การพัฒนาแอปแบบ native ต่างจากแบบ Hybrid อย่างไร

23 การดู

แอป Native พัฒนาเฉพาะระบบปฏิบัติการ (iOS, Android) ประสิทธิภาพสูง เข้าถึงฟีเจอร์ฮาร์ดแวร์ได้เต็มที่ แต่ต้นทุนและระยะเวลาพัฒนาสูง ต้องสร้างแยกแต่ละ OS

แอป Hybrid ใช้เทคโนโลยีเว็บ (HTML, CSS, JavaScript) พัฒนาครั้งเดียวใช้งานได้หลายระบบ ประหยัดต้นทุนและเวลา แต่ประสิทธิภาพอาจต่ำกว่า Native การเข้าถึงฟีเจอร์ฮาร์ดแวร์อาจจำกัด อาจมีปัญหาเรื่องประสิทธิภาพบนอุปกรณ์เก่าหรือระบบปฏิบัติการที่ไม่รองรับ

สรุป: เลือก Native ถ้าต้องการประสิทธิภาพสูงสุด เลือก Hybrid ถ้าต้องการประหยัดต้นทุนและเวลาพัฒนา โดยคำนึงถึงข้อจำกัดของแต่ละแบบ

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

แอปพลิเคชันแบบ Native ต่างจากแบบ Hybrid อย่างไร?

เออ Native App กับ Hybrid App น่ะเหรอ? แตกต่างกันยังไง… เอาจริงๆ นะ ตอนแรกๆ ที่ทำเว็บใหม่ๆ ก็งงเหมือนกัน

Native App อ่ะ เขาว่ากันว่ามันเกิดมาเพื่อระบบปฏิบัติการนั้นๆ เลย อย่าง iOS ก็ต้องเขียนด้วย Swift หรือ Objective-C อะไรแบบนั้น ส่วน Android ก็ Java หรือ Kotlin ไปเลย คือมัน “แท้” อ่ะ เข้าใจป่ะ?

ส่วน Hybrid App เนี่ย… (ขอเกาหัวแกรกนึง) มันเหมือนลูกผสมไง คือมันเป็นเว็บแอปฯ ที่ถูกห่อหุ้มด้วยอะไรสักอย่างให้มันดูเหมือนแอปฯ มือถือ พอเรากดเปิด ก็เหมือนเปิดเว็บใน Browser อีกที (แต่เขาทำให้มันเนียนๆ นะ)

จำได้เลย ตอนนั้น (น่าจะปี 2015?) เคยลองทำ Hybrid App ด้วย Framework ตัวนึง (จำชื่อไม่ได้แล้ว โทษที) ก็สนุกดีนะ แต่รู้สึกว่ามันหน่วงๆ ไงไม่รู้ ไม่ลื่นเท่า Native App ที่เคยลองเล่นๆ ตอนเรียน

แต่ข้อดีของ Hybrid App คือ เขียนทีเดียวใช้ได้หลายที่ไง iOS ก็ได้ Android ก็ได้ ประหยัดเวลาดี แต่ถ้าอยากได้ Performance แบบสุดๆ หรืออยากใช้ Feature ของเครื่องแบบเต็มที่ Native App ก็คงตอบโจทย์กว่า

สรุปคือ Native คือ “แท้” Hybrid คือ “ผสม” ประมาณนั้นแหละ เข้าใจง่ายดีมั้ย? 😅

อะไรคือข้อแตกต่างระหว่าง Native App กับ Web App?

