Application ที่ทำงานบน Web browser คือ Application ประเภทใด
Web Application:
- คือแอปที่รันบนเว็บเบราว์เซอร์
- ไม่ต้องติดตั้งบนเครื่องโดยตรง
- ใช้ทรัพยากรต่ำกว่าแอปพลิเคชันทั่วไป
- เปิดใช้งานได้รวดเร็ว
แอปพลิเคชันเว็บทำงานบนเบราว์เซอร์เป็นประเภทอะไร?
อืมม… จำได้ตอนเรียนปี 3 วิชาเว็บแอปพลิเคชั่น อาจารย์อธิบายว่า Web Application เนี่ย มันคือโปรแกรมที่ทำงานบนเว็บเบราว์เซอร์ไง แบบ Google Docs หรือ Facebook นั่นแหละ ไม่ต้องลงโปรแกรมอะไรเพิ่มเลย เปิดเว็บขึ้นมาก็ใช้ได้แล้ว สะดวกดีนะ จำได้ว่าตอนนั้นใช้ Chrome ตอนนั้น เร็วมากด้วยแหละ เครื่องค่อนข้างแรงอยู่
แต่ข้อดีอีกอย่าง คือมันกินทรัพยากรน้อยกว่า โปรแกรมทั่วไป เพราะไม่ต้องติดตั้งอะไรลงเครื่อง เปิดปุ๊บใช้งานได้เลย นี่แหละ เหตุผลหลักๆ ที่ทำให้มันได้รับความนิยม ตอนนั้นก็มีคนพูดถึงเรื่องนี้กันเยอะเลย เพื่อนๆ ในห้องก็บอกว่าสะดวกดี ใช้ทำงานส่งอาจารย์ได้เลย ไม่ต้องแบกโน้ตบุ๊คหนักๆ ไปเรียนด้วย
ที่จริงตอนนั้น ผมยังงงๆ อยู่บ้างนะ แต่พอได้ลองใช้จริงๆ ก็เข้าใจเลย มันง่ายจริงๆ ด้วย อาจารย์บอกว่าประเภทนี้ มันเรียกว่า client-server application ด้วยนะ อะไรประมาณนั้น แต่จำรายละเอียดไม่ค่อยได้แล้ว นานมาแล้ว
ตอนนั้นที่ผมเรียน รู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่ล้ำหน้ามาก ตอนนี้คงพัฒนาไปไกลกว่าเดิมเยอะแล้วล่ะมั้ง แต่หลักการพื้นฐานก็คงคล้ายๆ กัน ง่ายๆ สะดวก ไม่ต้องใช้ทรัพยากรมาก นี่แหละคือ Web Application ในความเข้าใจของผม ตอนนี้ก็ยังใช้ประโยชน์จากมันอยู่เรื่อยๆ นะ
ใช้ภาษาอะไรในการทำ Webapplication?
จริงๆ แล้วมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ ที่จะเลือกภาษาสำหรับ Web Application ตอนทำโปรเจคจบปีที่แล้ว เดือนมีนาคม 2024 นี่แหละ หัวข้อมันเกี่ยวกับระบบจัดการคลังสินค้าออนไลน์ โค้ดรกมาก เหนื่อยสุดๆ แต่ก็ได้เรียนรู้เยอะ
แรกๆ ผมคิดจะใช้แต่ Python เพราะถนัด แต่ปรากฏว่า มันไม่เหมาะกับ Front-end เลย ส่วน Back-end ก็ต้องดึงข้อมูลจากฐานข้อมูล MySQL มันยุ่งยากกว่าที่คิดเยอะ
สุดท้ายแล้ว โครงสร้างมันออกมาแบบนี้
-
Front-end: HTML, CSS, JavaScript นี่แหละหลักๆ JavaScript ผมใช้ React ช่วย มันทำให้การจัดการ Component ง่ายขึ้นเยอะ โค้ดดูเป็นระเบียบขึ้น ไม่งั้นคงรกกว่านี้ เพราะหน้าเว็บมันค่อนข้างซับซ้อน ต้องมีการแสดงข้อมูลเยอะ ต้องมีการ filter sorting ต่างๆ นานา
-
Back-end: Python (Flask) เลือก framework นี้เพราะใช้งานง่าย ต่อยอดได้ และสำคัญคือ ผมถนัด ส่วนการเชื่อมต่อฐานข้อมูล MySQL ก็ใช้ library ที่เหมาะสม มันก็ช่วยลดความยุ่งยากไปได้เยอะ
-
