Web Application แตกต่างจาก websites อย่างไร

19 การดู

Web Application vs. Website:

  • Website: เน้นแสดงเนื้อหาคงที่ เช่น บทความ, รูปภาพ เหมาะกับการให้ข้อมูล
  • Web Application: เน้นการโต้ตอบกับผู้ใช้, ทำงานหรือจัดการข้อมูลได้เหมือนแอปบนมือถือ
  • Web Application มีฟังก์ชันการทำงานที่ซับซ้อนกว่า Website มาก
  • Website มักมีลักษณะเป็นข้อมูล static ส่วน Web Application จะ dynamic กว่า

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

เว็บแอปพลิเคชัน กับเว็บไซต์ แตกต่างกันอย่างไร?

เว็บแอปฯ กับ เว็บไซต์ ต่างกันยังไงน่ะเหรอ? เอ่อ… เอาจริงๆนะ ตอนแรกๆ ที่ทำเว็บ (เมื่อ 5-6 ปีก่อนมั้ง) ก็งงๆ เหมือนกันแหละ คิดว่ามันก็เหมือนกันนี่หว่า แค่หน้าตาเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่พอเริ่มทำอะไรที่มัน “ซับซ้อน” ขึ้นเท่านั้นแหละ ถึงได้ เก็ต!

เว็บไซต์เนี่ย เหมือน “โบรชัวร์” ออนไลน์ ที่เราเอาไว้ดูข้อมูลเฉยๆ อ่านนู่นนี่นั่น จบ! แต่เว็บแอปฯ มันเหมือน “โปรแกรม” ที่เราใช้บนเน็ตเลยอ่ะ กดปุ่มแล้วมีอะไรเกิดขึ้น เปลี่ยนแปลงข้อมูลได้

อย่างตอนนั้นที่บริษัทเก่า (แถวๆ อโศกนะ ถ้าจำไม่ผิด) ทำเว็บให้ลูกค้าที่เป็นร้านอาหาร เค้าอยากให้ลูกค้าสั่งอาหารออนไลน์ได้ด้วย นั่นแหละ! คือจุดเริ่มต้นของการทำเว็บแอปฯ แบบจริงจังของเราเลย ต้องมีระบบตะกร้า มีระบบ payment ตัดบัตรเครดิต โอ๊ย ปวดหัว!

เว็บแอปฯ มันเลยต้องมี “ลูกเล่น” เยอะกว่าเว็บไซต์เยอะมากๆ ต้องคิดถึงเรื่อง User Experience (UX) เรื่องความปลอดภัย (Security) อีกสารพัด

สรุปสั้นๆ เว็บไซต์ = อ่าน, เว็บแอปฯ = ทำอะไรบางอย่าง! เข้าใจยัง?

Application, Web Application, Program แตกต่างกันอย่างไร

อ่ะ นี่ไง! แอป, เว็บแอป, โปรแกรม ต่างกันตรงไหน? ถามมาได้…

  • แอป (Application): นึกภาพแอปเปิ้ลในสวนอ่ะ กินได้เลย ไม่ต้องง้อใคร แอปก็เหมือนกัน ติดตั้งปุ๊บ ใช้ปั๊บ ไม่ต้องต่อเน็ต (บางแอปนะ) พวกเกมมือถือ, โปรแกรมแต่งรูป นั่นแหละตัวอย่าง
  • เว็บแอป (Web Application): อันนี้ต้องเข้าสวนผ่านประตูเว็บบราวเซอร์ก่อน ถึงจะเจอแอปเปิ้ล (เว็บแอป) ใช้งานผ่านเน็ตเท่านั้น! Facebook, Gmail, Shopee อะไรพวกนี้
  • โปรแกรม (Program): คือสูตรทำอาหาร! แอปเปิ้ล (แอป) และสวนแอปเปิ้ล (เว็บแอป) เกิดจากสูตรนี้แหละ คือชุดคำสั่งที่คอมพิวเตอร์เข้าใจ

สรุปแบบชาวบ้าน:

  • แอป = มีแอปในมือ ใช้ได้เลย
  • เว็บแอป = ต้องเข้าเว็บก่อน ถึงจะใช้แอปได้
  • โปรแกรม = แม่ครัว (โปรแกรมเมอร์) ทำสูตรให้คอมทำตาม

