ตัวบวม ประจําเดือน กี่วัน

23 การดู

อาการบวมช่วงประจำเดือน เกิดจากการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนเอสโตรเจน ทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำและเกลือมากขึ้น มักเริ่มก่อนมีประจำเดือน 5 วัน และอาจนานถึง 2-3 วันหลังประจำเดือนมา ซึ่งส่งผลให้รู้สึกอึดอัดและตัวบวมได้

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ
คุณอาจต้องการถาม? ดูเพิ่มเติม

ตัวบวมช่วงประจำเดือน: เรื่องธรรมชาติที่จัดการได้

อาการตัวบวมช่วงก่อนและระหว่างมีประจำเดือน เป็นประสบการณ์ที่ผู้หญิงหลายคนต้องเผชิญ แม้จะไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่ก็สร้างความรู้สึกไม่สบายตัวและส่งผลต่อความมั่นใจได้อย่างมาก บทความนี้จะเจาะลึกถึงสาเหตุ กลไก และวิธีจัดการกับอาการตัวบวมที่มักมาพร้อมกับรอบเดือนของผู้หญิง

ทำไมถึงตัวบวมช่วงประจำเดือน? ฮอร์โมนคือตัวการหลัก

อย่างที่ทราบกันดีว่าสาเหตุหลักของอาการตัวบวมในช่วงนี้คือ การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) และโปรเจสเตอโรน (Progesterone)

  • เอสโตรเจน: ระดับเอสโตรเจนที่สูงขึ้นในช่วงก่อนมีประจำเดือน ทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำและโซเดียมมากขึ้น ซึ่งนำไปสู่อาการบวมน้ำตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น ท้อง แขน ขา และเต้านม
  • โปรเจสเตอโรน: แม้จะไม่ส่งผลโดยตรงต่อการกักเก็บน้ำเท่าเอสโตรเจน แต่การเปลี่ยนแปลงของระดับโปรเจสเตอโรนก็มีส่วนทำให้เกิดอาการท้องอืดและรู้สึกไม่สบายท้องได้

นอกจากฮอร์โมนแล้ว ปัจจัยอื่นๆ ก็อาจมีส่วนกระตุ้นหรือทำให้ อาการตัวบวมแย่ลงได้ เช่น

  • อาหาร: การรับประทานอาหารที่มีโซเดียมสูง (เช่น อาหารแปรรูป อาหารรสจัด) จะกระตุ้นให้ร่างกายกักเก็บน้ำมากขึ้น
  • การขาดน้ำ: การดื่มน้ำน้อยเกินไปจะทำให้ร่างกายพยายามเก็บกักน้ำไว้มากขึ้น เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
  • ความเครียด: ความเครียดส่งผลต่อระบบฮอร์โมนโดยรวม และอาจทำให้เกิดอาการตัวบวมได้
  • การพักผ่อนไม่เพียงพอ: การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอส่งผลต่อการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย รวมถึงระบบฮอร์โมน ซึ่งอาจส่งผลต่ออาการตัวบวม

อาการตัวบวม…นานแค่ไหนถึงจะหาย?

โดยทั่วไป อาการตัวบวมมักจะเริ่มก่อนมีประจำเดือนประมาณ 5 วัน และอาจคงอยู่ไปอีก 2-3 วัน หลังจากประจำเดือนมาแล้ว ระยะเวลาและความรุนแรงของอาการจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล บางคนอาจมีอาการเพียงเล็กน้อย ในขณะที่บางคนอาจรู้สึกอึดอัดและตัวบวมอย่างมาก

จัดการอาการตัวบวม…ทำได้ด้วยตัวเอง

ถึงแม้ว่าอาการตัวบวมจะเป็นเรื่องธรรมชาติที่หลีกเลี่ยงได้ยาก แต่ก็มีวิธีง่ายๆ ที่สามารถช่วยบรรเทาอาการและทำให้รู้สึกสบายตัวมากขึ้นได้

  • ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน:
    • ลดปริมาณโซเดียม: หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป อาหารรสจัด และอาหารที่มีโซเดียมสูง
    • เพิ่มปริมาณโพแทสเซียม: รับประทานอาหารที่มีโพแทสเซียมสูง เช่น กล้วย อะโวคาโด และผักใบเขียว
    • ดื่มน้ำให้เพียงพอ: ดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน เพื่อช่วยขับโซเดียมส่วนเกินออกจากร่างกาย
    • รับประทานอาหารที่มีเส้นใยสูง: ช่วยลดอาการท้องอืดและท้องผูก
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ: การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ลดความเครียด และช่วยลดอาการตัวบวม
  • พักผ่อนให้เพียงพอ: นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน
  • ลดความเครียด: หาทางจัดการกับความเครียดด้วยวิธีต่างๆ เช่น การทำสมาธิ การเล่นโยคะ หรือการทำกิจกรรมที่ชอบ
  • สมุนไพรและอาหารเสริม: สมุนไพรบางชนิด เช่น ชาเขียว ชาดอกแดนดิไลออน อาจมีฤทธิ์ช่วยขับปัสสาวะและลดอาการตัวบวมได้ อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้
  • ปรึกษาแพทย์: หากอาการตัวบวมรุนแรง หรือรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม

สรุป

อาการตัวบวมช่วงประจำเดือนเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน การออกกำลังกาย การพักผ่อนให้เพียงพอ และการจัดการกับความเครียด จะช่วยบรรเทาอาการและทำให้คุณรู้สึกสบายตัวมากขึ้นได้ หากอาการรุนแรง หรือมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม