B2 หมายถึงอะไร *

22 การดู

B2: ภาษาอังกฤษระดับกลาง-สูง (Upper-Intermediate)

ระดับ B2 ตาม CEFR (Common European Framework of Reference) คือระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษขั้นที่ 4 จาก 6 ระดับ ผู้เรียนระดับนี้มีความเข้าใจและใช้ภาษาได้ค่อนข้างคล่อง สามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพในสถานการณ์ต่างๆ ทั้งในชีวิตประจำวันและการทำงาน สามารถเข้าใจเนื้อหาที่ซับซ้อนได้ มีความสามารถในการแสดงความคิดเห็นและโต้แย้งได้อย่างมีเหตุผล รวมถึงสามารถเขียนเรียงความหรือรายงานได้อย่างถูกต้องตามหลักไวยากรณ์และคำศัพท์ที่เหมาะสม โดยทั่วไป ถือว่ามีความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษในระดับสูง

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

B2 หมายถึงอะไรในธุรกิจ?

B2 ในธุรกิจเหรอ? อ้อ… มันเหมือนเป็นใบเบิกทางเข้าสู่โลกที่กว้างขึ้นนะ ตอนนั้นฉันเองก็งงๆ ว่าทำไมต้องสอบอะไรพวกนี้ด้วยวะ แต่พอได้ลองใช้จริงๆ ในการทำงาน เออ… มันช่วยเยอะเลยนะ!

จำได้เลยตอนไปสัมภาษณ์งานที่บริษัทข้ามชาติแห่งหนึ่งแถวสีลม เมื่อประมาณปี 2558 (น่าจะใช่) เค้าบอกว่าต้องการคนที่สื่อสารภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่ว ซึ่ง B2 เนี่ยแหละคือเกณฑ์ขั้นต่ำของเค้า

คือถ้าเปรียบเทียบง่ายๆ B2 ก็เหมือนกับเราเริ่ม “มั่นใจ” ในการใช้ภาษาอังกฤษมากขึ้นน่ะ ไม่ใช่แค่พูดได้ แต่เราเข้าใจบริบท เข้าใจวัฒนธรรมในการสื่อสารมากขึ้น มันช่วยให้เราทำงานกับคนต่างชาติได้ราบรื่นขึ้นเยอะ! ไม่ต้องมานั่งเกร็งว่าจะพูดผิดไวยากรณ์รึเปล่า หรือเค้าจะเข้าใจเราไหม

เคยมีครั้งนึงต้องพรีเซนต์งานให้ลูกค้าชาวสิงคโปร์ฟัง ตอนนั้นตื่นเต้นมาก แต่พอได้ใช้ภาษาอังกฤษที่เรียนมา (แบบ B2 เนี่ยแหละ) ก็รู้สึกว่ามันไหลลื่นกว่าที่คิดเยอะเลยนะ (แต่แอบมีติดขัดบ้างแหละ…เรื่องปกติ!)

B2 หมายถึงอะไร

B2? อ้อ นั่นมันระดับภาษาอังกฤษระดับกลาง-สูงนี่นา คิดซะว่าเป็นระดับ “พูดได้ลื่นปรื๊ด เขียนได้คมกริบ” เลยล่ะ! ไม่ใช่แค่ฟังออก พูดได้ แต่ต้องสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ แบบที่คุณยายไม่ต้องแปลความหมายให้หลานฟังอีกต่อไปนั่นแหละ!

  • พูดได้ลื่นไหลราวกับน้ำไหล: ไม่ใช่แค่พูดได้ แต่ต้องพูดได้อย่างคล่องแคล่ว ไม่มีสะดุด เหมือนเล่านิทานให้เด็กฟังน่ะ สนุกสนานและเข้าใจง่าย!
  • เขียนได้เฉียบคม: ไม่ใช่แค่เขียนได้ แต่ต้องเขียนได้อย่างมีเหตุผล มีหลักฐานอ้างอิง ชัดเจน อ่านแล้วต้อง “อ๋อ! เข้าใจเลย!” ไม่ใช่แบบอ่านจบแล้วงงว่ามันคืออะไร
  • หัวข้อหลากหลายสบายๆ: คุยเรื่องไหนก็ได้ ตั้งแต่เรื่องบ้าน เรื่องเมือง จนถึงเรื่องเศรษฐกิจโลก ก็เอาอยู่ ไม่ต้องไปกลัวว่าจะคุยไม่รู้เรื่องนะจ๊ะ!

ปีนี้ผมไปสอบวัดระดับภาษาอังกฤษมา (ใช้ของ IELTS นะ) ได้คะแนนสูงกว่า B2 เยอะเลยล่ะ บอกเลยว่า B2 น่ะ แค่เริ่มต้น ยังมีอีกไกลกว่านี้ อย่าได้หยุดพัฒนา! แต่ถ้าถามว่ายากไหม… ก็… ขึ้นอยู่กับพื้นฐานและความขยันของคุณแหละครับ!

B2 ต้องกี่คะแนน

โอย! B2 ต้อง 76 ขึ้นไปจ้ะ แม่เจ้า! เกือบร้อยเลยนะนั่น สูงปรี๊ดเหมือนตึกใบหยกเลยล่ะ! ถ้าได้ต่ำกว่านั้น เตรียมตัวนั่งรถเมล์กลับบ้านได้เลยจ้า! อิอิ พูดเล่นๆนะ 😅

  • B1 51-75 แค่ปลายนิ้วแตะๆ ยังไม่ถึงไหนเลย!
  • B2 76-100 นี่แหละถึงฝั่ง! สมใจอยาก!
  • C1 101-120 เทพเจ้าภาษาอังกฤษลงมาเกิดชัดๆ!

