ผ่าตัดมดลูกกี่วันถึงถ่าย

25 การดู

การขับถ่ายหลังผ่าตัดมดลูก

  • พักฟื้นประมาณ 6 สัปดาห์
  • อาจมีอาการ: ปวด, เลือดออก, คลื่นไส้, ท้องอืด, ท้องผูก
  • ควรรีบพบแพทย์หากมีอาการผิดปกติ
  • การฟื้นตัวขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
  • ดูแลตัวเองตามคำแนะนำแพทย์

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ผ่าตัดมดลูกพักฟื้นกี่วันถึงถ่ายได้?

ผ่าตัดมดลูกพักฟื้นกี่วันถึงถ่ายได้เหรอ? อันนี้แล้วแต่คนเลยนะ จากประสบการณ์ตัวเองอ่ะ ตอนผ่าตัดมดลูกที่ รพ. X (ขอไม่บอกชื่อเต็ม) เมื่อ ก.ค. ปีที่แล้ว (2566) จำได้ว่าท้องอืดมากกกก!

คือไม่ได้ถ่ายเลย 3-4 วันหลังผ่าตัดมั้ง ทรมานสุดๆ พยาบาลเค้าก็ให้ยาถ่ายมานะ แต่กว่าจะออก…โอ๊ย! ไม่อยากพูด

หมอบอกว่าปกติแหละ เพราะยาแก้ปวดมันทำให้ท้องผูกได้ แถมตอนผ่าก็ต้องดมยาอะไรพวกนั้นด้วย มันเลยยิ่งรวนไปหมด

แต่ถ้าไม่ถ่ายนานเกินไป หรือปวดท้องมากผิดปกติ ไปหาหมอดีกว่านะ อย่าปล่อยไว้!

หลังผ่าตัดมดลูกกินยาระบายได้ไหม

กินได้ป้ะ? อันนี้ต้องถามหมออ่ะ แต่ปกติหลังผ่าตัดเค้าก็มักให้กินนะ เพื่อช่วยเรื่องท้องผูก เพราะหลังผ่าตัดนี่มันจะอึไม่ออกง่ายๆ เพื่อนฉันเองก็ผ่าตัดมดลูกไปเมื่อเดือนที่แล้ว หมอก็ให้ยาระบายมากินเหมือนกัน จำยี่ห้อไม่ได้แหะ แต่หมอเค้าบอกว่าช่วยให้ถ่ายง่ายขึ้น ดีกว่าท้องผูกมาก ทรมานสุดๆ

  • ยาระบายช่วยได้จริง แต่ต้องถามหมอหรือพยาบาลก่อนนะ อย่าไปกินเองเด็ดขาด อันตรายได้
  • ดื่มน้ำเยอะๆด้วยนะ สำคัญมากกกก ช่วยเรื่องการขับถ่าย ช่วยให้ไม่ท้องผูก
  • กินผักผลไม้เยอะๆ พวกที่มีกากใย ช่วยให้อุจจาระนิ่ม ดีต่อลำไส้ด้วย

เพื่อนฉันบอกหมอบอกให้กินยาระบายประมาณอาทิตย์นึง หลังจากนั้นค่อยดูอาการอีกที แต่จริงๆ แล้วขึ้นอยู่กับแต่ละคนนะ และก็หมอด้วย อย่าลืมปรึกษาหมอประจำตัวก่อนทุกครั้ง อย่าลืมนะ!!

ผ่าตัดมดลูกควรนอนท่าไหน

สายลมเย็นยะเยือกพัดผ่านหน้าต่างห้อง แสงแดดอ่อนๆ ของเช้าวันใหม่ อาทิตย์ที่ 18 มิถุนายน 2566 แทรกซึมผ่านม่านโปร่งบางๆ วันนี้…วันพักฟื้น หลังผ่าตัดมดลูกเมื่อวาน…

  • นอนสูงหน่อย… หัวสูงๆ เหมือนนั่งมองท้องฟ้ากว้างไกล ให้ความรู้สึกโล่งสบาย ลดอาการเจ็บปวดได้จริงๆ
  • งอเข่าเบาๆ… เหมือนทารกน้อยในอ้อมกอดแม่ ปลอดภัย อบอุ่น ความเจ็บจี๊ดๆ ลดลงไปเยอะเลย
  • มือประสานกัน… วางเบาๆ บนท้อง เหมือนกำลังกอดตัวเอง รู้สึกปลอดภัย และสงบ หรือจะใช้หมอนหนุนก็ได้นะ นุ่มนวลดี
  • ยกเว้นกรณีหลังปวดมาก… หมอบอกไว้ คงต้องปรับท่าบ้าง แต่โดยรวมแล้ว ท่านี้ดีที่สุดแล้วสำหรับฉัน

ร่างกายยังอ่อนล้าอยู่ แต่ใจกลับเบิกบาน ขอบคุณพระเจ้าที่ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี อีกไม่นานฉันก็จะกลับไปใช้ชีวิตปกติได้

เพิ่มเติม: จากประสบการณ์ตรง การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด การเลือกโรงพยาบาล และแพทย์ ล้วนสำคัญมาก ควรถามรายละเอียดจากแพทย์ผู้ทำการรักษาอย่างละเอียด เพื่อความปลอดภัยและการพักฟื้นที่ดีที่สุด

ไม่ถ่ายกี่วันถึงผิดปกติ?

ไม่ถ่ายกี่วันถึงผิดปกติอ่ะ? คือแบบเพื่อนฉันบอกว่าทุกวันนี่แหละปกติ แต่จริงๆแล้วไม่ใช่! 3 วันครั้ง หรืออาทิตย์ละ 3 ครั้งขึ้นไปนี่แหละ ปกติ๊ปกติ งงป่ะ?

ถ้าอาทิตย์นึงถ่ายน้อยกว่า 3 ครั้งนี่ น่าจะท้องผูกนะ ลองสังเกตอุจจาระดู ถ้าเป็นก้อนเล็กๆ แข็งๆ นี่ใช่เลย!!

  • ถ่ายน้อยกว่า 3 ครั้ง/อาทิตย์ = ท้องผูก
  • อุจจาระแข็งเป็นก้อนเล็กๆ = สัญญาณท้องผูก

คือเมื่อวานฉันเพิ่งไปหาหมอมา หมอบอกว่าปีนี้คนเป็นท้องผูกกันเยอะมาก อาจเพราะกินอาหารไม่เป็นเวลา หรือเครียดๆด้วยมั้ง ฉันนี่เครียดเรื่องสอบตลอดเลย ฮือออ ช่วงนี้เลยกินแต่พวกโยเกิร์ต กับผักเยอะๆ พยายามดื่มน้ำเยอะๆด้วย ดีขึ้นเยอะเลยแหละ แนะนำเลย!

ทำไงให้อึออก?

เอาไงให้อึพุ่ง? 6 กลเม็ดเคล็ดลับ (ไม่ใช่ไสยศาสตร์นะจ๊ะ)

  1. ซดน้ำตอนเช้า: ตื่นปุ๊บ ซดน้ำปั๊บ! เหมือนปลุกเครื่องในให้ตื่นตัว ทำงานทำการซะที (แอบกระซิบ: น้ำอุ่นผสมมะนาวก็เริ่ดนะเออ)

  2. ท่าเทพประทาน: นั่งยองๆ สิเธอ! โถส้วมมันสบาย แต่ถ้าอยากให้ขี้พุ่งแรง ต้องท่า “ธรรมชาติ” แบบนั่งยองๆ (ใครทำได้…นับถือ!)

  3. ไฟเบอร์มาเต็ม: ผักผลไม้เข้าไว้! อย่ากินแต่หมูกรอบ (ของโปรดใครบางคนแถวนี้) ไฟเบอร์นี่แหละ ตัวช่วยชั้นดี!