อืม… กลางดึกแบบนี้ คิดอะไรเรื่อยเปื่อยเนอะ เรื่อง Native App กับ Web App นี่มันก็…ต่างกันเยอะเลยนะ

Native App อะ มันลงเครื่องเราโดยตรงเลย แบบว่าติดตั้งลงโทรศัพท์หรือคอมฯ มันเลยเข้าถึงฟีเจอร์ของเครื่องได้เต็มที่ เร็วกว่าด้วย ใช้เน็ตน้อยกว่า แต่กว่าจะได้ใช้ ก็ต้องโหลดก่อน เสียพื้นที่เครื่องด้วย อย่างแอปธนาคารของผม กสิกรไทย นี่ก็ Native App ใช้สะดวกดีนะ แต่กินพื้นที่พอสมควร

ส่วน Web App มันก็แอปนั่นแหละ แต่เปิดผ่านเว็บเบราว์เซอร์ ไม่ต้องโหลดลงเครื่อง สะดวกตรงนี้แหละ ไม่กินพื้นที่ แต่ว่าถ้าเน็ตช้า มันก็จะหน่วงๆ แล้วก็เข้าถึงฟีเจอร์เครื่องเราได้จำกัดกว่าด้วย ใช้แอปดูหนัง Netflix นี่ก็ Web App ง่ายดี ไม่ต้องโหลด

สรุปง่ายๆ ก็แบบนี้แหละ

  • Native App: โหลดลงเครื่องโดยตรง เร็ว ใช้เน็ตน้อย เข้าถึงฟีเจอร์เครื่องได้เต็มที่ แต่กินพื้นที่เครื่อง
  • Web App: เปิดผ่านเว็บเบราว์เซอร์ ไม่ต้องโหลด ประหยัดพื้นที่ แต่เน็ตช้าอาจหน่วง เข้าถึงฟีเจอร์เครื่องได้จำกัด

ปีนี้ผมก็ใช้ทั้งสองแบบนะ แล้วแต่ความสะดวก บางทีก็อยากได้ความเร็ว บางทีก็แค่ใช้แป๊บเดียว ก็เปิด Web App ไป ง่ายดี

Native App หมายถึงอะไร

Native App ก็แอพเจ้าถิ่นไง! เหมือนปลูกผักสวนครัวกินเอง อร่อยถูกปาก (ระบบปฏิบัติการ) แถมสดใหม่ (ประสิทธิภาพสูง) ไม่เหมือนซื้อผักจากตลาด (Web App) ที่อาจจะเหี่ยวเฉาบ้างอะไรบ้าง (ประสิทธิภาพด้อยกว่า)

  • คิดง่ายๆ iOS ก็ Swift หรือ Objective-C ใน Xcode เหมือนคนเหนือชอบน้ำพริกหนุ่ม ส่วน Android ก็ Java ใน Android Studio เหมือนคนใต้ชอบน้ำบูดู อะไรแบบนั้นแหละ
  • ข้อดีคือเร็ว แรง ทะลุนรก เข้าถึงฟังก์ชั่นของเครื่องได้เต็มที่ กล้อง GPS ไมโครโฟน จัดมาเต็ม!
  • ข้อเสียคือ ทำทีเดียวใช้ได้ระบบเดียว อยากลง iOS ก็ต้องทำ iOS อยากลง Android ก็ต้องทำ Android เปรียบเหมือนต้องปลูกผักสองแปลง เหนื่อยหน่อยนะ แต่ผลผลิตก็คุ้มอยู่

ปี 2024 นี้ ใครๆ ก็อยากได้ Native App เพราะมันลื่นปรื๊ดๆ แต่ถ้าทุนน้อย ลองทำแบบ Cross-Platform ก่อนก็ได้นะ ประหยัดงบดี อารมณ์เหมือนปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ ได้หลายอย่างในแปลงเดียว!

Hybrid application คืออะไร *

Hybrid App คือสะพานเชื่อมเว็บกับแอปเนทีฟ ใช้โค้ดเบสเดียวทำงานข้ามแพลตฟอร์ม

  • ลดต้นทุน พัฒนาครั้งเดียวใช้ได้หลายที่ Android, iOS, etc.
  • ประสิทธิภาพด้อยกว่า Native App ข้อจำกัดเรื่องฮาร์ดแวร์
  • UI/UX อาจไม่เนียนเท่า Native App ขึ้นอยู่กับเฟรมเวิร์ก
  • ใช้เทคโนโลยีเว็บ HTML, CSS, JavaScript ห่อด้วยเนทีฟคอนเทนเนอร์
  • React Native, Ionic, Flutter ตัวเลือกยอดนิยมปี 2024 แต่ละตัวมีข้อดีข้อเสียต่างกัน ต้องเลือกให้เหมาะกับโปรเจกต์
  • เร็วกว่า Native App ในแง่การพัฒนา แต่ช้ากว่าในแง่การทำงานจริง
  • ออฟไลน์ได้บางส่วน ขึ้นอยู่กับการออกแบบ
  • เข้าถึงฟีเจอร์บางอย่างของอุปกรณ์ได้ ผ่านปลั๊กอินหรือ bridge
  • ต้องเรียนรู้ทั้งฝั่งเว็บและเนทีฟ ถึงจะเข้าใจโครงสร้างจริงๆ
  • เหมาะกับแอปที่ไม่ซับซ้อน เน้นความเร็วในการพัฒนา และงบประมาณจำกัด

ข้อดีของ Hybrid App คืออะไร

ข้อดีของ Hybrid App หรอ อืม…

ข้อดีของ Hybrid App หลักๆ เลยนะ คือมันเขียนทีเดียว ใช้ได้หลายที่ไง คือเขียนโค้ดครั้งเดียวอ่ะ ใช้ได้ทั้ง iOS, Android โคตรคุ้ม!

แล้วก็ คนทำเก่งๆ หาง่ายกว่า เพราะใช้ภาษา HTML, CSS, JavaScript ไง ใครๆ ก็ใช้กัน

  • เร็วกว่านะ ถ้าเทียบกะ Native App บางทีอ่ะนะ
  • ถูกกว่าด้วย คือทำทีเดียวจบไง ไม่ต้องทำหลายรอบ
  • อัปเดตง่าย พออัปเดตที มันก็อัปเดตให้หมดเลย

อ้อ! แล้ว Hybrid App อ่ะ มันเข้าถึงพวกฟีเจอร์ของมือถือได้นะ เช่น กล้อง GPS ไรงี้ แต่ก็อาจจะไม่ smooth เท่า Native App หรอกนะ บอกก่อน

คือมันก็มีข้อเสียนะ Hybrid App อ่ะ แต่ข้อดีมันก็เยอะไง เลยฮิตไงเล่า!

ข้อดีของการพัฒนาแอปพลิเคชันแบบ native คืออะไร?

ข้อดีของ Native App หรอ… มันเหมือนเราสร้างบ้านบนที่ดินของเราเองน่ะ

  • เข้าถึงทุกอย่างในเครื่อง: Native app เหมือนเรามีกุญแจไขเข้าไปในทุกซอกทุกมุมของโทรศัพท์เลย กล้อง GPS เซนเซอร์ ทุกอย่างใช้งานได้เต็มที่ ไม่มีกั๊ก
  • เร็ว แรง ทะลุนรก: มันถูกสร้างมาเพื่อเครื่องนั้น ๆ โดยเฉพาะ มันเลยลื่นไหลกว่า เหมือนรถแข่งที่ถูกปรับแต่งมาเพื่อสนามนั้น ๆ เลย
  • หน้าตาดี: มันใช้ UI ของระบบนั้น ๆ เลย ทำให้มันดูเข้ากัน เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของระบบ ไม่ใช่ของแปลกปลอม
  • ลง store ได้: อันนี้สำคัญ มันทำให้คนอื่น ๆ โหลดแอปเราไปใช้ได้ง่าย ๆ ผ่าน App Store หรือ Play Store

แต่มันก็มีข้อเสียนะ ทำยากกว่า ต้องทำหลายเวอร์ชัน ถ้าจะให้ใช้ได้ทั้ง iOS และ Android ก็ต้องเขียนโค้ดสองชุดเลย แล้วก็ต้องดูแลรักษาทั้งสองชุดอีก เฮ้อ… ชีวิต

Native App จริง ๆ แล้วก็มีข้อดีข้อเสียของมันเองเหมือนกันนะ ไม่ได้ดีไปหมดทุกอย่างหรอก มันขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการอะไรจากแอปของเรามากกว่า

Web Application แตกต่างจาก Hybrid Application อย่างไร

เว็บแอป…ไฮบริดแอป…ต่างกันยังไงนะ 🤔 เหมือนจะคล้ายๆกัน แต่ไม่เหมือนกันซะทีเดียวสิ เว็บแอปนี่เปิดผ่านเบราว์เซอร์ใช่มะ ส่วนไฮบริดแอปนี่มันต้องดาวน์โหลดมาติดตั้งนี่นา แต่บางทีมันก็เปิดในเบราว์เซอร์ในแอปได้ป่าววะ? งง 😕 อืมมม…

  • เว็บแอปเหมือนเข้าเว็บไซต์ปกติเลย เร็วดี ประหยัดพื้นที่ในเครื่องด้วย ไม่ต้อง install อะไรให้วุ่นวาย เมื่อกี้เพิ่งเข้าเว็บจองตั๋วเครื่องบินไปเชียงใหม่ ก็เว็บแอปนี่แหละ
  • ส่วนไฮบริดแอปนี่ มันเหมือนเอาเว็บแอปมาแปะไว้ในแอปเปลือกๆอีกทีป่าววะ แบบว่า โหลดแอป Shopee มา แต่มันก็เหมือนเข้าเว็บในแอปอยู่ดี รู้สึกงงๆ หรือจริงๆมันคือเว็บแอป 😅 เมื่อวานลองโหลดเกมส์ใหม่มาเล่น มันให้โหลดผ่าน Play Store นี่ก็ไฮบริดปะ
  • แอปดั้งเดิมนี่สิ เร็ว แรง ทะลุนรกแน่นอน กินพื้นที่เครื่องเยอะหน่อย แต่ใช้งานได้ลื่นปรื๊ดๆ เมื่อเช้าเล่นเกม ROV นี่แหละตัวอย่างแอปดั้งเดิม กินแบตสุดๆ ต้องพก power bank ตลอด

เรื่องประสิทธิภาพนี่…เว็บแอปช้ากว่าไฮบริดและแอปดั้งเดิมแน่ๆ ถ้าเน็ตช้าคือจบเลย ส่วนไฮบริดนี่เร็วกว่าเว็บแอป แต่ก็ยังช้ากว่าแอปดั้งเดิมอยู่ดี ส่วนแอปดั้งเดิมเร็วสุด แต่เปลืองแบต 🔋 เมื่อกี้เล่นเกมแปปเดียวแบตหายไป 10% เศร้า 😭

ค่าพัฒนานี่ไฮบริดกับเว็บแอปถูกกว่าแอปดั้งเดิมเยอะเลยนี่ เพราะเขียนโค้ดทีเดียวใช้ได้หลาย platform คุ้มกว่าเยอะ แต่แอปดั้งเดิมนี่ต้องเขียนแยก iOS ก็ต้อง Swift Android ก็ Java/Kotlin อีก วุ่นวาย 😫 ออกสู่ตลาดเร็วกว่าด้วย เมื่อเดือนที่แล้วเพิ่งคุยกับเพื่อนที่เป็นโปรแกรมเมอร์ บอกว่าทำแอปไฮบริดอยู่

สรุปง่ายๆคือ…

  • เว็บแอป: เข้าถึงผ่านเบราว์เซอร์ ไม่ต้องติดตั้ง ประหยัดพื้นที่ เน้นใช้งานง่าย พัฒนาเร็ว ต้นทุนต่ำ แต่ประสิทธิภาพน้อยกว่า
  • ไฮบริดแอป: เหมือนเอาเว็บแอปมาใส่เปลือก ต้องติดตั้ง ประสิทธิภาพปานกลาง พัฒนาเร็ว ต้นทุนต่ำ
  • แอปดั้งเดิม: เร็ว แรง ประสิทธิภาพสูงสุด แต่เปลืองพื้นที่ พัฒนาช้า ต้นทุนสูง
#Hybrid App #Native App #การพัฒนา