ลูกหนูขึ้นใต้คางเกิดจากอะไร

ลูกหนูใต้คาง…จริงหรือไม่? หรือเป็นอะไรกันแน่?

หลายคนอาจเคยพบเจอก้อนแข็งขนาดเล็กบริเวณใต้คาง และด้วยความกังวลใจ จึงอาจเปรียบเทียบกับ “ลูกหนู” ที่หลายคนเข้าใจกันว่าเป็นสาเหตุ แต่ความจริงแล้ว ก้อนเล็กๆ ใต้คางนั้นมักไม่ใช่ “ลูกหนู” แต่อาจเกิดจากสาเหตุทางการแพทย์อื่นๆ ที่ต้องได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียด

ความเชื่อเรื่อง “ลูกหนู” ใต้คางนั้น เป็นเพียงความเชื่อที่ตกทอดกันมา โดยไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ สิ่งที่พบเห็นเป็นก้อนแข็งขนาดเล็กใต้คางนั้น ส่วนใหญ่แล้วอาจเกิดจากสาเหตุต่อไปนี้:

• ซีสต์ (Cyst): เป็นถุงขนาดเล็กที่เต็มไปด้วยของเหลว มักไม่เจ็บปวด และสามารถเกิดขึ้นได้หลายตำแหน่งบนร่างกาย รวมถึงใต้คาง ซีสต์บางชนิดไม่เป็นอันตรายและอาจหายไปเองได้ แต่บางชนิดอาจต้องได้รับการรักษาโดยแพทย์ ขึ้นอยู่กับขนาด ตำแหน่ง และอาการอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นร่วมด้วย เช่น การอักเสบ หรือติดเชื้อ

• การอักเสบของรูขุมขน (Folliculitis): เกิดจากการอักเสบของรูขุมขน อาจมีอาการบวม แดง และเจ็บ หากเป็นเพียงเล็กน้อยอาจหายเองได้ แต่หากมีอาการรุนแรง เช่น มีหนอง หรือมีไข้ ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษา

• ต่อมน้ำเหลืองบวม (Swollen Lymph Nodes): ต่อมน้ำเหลืองมีหน้าที่สำคัญในการต่อสู้กับการติดเชื้อ เมื่อร่างกายติดเชื้อ ต่อมน้ำเหลืองอาจบวมขึ้น ทำให้รู้สึกเป็นก้อนแข็งใต้คาง อาการนี้มักหายไปเองเมื่อการติดเชื้อหายดี แต่หากต่อมน้ำเหลืองบวมนาน หรือมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุของการติดเชื้อ

• ลิโพมา (Lipoma): เป็นเนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรง เกิดจากการสะสมของไขมัน มักนุ่ม เคลื่อนไหวได้ และไม่เจ็บปวด หากสงสัยว่าเป็นลิโพมา ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย

สิ่งที่ควรระวังและควรไปพบแพทย์:

ถึงแม้ก้อนใต้คางมักไม่ใช่เรื่องร้ายแรง แต่ควรไปพบแพทย์หากมีอาการดังต่อไปนี้:

• ก้อนโตเร็วขึ้นอย่างผิดปกติ
• ก้อนมีอาการเจ็บปวด บวมแดง หรือมีหนอง
• มีไข้ หรือรู้สึกไม่สบายตัว
• ก้อนแข็งอยู่เป็นเวลานาน และไม่หายไปเอง

แพทย์จะทำการตรวจร่างกาย และอาจทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น การตรวจเลือด หรือการอัลตราซาวนด์ เพื่อวินิจฉัยสาเหตุที่แท้จริงและให้การรักษาที่เหมาะสม การรักษาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุ อาจเป็นการรักษาด้วยยา การผ่าตัด หรือการรักษาอื่นๆ ตามความเหมาะสม

อย่าเพิ่งตื่นตระหนกหากพบก้อนแข็งเล็กๆ ใต้คาง แต่ควรสังเกตอาการ และปรึกษาแพทย์หากมีอาการผิดปกติ เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัยและการรักษาอย่างถูกต้อง อย่าปล่อยให้ความเชื่อที่ไม่ถูกต้องนำไปสู่ความวิตกกังวลที่ไม่จำเป็น และอย่าลืมว่าการดูแลสุขภาพที่ดี คือการป้องกันที่ดีที่สุด