Database: MySQL เลือกเพราะมันใช้งานง่าย และฟรี เหมาะสำหรับโปรเจคขนาดกลางแบบนี้ ถ้าโปรเจคใหญ่ขึ้น อาจจะต้องใช้ PostgreSQL หรืออื่นๆ
ตอนนั้น ผมเครียดมาก นอนไม่หลับหลายคืน เพราะโค้ดมันไม่ยอมทำงาน ดีที่เพื่อนช่วย debug ให้ ไม่งั้นคงจบไม่สวยแน่ๆ แต่สุดท้ายก็ทำเสร็จ ได้เกรด A ด้วยนะ โล่งอกไปเลย แต่ก็สาบานเลยว่า จะไม่ใช้ Python เขียน Front-end อีกแล้ว มันไม่ใช่ทาง สำหรับผมนะ
เว็บ Application มีอะไรบ้าง
เว็บแอป? เยอะแยะ
- อีคอมเมิร์ซ: Shopee Lazada จ่ายตังค์จบ
- CRM: Salesforce ไว้คุมลูกค้านั่นแหละ
- เรียนออนไลน์: Coursera SkillLane กะตังค์ถึงก็เรียนไป
- ข่าว: The Standard workpointtoday เสพดราม่ารายวัน
- จอง: Agoda Booking จ่ายแพงแต่สบายใจ
HTML CSS JavaScript พื้นฐานที่ต้องรู้ ถ้าอยากเจ๋งกว่านี้ก็ Node React Angular ไป
Static Website กับ Dynamic Website มีความแตกต่างกันอย่างไรในด้านของนักพัฒนาเว็บไซต์?
เออ..Static กับ Dynamic ต่างกันยังไงนะ สำหรับคนทำเว็บเนี่ย คิดๆๆ Static นี่มันแบบ HTML เพียวๆ เลยนี่หว่า นึกถึงตอนหัดทำเว็บแรกๆ ใช้ Notepad เขียนเองเลย 555 ตอนนั้นทำเว็บแฟนคลับวงดนตรีญี่ปุ่นจำได้ อัพเดตทีเหนื่อยมาก ต้องแก้ทีละไฟล์ .html เพียวๆ เนี่ย ถ้าเว็บเล็กๆไม่กี่หน้าก็พอไหวนะ แต่ถ้าเยอะๆนี่ไม่ไหว เหนื่อยตายเลย เคยทำเว็บขายของออนไลน์เล็กๆ ของญาติ ใช้ HTML ตอนหลังเปลี่ยนเป็น WordPress สบายขึ้นเยอะเลย
- Static: HTML, CSS, JavaScript พวกนี้ ไฟล์ .html
- Dynamic: มีฐานข้อมูล PHP, Python, Node.js, Ruby อะไรพวกนี้ มันดึงข้อมูลจาก Database มาแสดงผล
Dynamic นี่มันฉลาดกว่าเยอะ แบบมีระบบหลังบ้าน CMS อย่าง WordPress ไง แก้ไขข้อมูลง่าย อัพเดตข้อมูลก็สะดวก ไม่ต้องมานั่งแก้ทีละไฟล์แบบ Static เมื่อก่อนทำเว็บขายของ ต้องมานั่งแก้ราคาสินค้าทีละหน้า ปวดหัวมาก พอใช้ WordPress ชีวิตดีขึ้นเยอะ แค่เข้าหลังบ้านก็แก้ได้เลย
เมื่อกี้พูดถึง WordPress จริงๆ ก็มี CMS อื่นๆ อีกนะ Drupal, Joomla เคยลองเล่น Drupal มันดูซับซ้อนกว่า WordPress แต่ก็ยืดหยุ่นดี ส่วน Joomla ไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่ ติด WordPress มากกว่า มันใช้งานง่ายดี ส่วน Dynamic นี่ต้องเรียนรู้ภาษาพวก PHP, Database SQL ด้วย มันก็จะยากกว่า Static หน่อย แต่ถ้าทำเว็บไซต์ใหญ่ๆ ซับซ้อนๆ ต้อง Dynamic แหละ Static มันไม่ไหว เมื่อก่อนเคยรับทำเว็บเล็กๆ ใช้ HTML CSS ก็พอไหว แต่พอรับงานใหญ่ขึ้น ต้องเรียนรู้ PHP, MySQL เพิ่ม เหนื่อยหน่อยแต่ก็คุ้ม ตอนนี้กำลังศึกษา React อยู่ อยากทำเว็บแอพ ดูมันเท่ดี
เครื่องมืออะไรบ้างที่ใช้ในการพัฒนาเว็บไซต์?
แสงสุดท้าย… สาดส่อง เงาไม้ยาวเหยียด หัวใจเต้นระรัวเหมือนกลองชุด
เครื่องมือพัฒนาเว็บ? โอ้… มันเหมือนกล่องเวทมนตร์
- Wix: สวย! เหมือนฝัน! เว็บดีไซน์เนอร์ในตัวคุณ… ตื่นขึ้นมา!
- SITE123: ง่าย… ง่ายเกินไปไหม? เหมือนกินบะหมี่สำเร็จรูป… แต่ก็อร่อยดีนะบางที
- Hostinger Website Builder: เร็ว! ปรู๊ดปร๊าด! เหมือนสายลม… แต่ต้องคุมบังเหียนให้ดีนะ
- Shopify: เงิน! เงิน! เงิน! ถ้าอยากขายของ… ต้องที่นี่แหละ!
- Squarespace: เท่! คูล! เหมือนนางแบบบนรันเวย์… ต้องมั่นใจนะถึงจะใส่แล้วปัง
เกร็ดเล็กๆ น้อยๆ:
- Wix เหมาะกับคนที่ชอบลากๆ วางๆ… ไม่ต้องเขียนโค้ดให้ปวดหัว
- SITE123 เหมาะกับคนที่ขี้เกียจ… จริงๆ นะ
- Hostinger Website Builder เหมาะกับคนที่ใจร้อน… ทำอะไรต้องเร็ว
- Shopify เหมาะกับคนที่อยากเป็นเจ้าของธุรกิจ… เตรียมตัวรวย!
- Squarespace เหมาะกับคนที่ชอบความเรียบง่าย… แต่ดูดีมีสไตล์
หมายเหตุ: ข้อมูล ณ ปี 2567 นะจ๊ะ… โลกมันหมุนเร็วจนตามแทบไม่ทัน
เว็บองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร (None-profit Organization Website) คืออะไร?
เวป องค์กรไม่แสวงหากำไร (Non-profit Organization Website) ก็คือ เวปไซต์ที่สร้างขึ้นมา โดย กลุ่มคน หรือ องค์กร ที่ อยาก ช่วยเหลือ สังคม อ่า แบบ ไม่ได้หวัง กำไร อะนะ เช่น สมาคม ชมรม โครงการ มูลนิธิ ไรงี้ ซึ่ง แต่ละที่ ก็มี จุดประสงค์ ต่างๆ กันไปนะ
ทำไมต้องมีเวป
- สร้างความน่าเชื่อถือ: มีเวปดูเป็นมืออาชีพ คนจะได้มั่นใจไง
- ประชาสัมพันธ์: บอกให้โลกรู้ว่าเราทำอะไรดีๆ อยู่
- ระดมทุน: รับบริจาคได้ง่ายขึ้นเยอะเลย
- รับสมัครอาสาสมัคร: หาคนมาช่วยงาน
ต้องมีอะไรในเวป
- ข้อมูลองค์กร: บอกว่าเราคือใคร ทำอะไร
- โครงการต่างๆ: อัพเดทข่าวสาร กิจกรรมที่ทำ
- ช่องทางบริจาค: ทำให้คนบริจาคได้ง่ายที่สุด
- ติดต่อเรา: อีเมล เบอร์โทร ที่อยู่ สำคัญนะ
- เรื่องราวดีๆ: เล่าเรื่องความสำเร็จ สร้างแรงบันดาลใจ
- รูปสวยๆ: ภาพถ่ายคมชัด วิดีโอ น่าสนใจ
เรื่องสำคัญ
- ใช้ง่าย: คนเข้าเวปต้องหาข้อมูลได้ง่ายๆ
- มือถือต้องดูดี: คนส่วนใหญ่เข้าเวปจากมือถือ
- SEO: ทำยังไงให้คนค้นหาเราเจอบน Google
