LED กับ LED Backlight ต่างกันอย่างไร

LED กับ LED Backlight: ความแตกต่างที่สำคัญ

จอภาพ LCD ในปัจจุบันแบ่งออกเป็นสองประเภทหลักๆ ได้แก่ LED และ LED Backlight แม้จะมีชื่อที่คล้ายคลึงกัน แต่ทั้งสองชนิดนี้กลับมีวิธีการทำงานที่แตกต่างกันอย่างมาก ส่งผลให้มีข้อได้เปรียบและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป

จอภาพ LED

จอภาพ LED ใช้ไดโอดเปล่งแสง (LED) เป็นแหล่งกำเนิดแสงโดยตรง โดยแต่ละพิกเซลบนหน้าจอจะมี LED ที่เปล่งแสงของตัวเองได้โดยไม่ต้องอาศัยแผงไฟแบ็คไลท์ วิธีนี้ทำให้จอภาพ LED มีข้อได้เปรียบหลายประการ เช่น

• ความแม่นยำของสีและคอนทราสต์สูง: LED สามารถเปิดและปิดได้อย่างอิสระ จึงทำให้ควบคุมความสว่างและสีของแต่ละพิกเซลได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้คือความแม่นยำของสีที่สูงขึ้น คอนทราสต์ที่ยอดเยี่ยม และสีดำที่ลึกกว่า
• มุมมองกว้าง: จอภาพ LED ให้มุมมองที่กว้างขึ้น ทำให้ผู้ใช้สามารถรับชมเนื้อหาได้จากมุมต่างๆ โดยไม่สูญเสียคุณภาพของภาพ
• ความบางและน้ำหนักเบา: เนื่องจากไม่ต้องใช้แผงไฟแบ็คไลท์ จอภาพ LED จึงมักบางและเบากว่าจอภาพประเภทอื่นๆ

จอภาพ LED Backlight

ในทางตรงกันข้าม จอภาพ LED Backlight ใชหลอด LED เป็นแหล่งกำเนิดแสง แต่แทนที่จะติดตั้ง LED ไว้ด้านหลังแต่ละพิกเซล LED จะถูกวางไว้ที่ขอบของหน้าจอ และแผงไฟแบ็คไลท์แบบกระจายแสงจะนำแสงไปยังแผงคริสตัลเหลว (LCD) วิธีนี้ช่วยลดต้นทุนการผลิต แต่ก็ส่งผลให้มีข้อเสียบางประการ เช่น

• ความแม่นยำของสีและคอนทราสต์ต่ำกว่า: เนื่องจากแผงไฟแบ็คไลท์ไม่สามารถควบคุมความสว่างของแต่ละพิกเซลได้อย่างแม่นยำเท่า LED จอภาพ LED Backlight จึงมีแนวโน้มที่จะมีสีที่ไม่แม่นยำและคอนทราสต์ที่ต่ำกว่า
• มุมมองที่แคบกว่า: โครงสร้างของแผงไฟแบ็คไลท์อาจจำกัดมุมมอง ทำให้ภาพมีการเปลี่ยนสีเมื่อรับชมจากมุมที่เอียง
• ความหนาและน้ำหนักมากกว่า: การใช้แผงไฟแบ็คไลท์ทำให้จอภาพ LED Backlight มีความหนาและหนักกว่าจอภาพ LED

สรุป

โดยสรุป จอภาพ LED ให้คุณภาพของภาพที่ดีกว่า จอภาพ LED Backlight โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านความแม่นยำของสี คอนทราสต์ มุมมอง และความบาง อย่างไรก็ตาม จอภาพ LED Backlight มีราคาถูกกว่า ซึ่งอาจเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญสำหรับผู้ใช้บางคน ในที่สุด การเลือกประเภทจอภาพที่ดีที่สุดจะขึ้นอยู่กับงบประมาณและความสำคัญของคุณภาพของภาพ