ลึกกว่านั้นนิดนึง: โปรแกรมเมอร์บางคนบอกว่า เว็บแอปก็คือแอปอย่างนึงนั่นแหละ แค่รันบนเว็บเฉยๆ แต่เอาจริง ๆ มันซับซ้อนกว่านั้นเยอะ! (ใครอยากรู้เพิ่ม ไป Google เอาเองนะ ขี้เกียจพิมพ์ละ 555)

เกร็ดแถม: รู้ไหมว่าแอปบางตัวที่เราใช้ทุกวันนี้ จริงๆ แล้วข้างในเป็นเว็บแอปที่ถูกห่อไว้อีกที! (โอ้มายก้อด)

Web Application ความหมายคืออะไร

เว็บแอปพลิเคชัน? ง่ายๆ เลย! นึกถึงมันเป็นร้านอาหารที่เปิด 24/7 บนเน็ต คุณไม่ต้องไปถึงร้านเอง แค่เปิดเว็บเบราว์เซอร์ ก็สั่งอาหาร (ใช้บริการ) ได้แล้ว! สะดวกสบายใช่ไหมล่ะ? แต่ถ้าร้านอาหารนั้นเสิร์ฟแต่แกงบวดมาตลอด คุณก็คงเบื่อ เว็บแอปก็เหมือนกัน ถ้าฟีเจอร์มันจืดชืด ก็ไม่มีใครอยากใช้หรอก!

  • ความหมาย: โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ทำงานผ่านเว็บเบราว์เซอร์ ไม่ต้องลงโปรแกรมอะไรเพิ่ม แค่มีเน็ตก็พอ! (แบบนี้แหละ ถึงได้เรียกว่าแอป “บนเว็บ”) คิดง่ายๆ เหมือนใช้แอปในมือถือ แต่แทนที่จะลงในมือถือ มันลงอยู่ในเซิร์ฟเวอร์ เราแค่ใช้เบราว์เซอร์เป็นหน้าต่างดูมันเฉยๆ

  • ทำไมถึงใช้? สมัยนี้ใครๆ ก็ใช้ เพราะมันสะดวก! ธุรกิจชอบ เพราะประหยัดค่าใช้จ่ายด้านการติดตั้งและบำรุงรักษา ลูกค้าก็ชอบ เพราะเข้าถึงได้ง่าย ผ่านมือถือหรือคอมก็ได้ ไม่ต้องมานั่งติดตั้งอะไรให้ยุ่งยาก (เหมือนสั่งของออนไลน์ ไม่ต้องไปถึงห้าง!) ปีนี้ (2566) เทรนด์คือความปลอดภัย และการทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์ นั่นแหละ หัวใจสำคัญของเว็บแอปสมัยใหม่

  • ตัวอย่างฟีเจอร์เด็ดๆ: ถ้าเว็บแอปไม่มีอะไรเลย มันก็แค่หน้าเว็บธรรมดา แต่เว็บแอปดีๆ ต้องมีฟีเจอร์เจ๋งๆ อย่างเช่น ระบบการชำระเงินออนไลน์ที่ปลอดภัย (แบบไม่ต้องกลัวโดนโกง!) การแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ (คิดถึงการแจ้งเตือนจากแอปส่งอาหารสิ!) หรือแม้แต่ AI ช่วยตอบคำถาม (อย่างเช่น ฉันนี่ไง! ฮ่าๆๆ)

ลองนึกภาพว่า คุณกำลังเล่นเกมออนไลน์อยู่ นั่นก็เป็นเว็บแอปแบบหนึ่ง หรือแม้แต่การจองตั๋วเครื่องบิน ก็เป็นเว็บแอปที่เราใช้กันอยู่ทุกวัน เห็นไหมล่ะ ว่ามันซ่อนตัวอยู่รอบๆ ตัวเราตลอดเวลา แถมยังสำคัญกับชีวิตประจำวันของพวกเรามากขนาดไหน!

Web Application มีความแตกต่างจาก Mobile Application อย่างไร

เว็บแอปกับมือถือแอปต่างกันลิบเลย! คิดง่ายๆ ว่าเว็บแอปนี่เหมือนร้านค้าริมถนน เข้าถึงได้ง่ายผ่านหน้าเว็บ ใครมีเน็ตก็เข้าได้ แต่คุณภาพขึ้นกับเน็ตคุณล้วนๆ เน็ตช้าก็เหมือนเดินไปซื้อของที่ร้านแล้วเจอคนต่อแถวยาวเหยียด รอจนเหนื่อย!