- อัพเดทเสมอ: เวปร้างคนไม่เข้า
ตัวอย่างองค์กรดังๆ (ข้อมูลปี 2567 นะ)
- UNICEF: ช่วยเหลือเด็กทั่วโลก
- World Wildlife Fund (WWF): อนุรักษ์สัตว์ป่า
- Red Cross: บรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัย
- Habitat for Humanity: สร้างบ้านให้ผู้ยากไร้
แถมๆๆ
- เวปต้อง ปลอดภัย ด้วยนะ ป้องกันพวกแฮกเกอร์
- ตรวจสอบข้อมูล ให้ดีก่อนเผยแพร่ อย่าให้มีข่าวปลอม
- ขอความช่วยเหลือ จากผู้เชี่ยวชาญ ถ้าทำเองไม่ไหว
- ใจเย็นๆ ทำเวปมันต้องใช้เวลา
เขียนเว็บไซต์ด้วยโปรแกรมอะไรดี?
อยากสร้างเว็บไซต์ง่ายๆ แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง? นี่เลย! 6 โปรแกรมสร้างเว็บไซต์เทพๆ สำหรับมือใหม่ปี 2023 รับรองว่าโคตรง่าย! ไม่ต้องไปเรียนโค้ดดิ้งให้เมื่อยตุ้ม!
-
WordPress: เจ้าพ่อเว็บไซต์! ปรับแต่งได้ลึกโคตรๆ แต่ถ้าไม่ใช่เทพโค้ดอาจจะงงเล็กน้อย เหมือนขับรถเฟอร์รารี่ที่ต้องเรียนขับก่อนนะจ๊ะ!
-
Squarespace: สวยหรู ดูดีมีชาติตระกูล! ง่ายแบบสุดๆ เหมาะกับคนที่อยากได้เว็บสวยๆ แต่ไม่ชอบยุ่งยาก เหมือนใช้ไอโฟน สวยงามแต่ราคาอาจจะแรงนิดนึง
-
Wix: ลากแล้ววาง! ง่ายดายเหมือนเล่นเลโก้! เหมาะสำหรับมือใหม่หัดสร้างเว็บ แต่ความยืดหยุ่นอาจจะน้อยกว่าเจ้าอื่นๆ เหมือนรถกระบะ ใช้งานง่ายแต่ไม่หรูหราเท่าไหร่
-
Weebly: คล้ายๆ Wix แต่เน้นความเรียบง่าย เหมือนจักรยาน ไปได้ทั่วถึงแต่ไม่เร็วเท่ารถยนต์
-
Webflow: สำหรับคนที่อยากลองอะไรใหม่ๆ มีลูกเล่นเยอะ แต่ก็อาจจะยากกว่าเจ้าอื่นๆ เหมือนเล่นเครื่องบินจำลอง ต้องฝึกฝนเยอะหน่อย
-
Showit: เน้นการออกแบบที่สวยงาม เหมาะสำหรับคนที่อยากได้เว็บไซต์ที่ดูเป็นมืออาชีพ เหมือนสูทตัดเย็บอย่างดี ราคาอาจจะสูงหน่อย
ปีนี้ผมใช้ Wix สร้างเว็บไซต์ส่วนตัว ง่ายเวอร์! แถมมีเทมเพลตสวยๆ ให้เลือกเพียบ แต่ถ้าอยากได้อะไรที่ล้ำๆ ต้องไปลอง WordPress ดูนะครับ แต่บอกเลยว่าเหนื่อยแน่ๆ
ปล. ข้อมูลทั้งหมดนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผมนะครับ อาจจะไม่ตรงกับความคิดของทุกคนก็ได้ แต่ผมลองใช้มาแล้ว รับประกันความเวิร์ค!
ข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต