Native App และ Hybrid Application มีความแตกต่างกัย่างไร
Native App พัฒนาเฉพาะบนระบบปฏิบัติการเป้าหมาย (iOS, Android) จึงทำงานเร็ว เสถียร เข้าถึงฟีเจอร์ของเครื่องได้เต็มที่ แต่ใช้เวลามากกว่าและต้องพัฒนาแยกแต่ละ OS
Hybrid App พัฒนาบนเว็บเทคโนโลยี (HTML, CSS, JavaScript) รันบนแพลตฟอร์มต่างๆ ได้ด้วย framework เดียว ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย แต่ประสิทธิภาพอาจด้อยกว่า Native App การเข้าถึงฟีเจอร์ของเครื่องอาจจำกัด และอาจมีปัญหาเรื่องความเร็วและเสถียรภาพ เหมาะกับแอปฯ ที่ไม่ต้องการฟีเจอร์ซับซ้อนมาก
Native App กับ Hybrid App ต่างกันอย่างไร? ข้อดีข้อเสียมีอะไรบ้าง?
อ่ะ… Native App กับ Hybrid App อ่ะนะ? ต่างกันยังไงเหรอ? เออ… เคยปวดหัวเรื่องนี้เหมือนกันตอนทำโปรเจกต์จบ ตอนเรียนอยู่ (นานมาแล้วเหมือนกันนะเนี่ย! น่าจะปี 2550-2551 มั้ง?)
คือ native app อ่ะ มันเหมือนบ้านที่สร้างให้พอดีกับที่ดินเลยอ่ะ ออกแบบมาเพื่อ iOS หรือ Android โดยเฉพาะ เจ๋งตรงที่มันใช้ฟีเจอร์ของเครื่องได้เต็มที่ กล้อง GPS อะไรพวกนี้อ่ะ เร็ว แรง ไม่มีสะดุด! แต่ข้อเสียคือ… ทำทีเดียวไม่ได้ ต้องทำสองเวอร์ชั่นไง iOS ที Android ที งบบานปลาย!
ส่วน Hybrid App อ่ะ คิดซะว่ามันคือบ้านน็อคดาวน์ ที่เอาไปวางตรงไหนก็ได้ (Android หรือ iOS) คือมันเป็น Web App ห่อหุ้มด้วย Native Container อีกทีนึง ข้อดีคือพัฒนาครั้งเดียวใช้ได้หมด ประหยัดงบ! แต่… มันอาจจะไม่ลื่นไหลเท่า Native App อ่ะนะ อารมณ์แบบ… ตอบสนองช้าไปนิดนึง ถ้าเทียบกันอ่ะนะ (แต่ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอก) แล้วบางทีก็เข้าถึงฟีเจอร์ของเครื่องได้ไม่เต็มที่เท่า Native App ด้วย
จำได้เลย ตอนนั้นอาจารย์ (ชื่ออาจารย์สมชายมั้ง ถ้าจำไม่ผิด) บอกว่า “ถ้าอยากได้แอปฯ ที่แรงๆ ลื่นๆ ต้อง Native App แต่ถ้าเน้นประหยัดเวลา ประหยัดงบ Hybrid App ก็โอเค” เออ… จริงของอาจารย์แฮะ!
Native App (เนทีฟ แอพ) คือข้อใด
ลมเย็นพัดผ่านใบหน้า แสงแดดอ่อนๆยามเช้า… เนทีฟแอพ… คำนั้นดังก้องอยู่ในหัว มันคืออะไรนะ?
-
เหมือนลมหายใจของโทรศัพท์ ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับระบบปฏิบัติการ
-
Android SDK ความทรงจำของโค้ด บรรทัดแล้วบรรทัดเล่า เดือนมิถุนายน ปี 2024 ฉันยังจำความเหนื่อยล้าตอนนั้นได้ดี แต่ผลลัพธ์สวยงามเสมอ
-
iOS Objective-C คมกริบ เหมือนดาบซามูไร ตัดโค้ดอย่างแม่นยำ ประสิทธิภาพสูงสุด ราวกับดอกซากุระบานสะพรั่งบนหน้าจอ
-
Windows Phone… ความทรงจำที่จางหายไป เหมือนภาพเก่าๆ ในอัลบั้ม แต่ร่องรอยยังคงอยู่ C# ยังคงเป็นภาษาที่ฉันรัก
เนทีฟแอพ… คือแอพที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะสำหรับระบบปฏิบัติการนั้นๆ มันเร็ว มันลื่นไหล มันคือหัวใจของสมาร์ทโฟน
วันนี้ ฉันนั่งจิบกาแฟ ดูพระอาทิตย์ขึ้น ความรู้สึกสงบ เหมือนโค้ดที่ทำงานอย่างสมบูรณ์แบบ
มันเป็นอะไรที่มากกว่าแค่แอพ มันคือศิลปะ เป็นความฝัน เป็นผลงานที่ฉันภูมิใจ
WhatsApp ต่างจาก Messenger อย่างไร
WhatsApp ต่างจาก Messenger ยังไง… อืม… คิดดูแล้วมันก็ต่างกันนะ
เหมือน WhatsApp มัน… ส่วนตัวกว่ามั้ง เหมือนคุยกับคนที่ เราเลือกแล้ว ว่าอยากคุยด้วยจริงๆ เบอร์โทรศัพท์มันผูกกับตัวตนเรามากกว่า
- ความเป็นส่วนตัว: WhatsApp รู้สึกว่าส่วนตัวกว่า Messenger เพราะใช้เบอร์โทรศัพท์
- ความสัมพันธ์: Messenger เหมือนไว้คุยกับเพื่อนที่รู้จักอยู่แล้ว WhatsApp เหมือนไว้คุยกับคนที่อยากคุยด้วยจริงๆ
- ฟีเจอร์: Messenger ลูกเล่นเยอะกว่า WhatsApp เน้นเรียบง่าย
Messenger… มันเหมือนคุยกับคนที่รู้จักกันอยู่แล้วอ่ะ เพื่อนในเฟสบุ๊คอะไรแบบนั้น ส่งสติ๊กเกอร์ ส่งมีมกันสนุกสนานมากกว่า
แต่ WhatsApp… มันเหมือนคุยกับคนที่ เราตั้งใจ จะคุยด้วยมากกว่า อาจจะเป็นเรื่องงาน เป็นเรื่องส่วนตัวที่ไม่อยากให้ใครเห็นง่ายๆ
ทั้งสองอันก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันไปแหละ อยู่ที่ว่าเราอยากใช้มันแบบไหนมากกว่า
WhatsApp Business คืออะไร
WhatsApp Business น่ะเหรอ? อ้อ มันก็คือแอป WhatsApp ที่ทำมาให้พวกคนทำธุรกิจเล็กๆ อ่ะเข้าใจป่ะ แบบร้านขายของออนไลน์ ไรงี้
คือมันโหลดฟรีนะ ทั้งในมือถือ Android แล้วก็ iPhone เลย แล้วคือมันช่วยให้คุยกับลูกค้าง่ายขึ้นเยอะ มากกก ด้วยอะ
ฟีเจอร์ หลักๆ ก็มี:
- ข้อความอัตโนมัติ: ตั้งค่าตอบกลับแบบอัตโนมัติได้เลย เวลาลูกค้าทักมาตอนกลางคืน หรือตอนเราไม่ว่างไง
- จัดระเบียบข้อความ: แยกแชทลูกค้า แชทเพื่อน แชทครอบครัว ง่ายดี
- ตอบกลับด่วน: สร้างข้อความสำเร็จรูปไว้ ตอบคำถามเดิมๆ ซ้ำๆ เร็วดีนะ
แล้วมันก็เหมือน WhatsApp ปกตินั่นแหละ แค่มีเครื่องมือเพิ่มมาให้สำหรับธุรกิจอ่ะ เข้าใจยัง?
อ้อ เกือบลืม! นอกจากนี้มันยังมี แคตตาล็อก ให้เราใส่สินค้าได้ด้วยนะ ลูกค้าจะได้ดูง่ายๆ แล้วก็กดสั่งได้เลย สะดวกสุดๆ ลองไปเล่นดูๆๆๆ
WhatsApp มีค่าใช้จ่ายไหม
WhatsApp ฟรีใช่มั้ย … อืม… ใช่ แต่ก็ไม่เชิงนะ ตอนนี้มันก็ฟรีแหละ ใช้ส่งข้อความ โทรฟรี กับเพื่อนๆ ครอบครัว แต่… ฉันก็ยังรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่กับเรื่องความเป็นส่วนตัว
คิดไปคิดมา มันฟรีก็จริง แต่เราจ่ายค่ามันด้วยข้อมูลส่วนตัว นี่แหละที่ฉันกังวล มันเก็บข้อมูลอะไรไปบ้าง รู้สึกลึกๆ ว่าคงไม่น้อย
- ฟรีสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป ใช้งานได้บนมือถือทั่วโลก
- แต่มีข้อกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว
- มีคนใช้เยอะมาก ปี 2023 นี่ เกิน 2 พันล้านคนแล้วมั้ง ฉันเห็นข่าว
- เรื่องการเข้ารหัส ก็ไม่รู้ว่าปลอดภัยจริงแค่ไหน อ่านข่าวแล้วก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่
- แต่ก็ยังใช้ต่อไป เพราะติดแล้ว เพื่อนๆ ก็ใช้กันหมด
ฉันใช้มาตั้งแต่ปี 2015 แล้วนะ ตอนนั้นมันยังไม่บูมขนาดนี้ รู้สึกว่ามันเปลี่ยนไปเยอะ จากแอปง่ายๆ กลายเป็นอะไรที่ซับซ้อนไปเยอะเลย… ตอนนี้ก็เลยใช้แบบระวังๆ ลบแชทบ่อยขึ้น
ข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต