พื้นฐาน Python มีอะไรบ้าง

25 การดู

Python มีชนิดข้อมูลพื้นฐานที่สำคัญ 5 ชนิด ได้แก่ ตัวเลข (Numbers), ข้อความ (Strings), ลำดับ (Sequences) เช่น ลิสต์ (Lists) และ ทูเพิล (Tuples), ชุด (Sets) และ พจนานุกรม (Dictionaries) แต่ละชนิดมีคุณสมบัติและวิธีใช้งานที่แตกต่างกันไป ทำให้ Python มีความยืดหยุ่นในการจัดการข้อมูลหลากหลายรูปแบบ

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

พลิกมุมมองโลกแห่งโปรแกรมมิ่งด้วย Python: การเริ่มต้นกับชนิดข้อมูลพื้นฐาน

Python ภาษาโปรแกรมมิ่งที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ด้วยความเรียบง่าย อ่านง่าย และประสิทธิภาพสูง จุดเริ่มต้นสำคัญของการเรียนรู้ Python คือการทำความเข้าใจกับชนิดข้อมูลพื้นฐาน ซึ่งเป็นเสาหลักที่รองรับการสร้างโปรแกรมที่ซับซ้อน และในบทความนี้ เราจะเจาะลึกถึงชนิดข้อมูลพื้นฐาน 5 ชนิด พร้อมทั้งยกตัวอย่างการใช้งานเบื้องต้น เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น

1. ตัวเลข (Numbers): มากกว่าแค่การนับ

ชนิดข้อมูลตัวเลขใน Python แบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่:

  • จำนวนเต็ม (Integers): ตัวเลขที่ไม่มีส่วนทศนิยม เช่น 10, -5, 0 Python สามารถจัดการกับจำนวนเต็มที่มีขนาดใหญ่ได้อย่างไม่มีข้อจำกัด แตกต่างจากภาษาโปรแกรมอื่นๆ ที่อาจมีการจำกัดขนาดของจำนวนเต็ม

  • จำนวนจริง (Floating-point numbers): ตัวเลขที่มีส่วนทศนิยม เช่น 3.14, -2.5, 0.0 การใช้งานคล้ายกับจำนวนเต็ม แต่มีความแม่นยำจำกัดตามมาตรฐาน IEEE 754

  • จำนวนเชิงซ้อน (Complex numbers): ตัวเลขที่มีส่วนจริงและส่วนจินตภาพ เช่น 2+3j โดย j แทนหน่วยจินตภาพ มักใช้ในงานทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์

ตัวอย่าง:

integer_variable = 10
float_variable = 3.14159
complex_variable = 2 + 3j

print(integer_variable, float_variable, complex_variable)

2. ข้อความ (Strings): การจัดการตัวอักษรอย่างมีประสิทธิภาพ

ข้อความหรือสตริงใน Python คือลำดับของอักขระ สามารถใช้เครื่องหมายคำพูดเดียว (') หรือคำพูดคู่ (") ล้อมรอบข้อความ Python มีฟังก์ชันและเมธอดมากมายสำหรับการจัดการข้อความ เช่น การตัดต่อข้อความ การแปลงตัวพิมพ์ใหญ่เล็ก การค้นหา และการแทนที่

ตัวอย่าง:

string_variable = "นี่คือข้อความตัวอย่าง"
print(string_variable.upper())  # แปลงเป็นตัวพิมพ์ใหญ่
print(len(string_variable))  # หาความยาวของข้อความ

3. ลำดับ (Sequences): การจัดเรียงข้อมูลอย่างเป็นระเบียบ

ลำดับเป็นชนิดข้อมูลที่เก็บข้อมูลหลายรายการไว้ด้วยกัน ใน Python มีลำดับสองชนิดที่สำคัญ ได้แก่:

  • ลิสต์ (Lists): ลำดับที่มีความยืดหยุ่น สามารถเปลี่ยนแปลงค่าได้ ใช้เครื่องหมายวงเล็บเหลี่ยม [] เช่น my_list = [1, 2, "hello", 3.14]

  • ทูเพิล (Tuples): ลำดับที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงค่าได้ ใช้เครื่องหมายวงเล็บ () เช่น my_tuple = (1, 2, "hello", 3.14) ทูเพิลใช้ในกรณีที่ต้องการความไม่เปลี่ยนแปลงของข้อมูล เพื่อป้องกันการดัดแปลงโดยไม่ได้ตั้งใจ

ตัวอย่าง:

my_list = [1, 2, 3]
my_list[0] = 10  # เปลี่ยนค่าในลิสต์ได้
print(my_list)

my_tuple = (1, 2, 3)
# my_tuple[0] = 10  #  จะเกิดข้อผิดพลาด เพราะไม่สามารถเปลี่ยนค่าในทูเพิลได้
print(my_tuple)

4. ชุด (Sets): การจัดการข้อมูลที่ไม่ซ้ำกัน

ชุดเป็นกลุ่มของข้อมูลที่ไม่ซ้ำกัน ใช้เครื่องหมายวงเล็บปีกกา {} และไม่มีลำดับ เหมาะสำหรับการตรวจสอบการมีอยู่ของข้อมูล หรือการลบค่าที่ซ้ำกัน

ตัวอย่าง:

my_set = {1, 2, 2, 3} #ค่า 2 จะถูกนับแค่ค่าเดียว
print(my_set)  # Output: {1, 2, 3}

5. พจนานุกรม (Dictionaries): การจัดเก็บข้อมูลแบบคีย์-ค่า

พจนานุกรมเป็นโครงสร้างข้อมูลที่เก็บข้อมูลแบบคีย์-ค่า โดยแต่ละค่าจะมีคีย์ที่ใช้ในการอ้างอิง ใช้เครื่องหมายวงเล็บปีกกา {} เช่น my_dict = {"name": "John", "age": 30}

ตัวอย่าง:

my_dict = {"name": "John", "age": 30}
print(my_dict["name"])  # Output: John

ชนิดข้อมูลพื้นฐานเหล่านี้เป็นรากฐานที่สำคัญในการเขียนโปรแกรม Python การทำความเข้าใจคุณสมบัติและวิธีใช้งานของแต่ละชนิดอย่างถ่องแท้ จะช่วยให้ผู้อ่านสามารถเขียนโปรแกรมที่มีประสิทธิภาพและแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นี่เป็นเพียงการเริ่มต้น ยังมีเทคนิคและความรู้เพิ่มเติมอีกมากมายรอให้ผู้เรียนค้นพบในโลกอันกว้างใหญ่ของ Python