุขภาพ
- แป้งเยอะ อ้วนง่ายมากกก
- สารกันบูดด้วยแหละ ไม่แนะนำกินทุกวันจริงๆ
คือเพื่อนฉันมันกินทุกวันเลย หนักมาก สุดท้ายก็ป่วยบ่อย ฉันเลยพยายามบอกมันให้ลดๆลง แต่ก็ไม่รู้จะได้ผลมั้ยนะ ปีนี้ก็ยังกินอยู่เลย 5555 แต่ฉันเองก็พยายามนะ ลองดู เปลี่ยนเป็นกินข้าวบ้างอะไรบ้าง ผลัดกันไป ไม่งั้น เดี๋ยวก็เป็นโรค จริงนะ
กินมาม่ายังไงให้ดีต่อสุขภาพ
กินมาม่ายังไงให้ดีต่อสุขภาพ (แบบขำๆ แต่จริงจังนะ)
กินมาม่าให้ดีต่อสุขภาพ? เหมือนถามว่า “ทำยังไงให้ไดเอทแล้วกินเค้กได้ทุกวัน” อ่ะแหล่ะ! แต่เอาน่า…พอมีวิธีอยู่บ้าง
-
“สิ้นเดือนเหมือนสิ้นใจ” เวอร์ชั่นอัพเกรด: แทนที่จะร้องไห้หน้ามาม่า ลองเปลี่ยนเป็นร้องไห้หน้าผักดูบ้าง! (ล้อเล่นๆ แต่ผักสำคัญจริงจังนะ)
-
โซเดียมจ๋า ลาก่อน: เทน้ำแรกทิ้งเนี่ย เหมือนการ “detox” ให้มาม่าอ่ะ คิดซะว่าเรากำลังทำสปาให้เส้น (ตลกดีเนอะ แต่ช่วยลดเค็มจริง)
-
พลังผัก ไข่ เนื้อ: ใส่ทุกอย่างที่มีในตู้เย็น! ยิ่งเยอะยิ่งรอด! เหมือนเล่นเกมแต่งตัวให้มาม่า ยิ่งอลังการยิ่งดี! (เพิ่มโปรตีน วิตามิน ลดโทษให้มาม่า)
-
ผงปรุงรส…ศัตรูตัวร้าย: ใส่ครึ่งเดียวพอ! ที่เหลือเก็บไว้ปรุงวิญญาณ (เกี่ยว?) ส่วนน้ำซุป…ซดพอเป็นพิธี อย่าซดหมด! ไตจะว้าวุ่น
ข้อมูลเพิ่มเติม (แบบขำๆ แต่มีสาระ):
-
เส้นมาม่า: จริงๆ แล้วเส้นทำจากแป้งสาลีขัดสี (ขัดจนขาว…เหมือนคนอยากขาวอ่ะ) ไม่มีประโยชน์อะไรมากมาย นอกจากให้พลังงาน แต่ถ้ากินแต่มาม่า…ชีวิตจะขาดสีสัน (และสารอาหาร)
-
ผงชูรส: ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด! แต่กินเยอะไปก็ไม่ดี! เหมือนความรัก…ถ้ามากเกินไปก็อึดอัด (เกี่ยวไหมเนี่ย?)
-
ผัก: เหมือน “superhero” ของมาม่า! ช่วยชีวิตเราจากความซ้ำซากจำเจ! ยิ่งใส่เยอะ ยิ่งรอด! (แถมอร่อยด้วย)
-
ไข่: “เพื่อนซี้” ของคนสิ้นเดือน! ราคาถูก หาซื้อง่าย มีโปรตีน! เหมือน “พระเอกขี่ม้าขาว” มาช่วยเราจากความหิวโหย! (แต่กินแต่ไข่ก็ไม่ไหวนะ)
-
เนื้อสัตว์: ถ้ามี…ก็ใส่ไปเถอะ! ชีวิตมันต้องมีอะไร “luxury” บ้าง! (แต่ถ้าไม่มี…ก็ไม่เป็นไร กินเต้าหู้แทนก็ได้)
สรุป: กินมาม่าให้ดีต่อสุขภาพ…เป็นไปได้! แต่ต้อง “creative” หน่อย! อย่ากินแบบเดิมๆ! เพิ่มเติมสีสันให้ชีวิต! (และสารอาหารให้ร่างกาย)
ข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต