พริกหยวก พริกหวาน ต่างกันยังไง

พริกหวานกับพริกหยวก: ความแตกต่างที่มากกว่าแค่ชื่อ

แม้ชื่อจะดูคล้ายคลึงกัน และหลายคนมักใช้คำว่า “พริกหวาน” และ “พริกหยวก” สลับกันไปมา แต่แท้จริงแล้วพืชทั้งสองชนิดนี้มีความแตกต่างกันมากกว่าที่คิด ความแตกต่างนั้นไม่ได้อยู่แค่ที่รูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น แต่ยังอาจหมายถึงรสชาติ ความเผ็ด และการนำไปประกอบอาหารอีกด้วย

ความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งคือการมองว่าพริกหยวกเป็นเพียงพริกหวานชนิดหนึ่งที่มีขนาดเล็กกว่า ความจริงแล้ว ทั้งสองเป็นพืชคนละสายพันธุ์ แม้จะมีความสัมพันธ์กันในวงศ์เดียวกัน (Solanaceae) แต่ก็มีความแตกต่างในหลายด้าน ดังนี้

1. รูปร่างและขนาด: นี่คือความแตกต่างที่สังเกตได้ง่ายที่สุด พริกหวานโดยทั่วไปจะมีขนาดใหญ่กว่าพริกหยวก รูปทรงอาจเป็นทรงกลม ทรงกระบอก หรือรูปทรงอื่นๆ ที่มีลักษณะอวบอ้วน ผิวเรียบหรือมีรอยหยักเล็กน้อย ในขณะที่พริกหยวกจะมีขนาดเล็กกว่า รูปทรงเรียวยาว คล้ายกับรูปทรงกระสวย หรือทรงรี และมีผิวเรียบเนียนกว่า

2. สีสัน: ทั้งพริกหวานและพริกหยวกสามารถพบได้ในหลายสี เช่น เขียว เหลือง ส้ม แดง แต่สีเขียวมักเป็นสีที่พบได้บ่อยในทั้งสองชนิด อย่างไรก็ตาม สีสันของพริกหวานมักจะสดใสและเข้มกว่าพริกหยวกเล็กน้อย โดยเฉพาะเมื่อพริกหวานสุกเต็มที่

3. รสชาติและความเผ็ด: นี่คืออีกหนึ่งความแตกต่างที่สำคัญ พริกหวานตามชื่อ จะมีรสชาติหวาน และมีความเผ็ดน้อยมากหรือไม่มีเลย ในขณะที่พริกหยวกอาจมีความเผ็ดเล็กน้อย แม้ว่าจะน้อยมากเมื่อเทียบกับพริกขี้หนูหรือพริกชนิดอื่นๆ ความเผ็ดของพริกหยวกจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และวิธีการปลูก

4. การใช้งานในการประกอบอาหาร: เนื่องจากความแตกต่างในด้านรสชาติและรูปร่าง การนำพริกหวานและพริกหยวกไปใช้ในการประกอบอาหารจึงแตกต่างกันไป พริกหวานที่มีขนาดใหญ่และรสชาติหวาน มักนิยมนำไปย่าง ผัด หรือทำเป็นส่วนประกอบในอาหารต่างๆ เช่น สตูว์ ซุป หรือสลัด ในขณะที่พริกหยวกมักจะใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารที่มีรสชาติจัดจ้าน เช่น อาหารไทยบางชนิด หรือใช้เป็นเครื่องปรุงแต่งสีสันและเพิ่มรสชาติเผ็ดเล็กน้อยให้กับอาหาร

สรุปแล้ว พริกหวานและพริกหยวกไม่ใช่พืชชนิดเดียวกัน แม้จะมีความสัมพันธ์กันในวงศ์เดียวกัน แต่มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนในหลายๆ ด้าน การเข้าใจความแตกต่างเหล่านี้จะช่วยให้เราเลือกใช้พริกชนิดที่เหมาะสมกับเมนูอาหารของเราได้อย่างถูกต้อง และสร้างสรรค์อาหารอร่อยๆ ได้อย่างเต็มที่