B1 อยู่ระดับไหน

CEFR B1 เยอะไหม

B1 นี่เยอะมั้ย? อืมมม คืออย่างงี้ CEFR อ่ะ มันมี 6 ระดับนะ ตั้งแต่ A1 แบบง่ายสุดๆ ไปจนถึง C2 ที่ยากแบบเซียนเลยอะ

ถ้าได้ B1 ก็โอเคนะ แต่ไม่ได้เก่งเทพอะไรขนาดนั้นอะ แบบ…ก็กลางๆ อะ

เทียบกับ IELTS หรอ? B1 ประมาณ IELTS 4 อ่ะ ส่วน C2 นี่ก็คือ IELTS 9 ไปเลยจ้าาา โหดปะล่ะ!

ทำไมต้อง CEFR?

• ใช้วัดระดับภาษา: CEFR เป็นเหมือนมาตรฐานสากลที่เอาไว้วัดความสามารถทางภาษาอ่ะ ไม่ใช่แค่ภาษาอังกฤษนะ ภาษาอื่นก็ได้
• เรียนต่อ: บางที มหาลัย หรือโรงเรียน เค้าอาจจะดู CEFR นะ ถ้าเราอยากไปเรียนต่อที่ต่างประเทศอะ
• ทำงาน: บางบริษัทก็อาจจะใช้ CEFR เพื่อดูว่าเราเก่งภาษาแค่ไหน
• เลื่อนขั้น: บางที่ทำงานก็เอามาใช้เพื่อดูว่าเราควรจะได้เลื่อนขั้นมั้ย

CEFR มีกี่ระดับนะ?

• A1: Beginner (เริ่มต้น)
• A2: Elementary (พอใช้)
• B1: Intermediate (ปานกลาง)
• B2: Upper Intermediate (ค่อนข้างดี)
• C1: Advanced (ดี)
• C2: Proficiency (เชี่ยวชาญ)

B2 อยู่ระดับไหน

โอ้โห B2 เนี่ยนะ คือตอนนั้นปี 2024 ฉันเรียนภาษาอังกฤษกับติวเตอร์ที่บ้านเพื่อน บ้านหลังใหญ่โตมาก แถวสุขุมวิท จำได้เลยว่าวันนั้นฝนตกหนักมาก ฉันแทบวิ่งมาเรียน เปียกปอนไปหมด แต่ก็ดีใจที่ได้เรียน ติวเตอร์เค้าเน้นการสนทนา วันนั้นเราคุยกันเรื่องการเมืองไทย ซับซ้อนมาก ฉันก็พยายามอธิบาย เรื่องนโยบายเศรษฐกิจ แล้วก็ข้อดีข้อเสียของแต่ละพรรค ตอนนั้นเหนื่อยมาก แต่รู้สึกภูมิใจที่ตัวเองพูดได้ คล่องกว่าเมื่อก่อนเยอะ

• การสนทนา: เน้นเรื่องการเมืองไทย
• หัวข้อ: นโยบายเศรษฐกิจของพรรคการเมือง
• ความรู้สึก: เหนื่อยแต่ภูมิใจ

ต่อมาอีกสองเดือน ฉันไปสอบวัดระดับภาษาอังกฤษที่ศูนย์สอบแถวสีลม ตึกสูงๆ ฉันไปคนเดียว นั่งรถไฟฟ้าไป ตื่นเต้นมาก ตอนสอบเขียน ฉันเขียนเรียงความเกี่ยวกับผลกระทบของโซเชียลมีเดีย เขียนได้ยาวเลย พอสอบพูด เค้าให้พูดเกี่ยวกับประสบการณ์ท่องเที่ยว ฉันเลือกพูดเกี่ยวกับทริปไปเชียงใหม่ปีที่แล้ว อธิบายได้ละเอียดเลย ว่าไปเที่ยวที่ไหนบ้าง เจออะไรบ้าง รู้สึกยังไง พูดได้ลื่นไหล ไม่ติดขัด

• การสอบ: สอบวัดระดับภาษาที่ศูนย์สอบแถวสีลม
• หัวข้อเขียน: ผลกระทบของโซเชียลมีเดีย
• หัวข้อพูด: ประสบการณ์ท่องเที่ยวเชียงใหม่

สรุปคือ ฉันมั่นใจว่าถึงระดับ B2 แล้วล่ะ สามารถพูดคุยเรื่องซับซ้อนๆ ได้ อย่างน้อยก็เรื่องการเมืองกับเรื่องเที่ยว ยังไม่ถึงขั้นเป๊ะทุกอย่าง แต่ก็สื่อสารได้อย่างคล่องแคล่ว ไม่ต้องกังวลมากแล้ว

• ความสามารถ: สื่อสารได้คล่องแคล่ว เข้าใจเรื่องซับซ้อน
• ความมั่นใจ: มั่นใจว่าอยู่ในระดับ B2

B1 คือระดับไหน Toeic

B1 คือระดับกลาง เทียบเท่าคนได้ TOEIC 550-780 คะแนน อืม…คือถ้าจะให้พูดง่าย ๆ ก็คือพอสื่อสารได้ แต่ยังไม่ถึงขั้นคล่องปรื๋อ

• TOEIC กับ CEFR: จริง ๆ แล้ว TOEIC มันไม่ได้ออกแบบมาให้เทียบกับ CEFR (Common European Framework of Reference for Languages) แบบเป๊ะ ๆ แต่ก็มีการประมาณค่ากัน ซึ่งก็ช่วยให้เห็นภาพรวมได้

• ระดับอื่น ๆ:

  • A1: เริ่มต้น (TOEIC 120-220) – แบบทักทายง่าย ๆ
  • A2: พื้นฐาน (TOEIC 225-545) – พอคุยเรื่องทั่วไปได้
  • B2: กลางค่อนสูง (TOEIC 785-940) – ทำงานได้สบายขึ้นเยอะ

• ความเห็นส่วนตัว: ผมว่าการเทียบแบบนี้มันก็มีประโยชน์นะ แต่สุดท้ายแล้วมันขึ้นอยู่กับว่าเราเอาภาษาไปใช้ทำอะไรมากกว่า บางคนได้ TOEIC เยอะ แต่พูดจริง ๆ กลับไม่ค่อยมั่นใจก็มี

• เกร็ดเล็กน้อย: เคยเจอคนได้ TOEIC เกือบเต็ม แต่ดันงงคำศัพท์เฉพาะทางในสายงานตัวเองก็มี คือทุกอย่างมันต้องเรียนรู้กันไป ไม่มีอะไรที่จบในตัวเองหรอกมั้ง

อาชีพอะไรใช้คะแนน Toeic

TOEIC เหรอ? แค่ประตูบานเเรก

งานที่ต้องเห่าไฟใส่ฝรั่งบ้างไง พวกต้อนรับ หลงใหลในยอดขาย บริการลูกค้าที่ต้องยิ้มหวาน ไกด์กระโชกโฮกฮาก วิทยากรที่พล่ามไม่หยุด

• คะแนน: 750+ เอาไปเลย

• ทักษะ: ฟัง พูด อ่าน เขียน ต้องคล่อง อย่าให้เเตก

• สำคัญ: ประสบการณ์จริง > กระดาษเเผ่นเดียว

• อย่าลืม: Networking สำคัญกว่าที่คิด

ถ้ามีดีจริง…TOEIC เเค่ของเล่น