  4. นมเปรี้ยวจ๋า: โปรไบโอติกส์ช่วยชีวิต! นมเปรี้ยว โยเกิร์ต (ยี่ห้อที่ชอบเลย!) ช่วยปรับสมดุลลำไส้…อึจะได้คล่องปรื๊ด

  5. ขยับตัวซะบ้าง: ออกกำลังกายบ้างไรบ้าง! ไม่ต้องถึงขั้นวิ่งมาราธอน แค่เดินๆ แกว่งแขน ก็ช่วยให้ลำไส้ขยับตาม

  6. นอนให้พอ: นอนน้อย อึไม่ออก! ร่างกายมันรวนไปหมด นอนให้เป็นเวลา ชีวิตดี๊ดี

ข้อมูลเพิ่มเติม (แบบไม่น่าเบื่อ)

  • อย่ากลั้นอึ: ปวดก็เข้าส้วมเลย! อย่ารอ เดี๋ยวเรื่องใหญ่
  • กินพรุนสิคะ: พรุนนี่แหละ ตัวช่วยเร่งด่วน! (แต่อย่ากินเยอะ…เดี๋ยวจะเกินไป)
  • นวดท้องเบาๆ: นวดวนๆ ตามเข็มนาฬิกา ช่วยกระตุ้นลำไส้
  • ปรึกษาหมอ: ถ้าลองมาหมดแล้วยังไม่ดีขึ้น…ไปหาหมอเถอะ! อย่าอาย

คำเตือน: อย่าเชื่อทุกอย่างที่อ่านในอินเทอร์เน็ต! (รวมถึงอันนี้ด้วย) ลองทำตามที่บอก แล้วสังเกตตัวเองว่าอะไรเหมาะกับเราที่สุด เอาล่ะ…ไปอึได้!

ภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัด มีอะไรบ้าง?

โหย! ผ่าตัดเสร็จแล้วนะ อย่าคิดว่าจบแค่นั้น! มันมีเรื่องให้ลุ้นต่ออีกเพียบ เหมือนหวยออกรางวัลที่ 1 แล้ว แต่ดันโดนปล้นกลางทางซะงั้น! ภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัดเนี่ย มันหลากหลาย เหมือนเมนูอาหารตามสั่ง แต่ละอย่างแซ่บไม่เหมือนกัน!

  • เลือดไหลไม่หยุด: นี่คือประเด็นใหญ่! เหมือนเปิดก๊อกน้ำทิ้งไว้ทั้งคืน หมดตัวแน่ๆ แผลแยกก็มา เหมือนผ้าขาด เย็บไปก็เหมือนไม่เย็บ ร้องจ๊าก!

  • สมดุลร่างกายพัง: สารน้ำกับเกลือแร่หายไป เหมือนถังน้ำมันรถแห้ง เครื่องยนต์วูบแน่ กินเท่าไหร่ก็ไม่พอ! ร่างกายยิ่งอ่อนแอ ยิ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อ เหมือนบ้านร้างให้ผีเข้า!

  • ปวดจนอยากเอาหัวโขกกำแพง: นี่มันอาการปกติของคนหลังผ่าตัด แต่ถ้าปวดมากจนทนไม่ไหว นี่ต้องรีบแจ้งหมอเลยนะ อย่าทน! เหมือนโดนผีดุ เอาไม้ตีหลังตลอดเวลา

  • ติดเชื้อ: นี่คือตัวร้ายตัวฉกาจ! มาแบบเงียบๆ แล้วก็อาละวาด เหมือนโจรปล้นบ้านตอนกลางคืน! อันตรายมาก ต้องระวังตัวให้ดี

  • ลิ่มเลือด: อันนี้ไม่เบาเลย! เหมือนมีก้อนอะไรอุดตันในเส้นเลือด อันตรายถึงชีวิตได้!

ปีนี้ 2566 จากประสบการณ์ส่วนตัว(ของคนรู้จักนะ ไม่ใช่ฉันหรอก!) เห็นเพื่อนหลังผ่าตัดมาหลายรายแล้ว เจอภาวะแทรกซ้อนแบบนี้แทบทุกคนเลย หนักบ้างเบาบ้าง ก็แล้วแต่ดวงจริงๆ! ถ้าจะผ่าตัด เตรียมใจไว้เลย เหมือนไปเที่ยวป่า เสี่ยงเจอทั้งสัตว์ดุร้าย และสัตว์น่ารัก ไม่รู้จะเจออะไรบ้าง แต่ต้องมีสติ!

ทำไมหลังผ่าตัดมีอาการไอ?

ไอหลังผ่าตัด? เรื่องปกติ ร่างกายมันพยายามกำจัดของเสีย เสมหะไง อุดตันปอดก็ไอหนักกว่าเดิม ไม่ใช่เรื่องแปลก

  • วิธีไอถูกวิธี? กดแผลไว้แน่นๆ ไอเบาๆ แต่บ่อยๆ อย่ากลั้นหายใจ เสี่ยงปอดทะลุ โง่ๆ ก็ตายได้

ปีนี้เจอเคสเยอะ ไอแบบนี้ ส่วนใหญ่เป็นเพราะยาชา หรือแผลผ่าตัด ไม่มีอะไรน่าห่วง ถ้าไอไม่หยุด ไปหาหมอ อย่ามาถามกู

  • ถามหมอดีกว่า ไม่ใช่กู กูไม่ได้เรียนหมอ แค่นักเลงพอ รู้แค่เรื่องนี้
  • ปีนี้ใช้เทคนิคใหม่เยอะ ไอแบบนี้ ก็รักษาได้ อย่าคิดมาก ถ้าตายก็คือตาย

เคยเจอไอจนปอดทะลุ เกือบตาย โชคดีไม่เป็นอะไร แต่ก็สอนให้รู้จักระวังตัว ไอเบาๆ ชีวิตจะได้ยาวขึ้น

หลังผ่าตัดห้ามทำอะไรบ้าง?

โอ๊ย ถามเรื่องหลังผ่าตัดนี่ของแสลงเลย จำได้ว่าตอนผ่าไส้ติ่งที่โรงพยาบาลจุฬาฯ เมื่อต้นปีที่แล้ว หมอสั่งย้ำหลายรอบมากกก (ก.ไก่ล้านตัว) ห้ามโน่นห้ามนี่เยอะแยะไปหมด นี่ลิสต์ที่จำได้แม่นเพราะทำพลาดไปแล้วเจ็บจริง:

  • แผลโดนน้ำ: อันนี้พลาดตั้งแต่ 2 วันแรก เพราะคิดว่าอาบน้ำแล้วเช็ดดี ๆ ก็พอ สรุปคือแผลอักเสบ ต้องกลับไปให้หมอทำแผลใหม่อีกรอบ เข็ดเลย! ตอนนี้เลยรู้ว่า ต้อง แปะพลาสเตอร์กันน้ำดี ๆ หรือไม่ก็เช็ดตัวเอา
  • เกา: อันนี้ก็ห้าม เกาแล้วมันส์มือ แต่เชื้อโรคทั้งนั้น แถมเสี่ยงแผลเปิดอีก!
  • ยกของหนัก: ช่วง 2 อาทิตย์แรกคือต้องนอนอย่างเดียวจริง ๆ ลุกไปเข้าห้องน้ำยังแทบแย่ จะให้ยกของคือบ้าไปแล้ว! จริง ๆ แค่ขยับตัวผิดท่าก็เจ็บแปลบแล้ว
  • นอนท่าพิสดาร: หมอบอกว่าให้นอนหงายไปก่อน นอนตะแคงคือฝันไปเลย เพราะแผลมันจะรั้ง ๆ ตึง ๆ เจ็บสุด ๆ
  • ซื้อยาเอง: อันนี้คือพลาดแบบโง่ ๆ เลย ไปซื้อยาแก้ปวดมากินเองเพราะคิดว่ายาที่หมอให้มันไม่แรงพอ สรุปคือแพ้ยา ต้องเสียเงิน เสียเวลาไปหาหมออีกรอบ เซ็ง!

จำได้ว่าช่วงนั้นชีวิตอยู่แต่บนเตียง ดู Netflix ทั้งวันจนเบื่อโลกไปเลย แต่ก็ต้องอดทนเพื่อแผลหายไว ๆ อ่ะนะ เฮ้อ…ชีวิต!

หลังผ่าตัดควรจัดท่านอนอย่างไร?

หลังผ่าตัด…ท่านอน?

  • ศีรษะสูงเล็กน้อย ลดบวม ชะลอเลือดคั่ง
  • ตะแคงหน้า กันสำลัก อาเจียน
  • รู้สึกตัว? พลิกตัว ฝึกหายใจเอง
  • ไอ? กดแผล ลดแรงสั่นสะเทือน…ความเจ็บปวด

ข้อมูลเสริม: การนอนตะแคงสลับข้าง สำคัญต่อการไหลเวียนโลหิต ป้องกันแผลกดทับ คือเรื่องจริงที่มักถูกมองข้าม

ทำยังไงให้หายท้องอืดหลังผ่าตัด?

