ใครไม่ควรกินอัลมอน

อัลมอนด์ มีโทษอย่างไร

อัลมอนด์มีโทษยังไงเหรอ… อืม…

มันเหมือนดาบสองคมนะ อัลมอนด์อ่ะ กินเยอะไปก็ไม่ดี

• สารพิษ: กรดไฮโดรไซยานิก (hydrocyanic acid) นี่แหละ ตัวร้าย ถ้าเยอะเกินไป หายใจลำบาก จิตใจแปรปรวนได้เลยนะ น่ากลัวอ่ะ
• ปริมาณที่พอเหมาะ: กินแต่พอดีๆ ดีกว่าเนอะ อย่าไปยัดเยอะ

แต่… ก็แปลกดีนะ อะไรที่ดีๆ ก็มีด้านไม่ดีซ่อนอยู่เสมอเลย… เหมือนชีวิตคนเราเลยอ่ะมั้ง…

กินอัลมอนด์ตอนไหนดีที่สุด

เช้าตรู่… แสงแดดอ่อนๆ สาดส่องกระทบใบหน้า อุ่นละมุน เหมือนสัมผัสแรกของวันใหม่ มือเล็กๆ คว้าอัลมอนด์กรุบกรอบ กลิ่นหอมอ่อนๆ โชยเข้าจมูก ช่างสดชื่นเสียจริง

• เช้าวันใหม่: เริ่มต้นวันด้วยพลังงานจากอัลมอนด์ ไขมันดีๆ โปรตีน ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง เตรียมพร้อมรับมือกับภารกิจต่างๆ

สายลมพัดโชย ใบไม้ไหวระริก ภาพวาดธรรมชาติ สวยงาม เหมือนงานศิลปะชิ้นเอก อัลมอนด์ เสริมสร้างความแข็งแรงให้ร่างกาย เหมือนดั่งต้นไม้ใหญ่ที่แข็งแรง

• เป็นส่วนหนึ่งของอาหารเช้า: ลองใส่อัลมอนด์ลงในโจ๊ก หรือโยเกิร์ต เพิ่มรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการ เป็นอาหารเช้าที่ดีต่อสุขภาพ

ยามบ่าย… แดดอ่อนเริ่มแรงขึ้น อากาศอบอุ่น เหมาะแก่การพักผ่อน อัลมอนด์… เหมือนเพื่อนคู่ใจ ให้พลังงานระหว่างวัน

• เป็นของว่างระหว่างมื้อ: อัลมอนด์ช่วยลดความอยากอาหาร ป้องกันการทานจุบจิบของหวาน

แสงตะวันลับขอบฟ้า ท้องฟ้าสีส้มอมม่วง งดงาม อัลมอนด์… ไม่ใช่แค่เพียงอาหาร แต่เป็นความสุขเล็กๆ ในแต่ละวัน

• ไม่ควรทานก่อนนอน: เพราะอาจส่งผลต่อการนอนหลับ เนื่องจากอัลมอนด์มีไขมันและโปรตีนค่อนข้างสูง

ปี 2024 ฉันยังคงหลงใหลในความงามของธรรมชาติ และคุณค่าของอาหารเพื่อสุขภาพ เช่น อัลมอนด์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ให้พลังงาน และความสุขเล็กๆน้อยๆ อย่างที่ควรจะเป็น

เมล็ดอัลมอนด์มีพิษไหม

เปล่า อัลมอนด์หวานไม่เป็นไร แต่ระวังพวกขม ไซยาไนด์สูง อันตรายจริง

• อัลมอนด์หวาน: ไซยาไนด์น้อย ไม่เป็นอันตราย กินได้สบาย
• อัลมอนด์ขม: ไซยาไนด์เยอะมาก อันตรายถึงตาย อย่าลองดี

เคยโดนเพื่อนหลอกกิน ไอ้พวกนั้นมันบ้า เกือบแย่แล้วปีที่แล้ว จำได้แม่นเลย นี่ก็ยังระคายคออยู่เลย

ปีนี้ ก็ยังระวังอยู่ ไม่ไว้ใจของพวกนี้ง่ายๆ เพราะมันเล่นตายได้จริงๆ

อัลมอนด์ไขมันสูงไหม?

อัลมอนด์นะเหรอ… ไขมันสูงปรี๊ดเลยแหละ!

จำได้ว่าตอนลดน้ำหนักเมื่อปีที่แล้ว (2566) โค้ชบอกให้กินอัลมอนด์ได้ แต่ต้องจำกัดปริมาณนะ เพราะไขมันเยอะ แต่เป็นไขมันดีไง กินแล้วอยู่ท้อง แถมมีสารอาหารเพียบ โค้ชเน้นย้ำมากเรื่องแมกนีเซียมกับวิตามินอี บอกว่าช่วยลดอาการตะคริวตอนออกกำลังกายได้ดี

• ไขมัน: สูงจริง แต่เป็นไขมันดี (ไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว)
• แมกนีเซียม: ช่วยเรื่องกล้ามเนื้อ
• วิตามินอี: ต้านอนุมูลอิสระ ผิวดีขึ้นด้วยนะเออ!
• โพแทสเซียม: ช่วยเรื่องความดัน
• สำคัญ: กินแต่พอดีนะ อย่ากินเพลิน!

อัลมอนด์ วันละกี่เม็ด?

อัลมอนด์วันละกี่เม็ด?

• เออ… อัลมอนด์ อร่อย นะ กินเพลินมาก
• แต่ว่า… กินเยอะไปก็ไม่ดีอ่ะดิ
• 23 เม็ด/วัน (ประมาณ 1 ออนซ์…28 กรัม) กำลังดีเลยมั้ง?
• กินเยอะไป…อ้วนป่ะ? หรือ ท้องอืด? 🤔
• ควรกินตอนไหนดีนะ? เช้า? บ่าย? ก่อนนอน?
• อัลมอนด์มีประโยชน์อะไรบ้างนะ? วิตามิน? โปรตีน?
• แล้วถ้ากินกับนมล่ะ? จะดีกว่ากินเปล่าๆ ไหม?
• บางทีก็อยากกินแบบอบเกลือ…แต่โซเดียมเยอะไปป่ะ? 🧂
• แม่บอกว่าอัลมอนด์ช่วยบำรุงสมอง…จริงเหรอ?
• สรุปคือ 23 เม็ด…โอเค! (ต้องนับดีๆ นะ เดี๋ยวเกิน)
• (ข้อมูลปี 2567 นะจ๊ะ)

เพิ่มเติม: เคยอ่านเจอว่าอัลมอนด์มีแมกนีเซียมด้วย…ช่วยเรื่องนอนหลับป่าว?

กินถั่วยังไงไม่ให้ท้องอืด?

กินถั่วยังไงไม่ให้ท้องอืด…​ เรื่องนี้ใครๆ ก็เป็นเนอะ!

• แช่ถั่ว: นี่คือเคล็ดลับดาวทอง! แช่ถั่วข้ามคืน (8-12 ชั่วโมง) ก่อนเอาไปทำอะไรต่อมิอะไร วิธีนี้จะช่วยลดปริมาณ oligosaccharides ซึ่งเป็นตัวการทำให้เกิดแก๊สในท้อง แช่แล้วก็ทิ้งน้ำแช่ไปซะ อย่าเสียดาย!
• ปรุงสุกช้าๆ: ไฟแรงรีบร้อนไม่ดีต่อถั่ว… และไม่ดีต่อพุงเราด้วย ปรุงด้วยไฟอ่อนๆ จะช่วยให้ย่อยง่ายขึ้น
• เติมเครื่องเทศ: ยี่หร่า โป๊ยกั๊ก ขมิ้น…​ พวกนี้ไม่ได้มีดีแค่กลิ่นหอมนะ แต่ช่วยลดอาการท้องอืดได้ด้วย ลองดู!
• ปริมาณ: อย่า “จัดหนัก” ทีเดียวเยอะๆ ค่อยๆ กิน ค่อยๆ จิบ…​ ชีวิตดีกว่าเยอะ
• เคี้ยวละเอียด: ไม่ใช่แค่ถั่ว… อะไรๆ ก็ควรเคี้ยวให้ละเอียด การเคี้ยวช่วยลดภาระของกระเพาะอาหาร
• น้ำอุ่น: หลังกินถั่ว ดื่มน้ำอุ่นๆ สักแก้ว จะช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น

เกร็ดเล็กน้อย (แต่สำคัญ):

• เอนไซม์: ลองหาพวกผลิตภัณฑ์ที่มีเอนไซม์ Alpha-galactosidase มากินเสริมดู มันจะช่วยย่อย oligosaccharides ได้ดียิ่งขึ้นไปอีก
• ถั่วหมัก: ถั่วหมัก (tempeh, natto) มักจะย่อยง่ายกว่าถั่วที่ไม่ได้หมัก เพราะกระบวนการหมักจะช่วยย่อยสารอาหารบางส่วนไปแล้ว
• ตัวแปร: คนเราไม่เหมือนกัน! บางคนอาจจะแพ้ถั่วบางชนิด ลองสังเกตตัวเองดูว่ากินถั่วอะไรแล้วสบายท้องที่สุด

ปรัชญาส่วนตัว: จริงๆ แล้วการกินอะไรที่เราชอบอย่างมีความสุข น่าจะสำคัญกว่าการ “กลัว” อาหารนะ (แต่ก็ต้องระวังด้วยล่ะ!)