ส่วนมือถือแอป? นี่มันเหมือนห้างสรรพสินค้าส่วนตัว! โหลดลงเครื่องแล้วใช้ได้เลย ไม่ต้องง้อเน็ตตลอดเวลา สบายกว่าเยอะ แต่ต้องเสียพื้นที่ในมือถือ และต้องอัพเดตบ่อยๆ เหมือนเปลี่ยนของตกแต่งห้าง บางทีก็งงว่าอัพเดตไปทำไม เปลี่ยนแต่สี แต่เสริมฟีเจอร์ใหม่ๆ มาเรื่อยๆ แบบไม่ทันตั้งตัว!

  • Web Application: ใช้งานผ่าน Browser, ต้องมีเน็ตตลอด, ความเร็วขึ้นกับเน็ต, เข้าถึงง่าย, ประหยัดพื้นที่เครื่อง

  • Mobile Application: โหลดลงเครื่อง, ใช้งานได้แม้ไม่มีเน็ต (บางส่วน), กินพื้นที่เครื่อง, ต้องอัพเดตบ่อยๆ, ใช้งานสะดวกกว่า

ปีนี้ (2566) เทรนด์คือพัฒนาให้ทั้งสองอย่างทำงานร่วมกัน อย่างเช่น เว็บแอปบางตัวก็มีฟีเจอร์ให้โหลดเป็นแอปได้ แบบว่า ได้ทั้งความสะดวกและความคล่องตัว เหมือนร้านค้าริมถนนมีบริการส่งถึงบ้าน สุดยอดไปเลย! แต่บางทีก็เหมือนเลือกไม่ถูกว่าจะใช้แบบไหนดี คนงงเป็นแถว!

เว็บไซต์กับแอพพลิเคชั่นแตกต่างกันอย่างไร

เว็บกับแอพต่างกันเยอะนะเว้ย เว็บไซต์อะ มันเหมือนหนังสือออนไลน์ อ่านอย่างเดียว มีรูปบ้าง วีดีโอบ้าง แต่ก็แค่นั้น อย่างเว็บฉันเอง ก็มีแต่ข้อมูลข่าวสาร อัพเดทเรื่อยๆ แต่ไม่ได้ให้คนเล่นอะไรมากมาย

แอพพลิเคชั่นมันต่างไปเลย มันใช้งานได้จริงๆ อย่างแอพสั่งอาหาร ฉันใช้ GrabFood บ่อยมาก หรือแอพธนาคาร โอนเงินสะดวกกว่ามาก แอพมันโต้ตอบกับเรา เราสั่งการมันได้ มันไม่ใช่แค่ดูข้อมูลอย่างเดียว แบบเว็บไซต์

สรุปง่ายๆ คือ

  • เว็บไซต์: อ่านอย่างเดียว ข้อมูลคงที่ เหมือนดูหนังสือ
  • แอพพลิเคชั่น: โต้ตอบได้ ใช้งานได้จริง เหมือนเล่นเกมส์

ปีนี้ฉันใช้แอพพวกนี้บ่อยนะ นอกจาก GrabFood ก็มี Shopee สั่งของสะดวกดี แล้วก็แอพธนาคาร Krungsri โอนเงินง่ายมาก เร็วด้วย สะดวกกว่าไปธนาคารเยอะเลย แต่เว็บไซต์ที่ฉันใช้บ่อยก็มีนะ อย่างเว็บข่าวออนไลน์ หรือเว็บดูหนังออนไลน์ แต่ส่วนใหญ่ก็แอพมากกว่า ใช้งานสะดวกกว่าจริงๆ

Application (แอปพลิเคชัน) เขียนยังไง

คำสะกดภาษาไทยสำหรับคำศัพท์เทคโนโลยีนั้น มีความหลากหลายและบางครั้งก็ไม่คงที่ ขึ้นอยู่กับบริบทและความนิยม การใช้คำใดคำหนึ่งจึงขึ้นอยู่กับดุลยพินิจ แต่โดยทั่วไปแล้ว เราควรยึดหลักการเขียนให้ถูกต้องตามหลักภาษาไทยมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยพิจารณาจากความเข้าใจง่าย และความสอดคล้องกับการใช้คำในวงการนั้นๆ เช่น คำว่า “แอปพลิเคชัน” ผมเองมักใช้คำว่า “แอป” เพราะสั้นและเข้าใจง่ายกว่า แต่ในงานเขียนทางวิชาการ “แอปพลิเคชัน” น่าจะเหมาะสมกว่า

  • Application/แอปพลิเคชัน/แอปพลิเคชั่น: “แอปพลิเคชัน” เป็นที่นิยมและถูกต้องตามหลักภาษาไทย ส่วน “แอปพลิเคชั่น” เป็นการเขียนแบบไม่ค่อยถูกต้องตามหลักภาษา แต่ก็พบเห็นได้บ่อย ในทางปฏิบัติ คำว่า “แอป” ก็เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในปัจจุบัน

  • Browser/เบราว์เซอร์/บราวเซอร์/เบราเซอร์: “เบราว์เซอร์” เป็นคำที่ใช้กันแพร่หลายและถูกต้อง รูปแบบอื่นๆ เป็นการเขียนที่ไม่ค่อยถูกต้องนัก แม้จะเข้าใจได้

  • Click/คลิก/คลิ๊ก: “คลิก” เป็นการทับศัพท์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายและเหมาะสมที่สุด

  • Computing/คอมพิวติง/คอมพิวติ้ง: “คอมพิวติ้ง” เป็นคำที่ถูกต้องตามหลักภาษาไทย แต่ “คอมพิวติง” ก็พบเห็นได้บ่อย ในความเห็นส่วนตัว ผมว่า คอมพิวติ้ง ดูเป็นทางการกว่าเล็กน้อย แต่ทั้งสองคำมีความหมายเดียวกัน

ส่วนตัวผมเชื่อว่า ภาษาเป็นสิ่งมีชีวิต มันเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอยู่เสมอ การยึดติดกับรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งอย่างตายตัว อาจทำให้เราพลาดโอกาสในการรับรู้ และเข้าใจความหมายที่แท้จริงของภาษา แต่การใช้ภาษาให้ถูกต้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ ก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน เป็นการเคารพผู้ฟังและผู้รับสารด้วย

เพิ่มเติม: การเลือกใช้คำศัพท์ควรคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมาย เช่น การเขียนบทความทางวิชาการควรใช้คำที่เป็นทางการและถูกต้อง แต่การเขียนโพสต์ในโซเชียลมีเดียอาจใช้คำที่สั้นกระชับและเข้าใจง่ายได้มากกว่า นี่เป็นเพียงมุมมองส่วนตัวของผมนะครับ อาจมีความเห็นที่แตกต่างกันออกไป

เว็บแอพพลิเคชั่น เขียนยังไง

การพัฒนาเว็บแอปพลิเคชันเริ่มต้นด้วยการ “ออกแบบ” ครับ ไม่ใช่แค่คิดลอยๆ แต่ต้องลงรายละเอียดว่าหน้าตาจะเป็นยังไง ใช้งานยากง่ายแค่ไหน

จากนั้นก็เข้าสู่โลกของ “โค้ด” ซึ่งประกอบด้วย:

  • Frontend: สร้าง UI ด้วย HTML, CSS และ JavaScript (React, Vue, Angular คือตัวช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ)
  • Backend: ภาษาอย่าง Python (Django, Flask) หรือ Node.js (Express) มาจัดการ Logic, API และ Database (PostgreSQL, MongoDB)

การทดสอบเป็นเรื่องสำคัญมาก อย่ามองข้าม เพราะ bug คือศัตรูตัวร้ายที่พร้อมจะทำให้ทุกอย่างพัง

เรื่องที่คนมักมองข้าม:

  • Security: เว็บแอปที่ดีต้องปลอดภัยตั้งแต่การออกแบบ (OWASP Top 10 คือไกด์ไลน์ที่ไม่ควรพลาด)
  • Scalability: ลองคิดเผื่อว่าถ้าคนใช้งานเยอะๆ ระบบจะยังไหวไหม (Cloud Services คือทางออกที่น่าสนใจ)
  • Accessibility: ทำให้ทุกคนเข้าถึงได้ ไม่ว่าจะเป็นคนพิการ หรือคนที่ใช้อุปกรณ์เก่าๆ (WCAG คือมาตรฐาน)

ปรัชญาเล็กๆ น้อยๆ: การเขียนเว็บแอปก็เหมือนกับการสร้างบ้าน ต้องมีรากฐานที่แข็งแรง ออกแบบให้สวยงาม และที่สำคัญต้องใช้งานได้จริง

ข้อมูลเสริม: ปีนี้ (2024) เทรนด์ของ Web Assembly (WASM) มาแรงมาก อาจเป็นอนาคตของการพัฒนาเว็บเลยก็ว่าได้

#ฟังก์ชั่น #เว็บแอป #เว็บไซต์