เรียนตัวต่อตัวดียังไง

5 การดู

เรียนตัวต่อตัว: ข้อดีที่ควรรู้

  • การเรียนรู้เฉพาะบุคคล: ปรับเนื้อหาให้เข้ากับสไตล์การเรียนรู้ของนักเรียนแต่ละคน
  • ความใส่ใจที่ตรงจุด: ช่วยเหลือนักเรียนที่มีปัญหาในการเรียนในห้องเรียนปกติ
  • โอกาสแห่งความสำเร็จ: เพิ่มโอกาสให้นักเรียนประสบความสำเร็จในการเรียน
  • เหมาะสำหรับ: นักเรียนที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ
ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

เรียนตัวต่อตัวให้ได้ผลดีอย่างไร?

จริง ๆ นะ ตอนเรียนพิเศษภาษาอังกฤษ สมัยมัธยมปลาย ที่ติวเตอร์คุณป้าจุรี แถว ๆ ซอยรามคำแหง 24 (จำราคาไม่ได้แล้ว อายจัง นานมากแล้ว) รู้สึกได้ผลดีมากๆ เลยล่ะ เพราะเค้าสอนตรงจุดที่เราอ่อน ไม่เหมือนเรียนในห้องที่ครูต้องสอนรวมๆ กัน บางทีเราเข้าใจแล้ว แต่ก็ต้องนั่งฟังต่อ เสียเวลาไปเปล่าๆ.

อย่างเช่นเรื่อง Tense ฉันเกือบจะท้อแล้ว แต่คุณป้าแกจับจุดได้เร็วมาก แกก็เน้นๆ ให้เราทำแบบฝึกหัดเยอะๆ แล้วแกก็คอยแก้ให้ จนเข้าใจ วิธีการแบบนี้ มันต่างจากนั่งอ่านหนังสือเองเยอะเลย รู้สึกว่าได้ความรู้เร็วกว่ามาก.

ตอนนั้นฉันได้เกรด A ในวิชาภาษาอังกฤษ เลยนะ ภูมิใจมาก ถึงแม้ว่าจะต้องเหนื่อยหน่อย แต่คุ้มค่า กับเวลาและเงินที่เสียไป. ส่วนข้อดีอื่นๆ ที่เค้าบอกมาในเว็บ เรื่องปรับแต่งการเรียนรู้ อะไรพวกนั้น ก็จริงนะ เพราะติวเตอร์จะเห็นจุดอ่อนของเราได้ชัดเจน แต่สำหรับฉัน ข้อดีที่สุดคือ ได้ความรู้เข้าใจไว ไม่เสียเวลาเปล่าๆ แค่นั้นแหละ.

เรียนในห้องเรียนดียังไง

ห้องเรียน: คุณค่าเหนือความคาดหมาย

  • ความรู้เชิงลึก: ครูผู้เชี่ยวชาญ ปี 2566 มอบความรู้ที่เหนือกว่าการค้นหาออนไลน์ เนื้อหาเข้มข้น เข้าใจง่ายกว่า

  • ทักษะการคิด: ฝึกฝนการวิเคราะห์ แก้ปัญหา ปี 2566 สำคัญกว่าการเรียนรู้เพียงลำพัง มีปฏิสัมพันธ์ ได้ประสบการณ์จริง

  • พัฒนาตนเอง: การเรียนรู้ร่วมกัน สร้างแรงบันดาลใจ ปี 2566 พัฒนาบุคลิกภาพ การทำงานเป็นทีม ประสบการณ์ตรง

  • โอกาส: สร้างเครือข่าย ปี 2566 พบปะผู้คนหลากหลาย ขยายโอกาสทางการงาน และการศึกษาต่อ ประโยชน์มหาศาล

  • อนาคตที่สดใส: พื้นฐานที่มั่นคง ปี 2566 เตรียมพร้อมสู่ความสำเร็จ ต่อยอดความรู้ ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง

