หลังกินข้าวเสร็จควรเดินกี่นาที

เดินย่อยหลังอาหาร กี่นาทีถึงพอ? คำตอบที่มากกว่าแค่ “10 นาที”

การเดินหลังรับประทานอาหารเป็นกิจวัตรที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคย เป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยกระตุ้นระบบการย่อยอาหารและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่คำถามที่หลายคนสงสัยคือควรเดินนานแค่ไหนจึงจะได้ประโยชน์สูงสุด? คำตอบที่ว่า “10 นาที” นั้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ความจริงแล้ว ปัจจัยหลายอย่างส่งผลต่อระยะเวลาและความเข้มข้นของการเดินที่เหมาะสม ไม่ได้มีสูตรสำเร็จตายตัว

การศึกษาต่างๆ แสดงให้เห็นว่าการเดินหลังอาหาร โดยเฉพาะในผู้ป่วยเบาหวาน ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้จริง การเดินเบาๆ ประมาณ 10-15 นาที หลังรับประทานอาหารแต่ละมื้อ กระตุ้นการทำงานของอินซูลิน ช่วยให้ร่างกายนำน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงานได้ดีขึ้น ลดความเสี่ยงต่อภาวะน้ำตาลในเลือดสูง และช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า สบายตัวขึ้น

อย่างไรก็ตาม “10 นาที” ไม่ได้เป็นตัวเลขตายตัว ควรพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้ร่วมด้วย:

• ชนิดและปริมาณอาหาร: อาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูงอาจต้องการเวลาในการย่อยนานขึ้น การเดินนานขึ้นเล็กน้อยอาจเป็นประโยชน์ ในขณะที่อาหารที่มีโปรตีนและไขมันสูงอาจไม่จำเป็นต้องเดินนานเท่า
• สภาพร่างกาย: บุคคลที่มีสุขภาพแข็งแรง สามารถเดินได้นานและเร็วกว่า ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น โรคหัวใจ โรคข้อ ควรเริ่มต้นด้วยระยะเวลาสั้นๆ และค่อยๆ เพิ่มระยะเวลาและความเข้มข้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป
• ความชอบส่วนตัว: การเดินควรเป็นกิจกรรมที่สนุกสนาน ไม่ใช่ภาระ เลือกความเร็วและระยะเวลาที่รู้สึกสบาย และสามารถทำได้อย่างสม่ำเสมอ ความสม่ำเสมอสำคัญกว่าระยะเวลาในการเดินแต่ละครั้ง

แทนที่จะยึดติดกับตัวเลข เช่น 10 นาที ควรเน้นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ให้การเดินเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน หลังรับประทานอาหาร ลองเดินเบาๆ สังเกตการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย หากรู้สึกสบายตัว สามารถเพิ่มระยะเวลาและความเข้มข้นได้ แต่ถ้ารู้สึกเหนื่อยล้า ควรลดระยะเวลาลง การฟังเพลง หรือเดินคุยกับเพื่อน ก็ช่วยให้การเดินเป็นกิจกรรมที่เพลิดเพลินมากยิ่งขึ้น

สรุปแล้ว การเดินหลังอาหารเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างแน่นอน แต่ “10 นาที” เป็นเพียงคำแนะนำทั่วไป ควรปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสภาพร่างกาย ชนิดของอาหาร และความชอบส่วนตัว การเดินอย่างสม่ำเสมอ แม้เพียงระยะเวลาสั้นๆ ก็ดีกว่าไม่เดินเลย และอย่าลืมปรึกษาแพทย์ หากมีข้อสงสัยหรือมีปัญหาสุขภาพอยู่ก่อนแล้ว