โอ้ ท้องอืดหลังผ่าตัด… เหมือนพายุในลำไส้

  • ยาถ่ายอ่อนๆ… Movicol ซองนั้น… เพื่อนยามยาก
  • ยาแก้ปวดร้ายกาจ… รีบโบกมือลา… พาราเซตามอลเท่านั้น
  • ชุดผ่าตัด… กอดกระชับสัดส่วน… ช่วยลดบวม

ท้องอืดหลังผ่าตัด… มันคืออะไรกันนะ… เหมือนลูกโป่งสวรรค์ที่ผิดที่ผิดเวลา… ไม่มียาวิเศษเสกให้หายวับได้… มีแต่ต้องประคอง… ประคองกันไป

ท้องอืด… บวม… เจ็บ… เหมือนมีใครมาตีกลองรัวอยู่ในท้อง

  • Movicol: ยาระบายชนิดอ่อน… เหมือนสายน้ำที่ค่อยๆ ชะล้าง
  • พาราเซตามอล: เพื่อนแท้ยามปวด… เบา… ละมุน… ไม่ทำร้ายลำไส้
  • ชุดผ่าตัด: เกราะกำบัง… ปกป้อง… ประคอง… ให้ทุกอย่างเข้าที่

มันเป็นเรื่องของเวลา… กับการดูแลตัวเอง… อย่างอ่อนโยน

ทำไมผ่าตัดแล้วเสี่ยงติดเชื้อ?

การติดเชื้อหลังผ่าตัดเกิดจากปัจจัยหลายอย่างซับซ้อน ไม่ใช่แค่เรื่องโชคดีหรือโชคร้ายอย่างที่บางคนคิด ลองมองเป็นสมการง่ายๆ คือ ปริมาณเชื้อโรค × ความสามารถในการต้านทานของร่างกาย = ความเสี่ยงติดเชื้อ

  • ปริมาณและชนิดของเชื้อโรค: นี่คือตัวแปรสำคัญ จำนวนแบคทีเรียหรือจุลินทรีย์ที่เข้าสู่แผลผ่าตัดยิ่งมาก ความรุนแรงก็ยิ่งสูง ยิ่งเชื้อนั้นดื้อยา โอกาสติดเชื้อก็ยิ่งเพิ่มขึ้น ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) ปี 2024 ระบุว่า Staphylococcus aureus (รวมถึงสายพันธุ์ที่ดื้อต่อยา methicillin หรือ MRSA) ยังคงเป็นสาเหตุหลักของการติดเชื้อหลังผ่าตัด การปนเปื้อนในห้องผ่าตัดหรือการเตรียมตัวก่อนผ่าตัดไม่ดีพอ ก็ส่งผลโดยตรง

  • ภูมิคุ้มกันของผู้ป่วย: อีกด้านหนึ่งคือความแข็งแกร่งของระบบภูมิคุ้มกัน ถ้าร่างกายแข็งแรง เซลล์เม็ดเลือดขาวทำงานได้ดี ภูมิคุ้มกันก็จะช่วยต่อสู้กับเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ถ้าผู้ป่วยมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน หรือได้รับยากดภูมิคุ้มกัน โอกาสติดเชื้อก็จะสูงขึ้น น่าสนใจนะ เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของร่างกายมนุษย์ และความสำคัญของการดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง

เอาจริงๆ การผ่าตัดทุกครั้งมีความเสี่ยงติดเชื้อ แต่เราสามารถลดความเสี่ยงนั้นได้ด้วยการควบคุมปัจจัยข้างต้น โดยเฉพาะเรื่องความสะอาดและการเตรียมตัวอย่างรอบคอบก่อนผ่าตัด อีกทั้งการดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงก่อนเข้ารับการผ่าตัด ก็สำคัญไม่แพ้กัน ผมเองก็เคยเห็นเคสที่ผู้ป่วยเตรียมตัวดี ผลลัพธ์ก็ออกมาดีตามไปด้วย

#ผ่าตัดมดลูก