ข้อคิด: การเรียนรู้ไม่ใช่แค่การรับรู้ แต่เป็นการสร้าง การเติบโต และการเปลี่ยนแปลง ปีนี้ 2566 เป็นปีที่พิสูจน์ให้เห็นถึงคุณค่าของการเรียนในห้องเรียน อย่างชัดเจน

การเรียนแบบตัวต่อตัวคืออะไร

เรียนตัวต่อตัวเนี่ยนะ? อ๋อ ไอ้ที่เหมือนเช่าครูมาติวเข้มข้างกายไง! เหมือนมี GPS นำทางชีวิต (การเรียน) แบบใกล้ชิดอ่ะ เข้าใจนะว่าบางทีเรียนออนไลน์มันเหมือนดู Netflix คนเดียว มันเหงา มันขาดปฏิสัมพันธ์แบบ “เฮ้ย! เข้าใจยังวะ?” ที่สำคัญคือ…ขี้เกียจเดินทางไง! ใครมันอยากฝ่ารถติดไปเรียนพิเศษวะ จริงป่ะ?

ข้อดีแบบกัดๆ ของการเรียนตัวต่อตัว (On-site):

  • “ยืดหยุ่น” (มั้ง): เลือกเวลาเองได้…ถ้าครูเค้าว่างนะ! อย่าลืมว่าครูก็มีชีวิต!
  • ประหยัดเวลาเดินทาง: อันนี้จริง! แต่ระวังจะเสียเวลาไปกับการเม้าท์มอยกับครูแทนนะ!
  • จัดสรรเวลาได้: คือถ้าใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ก็เท่านั้นแหละ! เรียนตัวต่อตัวก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก!
  • โฟกัส (มั้งนะ): ไม่มีใครแอบเล่นมือถือใต้โต๊ะได้…นอกจากครู! (ล้อเล่นนะครู!)

ข้อมูลเพิ่มเติม (แบบขำๆ แต่จริงจัง):

  • ครูดีมีชัยไปกว่าครึ่ง: เลือกครูที่ “คลิก” กัน! ไม่ใช่แค่เก่ง แต่ต้องคุยกันรู้เรื่อง! เหมือนเลือกคู่เดทอ่ะ!
  • บรรยากาศก็สำคัญ: บ้านรกๆ มันก็ไม่น่าเรียนป่ะ? จัดห้องให้มันน่าอ่านหนังสือหน่อย!
  • อย่าลืมพัก: เรียนตัวต่อตัวมันเข้มข้น! พักบ้าง! กินขนมบ้าง! เดี๋ยวเบิร์นเอาท์!
  • อย่าคาดหวังเกินไป: เรียนตัวต่อตัวไม่ได้แปลว่าเกรด A แน่นอน! มันแค่ “ช่วย” ให้เราไปถึงเป้าหมายได้ง่ายขึ้น! ที่เหลือก็อยู่ที่ตัวเรา!

สรุป: เรียนตัวต่อตัวก็ดี…ถ้าเงินถึง และเจอครูที่ใช่! แต่ถ้าไม่…เรียนเองก็ได้! YouTube ช่วยท่านได้! (แต่ต้องมีวินัยนะ!)

เรียนออนไซต์ ดีอย่างไร

เรียนออนไซต์ดีกว่าตรงไหน? ก็มัน “ออน” ไง! ออนเต็มที่ ออนทุกเซนส์! ไม่ต้องมานั่งงงกับเน็ตหลุด ไม่ต้องแอบซุ่มกินขนมกลัวครูจับได้ นี่คือความสุขเล็กๆน้อยๆที่คุณอาจคาดไม่ถึง!

  • ความเชี่ยวชาญติดตัว: เรียนตัวต่อตัวกับกูรู แบบไม่ต้องแบ่งปันความรู้กับใคร สงสัยตรงไหนถามได้เลย! ครูจะได้ไม่ต้องอธิบายเรื่องเดียวซ้ำๆจนเบื่อ นักเรียนก็ได้ความรู้แบบเน้นๆ ประหยัดเวลาและพลังงานทุกฝ่าย! คิดดูสิ ถ้าเรียนออนไลน์ ครูอาจจะตอบคำถามแบบ “งั้นลองไปหาข้อมูลเพิ่มเติมใน Google ดูนะคะ” เจ็บใจไหมล่ะ!

  • เวลาเป็นของเรา: เวลาเรียนยืดหยุ่นสุดๆ ปรับได้ตามใจ ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง นั่งรถติด เสียอารมณ์ เวลาที่เหลือก็ไปทำอย่างอื่นได้เต็มที่! แบบว่า…ได้ทั้งความรู้ ได้ทั้งเวลาพักผ่อน ชีวิตนี้ช่างสมบูรณ์แบบ!

  • โฟกัสแบบสุดๆ: เรียนตัวต่อตัวนี่มันโคตรจะโฟกัส ไม่มีเสียงรบกวนจากเพื่อน ไม่มีการแอบคุยกัน ไม่มีการแย่งกันตอบคำถามครู ได้แต่ความรู้ล้วนๆ แบบว่า…เรียนเสร็จ สมองโล่ง ใจปลอดโปร่ง ไม่ต้องมาลุ้นว่าจะได้เกรดเท่าไหร่ เพราะการเรียนแบบนี้…ผลลัพธ์มักจะดีเกินคาด!

  • ปี 2024 ไม่ง้อหน้าจอ!: เอาจริงๆนะ การได้เจอครูตัวเป็นๆ ได้เห็นปฏิกิริยา ได้สัมผัสบรรยากาศการเรียนการสอนแบบสดๆ มันมีเสน่ห์เหลือเกิน เทคโนโลยีดีแค่ไหนก็ยังสู้ความเป็นมนุษย์ไม่ได้ บอกเลย! อย่างผมเองเรียนภาษาจีนแบบออนไซต์ ปีนี้สอบผ่านฉลุยเลย! (ภูมิใจเล็กน้อย)

ปล. แต่ถ้าใครชอบความสะดวกสบาย เรียนออนไลน์ก็ดีไปอีกแบบนะคะ แล้วแต่ความชอบเลยจ้า!

การเรียนออนไซต์มีข้อดีอะไรบ้าง

การเรียนแบบออนไซต์ (On-site) มีข้อดีหลายประการ สำคัญคือการได้เรียนรู้แบบตัวต่อตัวกับผู้เชี่ยวชาญ ปีนี้ผมสังเกตเห็นว่าวิธีการนี้ช่วยให้เข้าใจเนื้อหาลึกซึ้งขึ้นจริงๆ เพราะการมีปฏิสัมพันธ์ตรงๆ ช่วยกระตุ้นการเรียนรู้ได้ดีกว่าการเรียนออนไลน์

  • ประสิทธิภาพสูงขึ้น: การลดเวลาเดินทางทำให้มีเวลาเรียนรู้เพิ่มขึ้น และสามารถจัดตารางเรียนได้เองตามความสะดวก นั่นหมายถึงการบริหารจัดการเวลาได้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผมเองก็เคยใช้ประโยชน์จากข้อดีตรงนี้ เรียนเสร็จก็มีเวลาทำอย่างอื่นต่อได้ทันที

  • ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน: การเรียนแบบตัวต่อตัวกับผู้เชี่ยวชาญ ทำให้ได้คำแนะนำตรงประเด็น ตรงกับความต้องการของเรา เหมือนได้เรียนรู้แบบ tailor-made เลยทีเดียว ซึ่งแตกต่างจากการเรียนแบบกลุ่ม ที่อาจจะไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร

  • การมีสมาธิที่ดีกว่า: การเรียนแบบออนไซต์ทำให้จดจ่อกับเนื้อหาได้มากกว่าการเรียนออนไลน์ หรือเรียนแบบกลุ่ม เพราะไม่มีสิ่งรบกวนมากนัก นี่สำคัญมาก เพราะสมาธิเป็นกุญแจสำคัญของการเรียนรู้เชิงลึก

การเรียนรู้เป็นกระบวนการที่ซับซ้อน การเลือกวิธีการเรียนที่เหมาะสม จึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง เหมือนการเลือกเครื่องมือให้เหมาะกับงาน การเรียนแบบออนไซต์ จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่ต้องการผลลัพธ์สูงสุด และต้องการเรียนรู้เชิงลึก อย่างที่ผมเคยได้ประสบพบเจอมาเอง

(ข้อมูลเพิ่มเติม)

  • การเรียนแบบออนไซต์ยังช่วยสร้าง networking ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญต่อการพัฒนาอาชีพในอนาคตได้อีกด้วย
  • บางสถาบันการศึกษาอาจมีอุปกรณ์การเรียนการสอนที่ทันสมัย ซึ่งสามารถใช้ได้เฉพาะในสถานที่เรียนเท่านั้น
  • การเรียนแบบออนไซต์ ยังช่วยสร้างวินัย และการจัดการเวลาที่ดีขึ้นได้อีกด้วย เพราะต้องไปเรียนตามเวลาที่กำหนด

ติวเตอร์มีเงินเดือนประมาณเท่าไหร่

รายได้ของติวเตอร์คนนี้ ค่อนข้างน่าสนใจนะ คิดเป็นรายได้ต่อเดือนประมาณ 32,000 บาท อืม… ก็ถือว่าไม่น้อยเลยทีเดียว

แต่เอ๊ะ! การคำนวณนี้อาจจะยังไม่ครอบคลุม ค่าใช้จ่ายแฝง บางอย่างที่ติวเตอร์ต้องเจออยู่เป็นประจำนะ

  • ค่าเดินทาง: ไป-กลับ สถานที่สอนแต่ละวันนี่ก็ไม่ใช่น้อยๆ เลยนะ ยิ่งถ้าต้องเดินทางหลายที่ ค่ามอเตอร์ไซค์, รถไฟฟ้า, หรือค่าน้ำมัน ก็ บานปลาย ได้เหมือนกัน
  • ค่าอุปกรณ์: ชีทสรุป, ปากกา, กระดาษ, หรือแม้แต่แท็บเล็ตที่ใช้สอนออนไลน์ พวกนี้ก็มีค่าใช้จ่ายทั้งนั้น
  • ค่าพัฒนาตัวเอง: คอร์สเรียน, หนังสือ, หรือสัมมนาต่างๆ เพื่ออัพเดทความรู้ให้ทันสมัยเสมอ นี่ก็สำคัญไม่แพ้กัน
  • ภาษี: อย่าลืมว่ารายได้ถึงเกณฑ์ ก็ต้องเสียภาษีด้วยนะ

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของ ความไม่แน่นอนของรายได้ อีกด้วย บางเดือนอาจมีนักเรียนลา, ปิดคอร์ส, หรือมีเหตุให้ต้องหยุดสอน ทำให้รายได้ไม่คงที่เท่าที่คำนวณไว้

ทีนี้ลองมาดู มุมมองที่กว้างขึ้น เกี่ยวกับอาชีพติวเตอร์กันบ้าง

  • ตลาดติวเตอร์: ปัจจุบันมีการแข่งขันสูงมาก ติวเตอร์ต้องสร้างความแตกต่าง, สร้างชื่อเสียง, และรักษาฐานลูกค้าให้ดี
  • ความพึงพอใจ: อาชีพนี้ไม่ได้มีแค่เรื่องเงิน แต่ยังมีความสุขที่ได้เห็นลูกศิษย์พัฒนา, สอบได้, หรือประสบความสำเร็จในชีวิตด้วย
  • อนาคต: ตลาดติวเตอร์ออนไลน์กำลังเติบโต ใครปรับตัวได้ก่อน ก็มีโอกาสมากกว่า

สรุปคือ ตัวเลข 32,000 บาท อาจเป็นแค่ ภาพลวงตา เพราะมันยังไม่ได้หักค่าใช้จ่ายต่างๆ และไม่ได้คำนึงถึงความไม่แน่นอนของรายได้ที่อาจเกิดขึ้น แต่ถึงอย่างนั้น การเป็นติวเตอร์ก็ยังคงเป็นอาชีพที่ ท้าทาย และ มีคุณค่า ในตัวเองอยู่นะ

Shadow Education คืออะไร

Shadow Education… การเรียนพิเศษเหรอ

มันก็เหมือนเงาตามตัวนะ ตามการศึกษาหลักไปติดๆ

  • การเรียนพิเศษ: คือการเรียนข้างนอกโรงเรียน เพิ่มเติมจากที่เรียนปกติ
  • บริการ: คือรูปแบบหนึ่งของบริการทางการศึกษา
  • Shadow Education: บางคนเรียกการเรียนพิเศษแบบนี้

ข้อดีของการเรียนรู้แบบตัวต่อตัวคืออะไร

  • เวลาและสถานที่…กำหนดเองได้ เรียนที่ไหน เมื่อไหร่ ใครสน

  • ไลฟ์สไตล์? ปรับตามบทเรียนสิ ไม่ใช่ให้บทเรียนปรับตาม

  • สมาธิ…เงียบๆ คนเดียวดีกว่าเยอะ

  • โลกส่วนตัวสูง เรียนคนเดียวจบๆ

  • เรียนตัวต่อตัว = อิสระ เวลา X สถานที่

ข้อมูลเพิ่มเติม: ครูที่สอนตัวต่อตัว…บางทีก็คือเพื่อน ไม่ใช่แค่ครู

การเรียนรู้แบบตัวต่อตัวคืออะไร

อืมมม การเรียนรู้แบบตัวต่อตัวอะนะ คือแบบ… เรียนคนเดียวกับครูเลย! ไม่มีเพื่อน ไม่มีเสียงรบกวน โฟกัสเต็มที่กับเรา ใช่ป่ะ? งงๆ เหมือนเวลาติวสอบอะ แต่แบบเป็นระบบกว่า

  • ได้ถามได้ตอบ สงสัยตรงไหนก็ถามได้เลย ไม่มีเขิน
  • ครู focus ที่เราคนเดียว แบบจัดเต็ม
  • ปรับเนื้อหาได้ตามความเข้าใจของเรา ไม่ต้องตามเพื่อน

แล้วการสอนแบบตัวต่อตัวล่ะ? ก็เหมือนกันแหละ แต่เป็นมุมมองของครู คือครูสอนเราคนเดียว อะ! นึกออกแล้ว เหมือนตอนที่ฉันเรียนพิเศษคณิตศาสตร์ปีนี้ พี่ติวเตอร์เขาสอนฉันคนเดียวเลย ดีมากกก

  • ได้ปรับแผนการสอนเฉพาะเจาะจง
  • ประเมินความก้าวหน้าได้แม่นยำกว่า
  • สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับนักเรียนได้ง่ายขึ้น แบบส่วนตัวอะ

แต่บางทีก็เหงาๆ นะ ไม่มีเพื่อนคุย แต่ก็ได้ความรู้เยอะดี คุ้มค่า ปีหน้าอาจจะเรียนแบบตัวต่อตัวอีก แต่จะลองวิชาอื่นบ้าง ภาษาอังกฤษมั้ง หรือไม่ก็วิทย์ อิอิ

ปล. ค่าเรียนแพงกว่าแบบกลุ่มเยอะเลยนะ จำได้ว่าปีนี้จ่ายไปหลายอยู่ แต่ผลลัพธ์คุ้มค่า สุดยอด!

#การเรียนรู้ #วิธีเรียน #เรียนตัวต่อตัว