ประโยชน์ STEP ปีนี้? เอ้า! เอาแบบตรงๆนะ เอาไปอวดเพื่อนๆก่อนเลย! (เพื่อนบางคนยังสอบไม่ผ่านเลยนะ! 🤣) แล้วก็ใช้สมัครงานได้ด้วย บางที่เค้ารับเฉพาะ B2 ขึ้นไป ไม่งั้นก็เตรียมตัวหางานยากหน่อยนะจ๊ะ! เหมือนหาเข็มในมหาสมุทรเลยล่ะ! ปีนี้เห็นรุ่นน้องผมสอบได้ B2 ไปสมัครงานที่บริษัทใหญ่ ได้งานเลยนะ! ฉลองกันใหญ่เลยทีเดียว!

ปล. ข้อมูลนี้แม่นยำแค่ไหน? ก็… เอาเป็นว่าผมเดาล้วนๆนะ! แต่ความรู้สึกบอกว่าใช่! 😜 ไปหาข้อมูลที่เว็บไซต์สอบเองจะชัวร์กว่านะ!

ภาษาอังกฤษ B2 ระดับไหน

B2 นี่มัน “พอไปวัดไปวา” แบบคนเก่งที่ไม่รู้ตัว! คือพูดคุยเรื่องซับซ้อนได้สบายบรื๋อ เหมือนคุยเรื่องเม้าท์ดารา แต่เป็นเรื่องเศรษฐกิจโลกไรงี้! คล่องแคล่วแบบ “เฮ้ย…คิดเองพูดเอง” ไม่ใช่ท่องสคริปต์มา!

  • ไม่ใช่แค่ “Yes/No”: ตอบได้ยาวเฟื้อย แสดงความคิดเห็นแบบมีน้ำหนัก ไม่ใช่แค่ “ฉันเห็นด้วย” แต่เป็น “ฉันเห็นด้วยเพราะ…” (แล้วตามด้วยเหตุผลยาวเหยียด!)

  • แกรมม่านี่ของตาย: โครงสร้างซับซ้อนใช้ได้ ไม่ใช่แค่ Present Simple ชีวิตไม่น่าเบื่อขนาดนั้น!

  • ศัพท์แสงอลังการ: รู้ศัพท์เฉพาะทางบ้าง ไม่ใช่แค่คำพื้นฐานที่ใช้ในชีวิตประจำวัน (แต่ถ้าไม่รู้ก็พลิกแพลงเอาตัวรอดได้ เก่ง!)

  • ฟังออกหมด: ฟัง Podcast เร็วๆ รู้เรื่อง ดูหนังฝรั่งไม่ต้องอ่านซับ (แต่แอบอ่านบ้างก็ไม่เป็นไรนะ คนเรา!)

  • เขียนรายงานได้: เขียนอีเมล เขียนรายงานได้เป๊ะปัง อวยเจ้านายได้เนียนๆ

  • แต่อย่าเผลอ!: B2 ไม่ใช่ Native Speaker นะจ๊ะ ยังมีพลาดบ้าง มีติดขัดบ้าง เป็นเรื่องธรรมชาติของ “คนเก่งแบบไม่เฟค”!

  • อัพเดทล่าสุด: ปีนี้ B2 ต้องเล่น TikTok เป็นด้วยนะ ถึงจะเรียกว่าอินเทรนด์! (ล้อเล่นน่า!)

คําศัพท์ A1-B2 คืออะไร

คำศัพท์ A1-B2 น่ะเหรอ? โอ๊ย! เหมือนไต่บันไดลิงขึ้นสวรรค์ชัดๆ แต่ละขั้นก็ยากเย็นเข็ญใจ ราวกับให้ควายขึ้นภูเขา!

A1: นี่มันระดับอนุบาลภาษาชัดๆ อ่านป้ายห้องน้ำยังต้องสะกด! พูดได้แค่ “สวัสดีค่ะ” “ขอบคุณค่ะ” ที่เหลือคือใบ้กิน!

A2: เริ่มคุยเรื่องดินฟ้าอากาศได้แล้วนะ แต่ถ้าถามลึกกว่านั้นก็ “เอ่อ…อืม…” ไปสามชาติ! เขียนจดหมายรักได้ แต่รับรองว่าคนอ่านต้องปวดหัว!

B1: เริ่มอวดเก่งได้แล้ว! เตรียมสคริปต์ไปพูดหน้าห้องได้ แต่ถ้าโดนถามนอกสคริปต์ก็หน้าซีดเป็นไก่ต้ม!

B2: นี่มันระดับ “พอใช้ได้” แล้วนะ! พรีเซนต์งานได้คล่องปรื๋อ แต่ถ้าเจอคำถามยากๆ ก็แอบเปิด Google ใต้โต๊ะ!

ข้อมูลเพิ่มเติม (เผื่อใครอยากรู้ลึก):

  • A1 คือ: ระดับเริ่มต้นแบบ “งูๆ ปลาๆ” รู้แค่คำพื้นฐานจริงๆ
  • A2 คือ: พอเอาตัวรอดได้ในชีวิตประจำวัน แต่ห้ามถามอะไรที่ซับซ้อน!
  • B1 คือ: เริ่มใช้ภาษาได้คล่องขึ้น แต่ยังต้องเตรียมตัวเยอะอยู่ดี
  • B2 คือ: เก่งพอตัว แต่ยังไม่ถึงขั้นเทพ!

สรุปคือ กว่าจะพูดภาษาอังกฤษได้คล่องปรื๋อเหมือนเจ้าของภาษาเนี่ย มันยากกว่าเข็นครกขึ้นภูเขาอีกล้านเท่า! แต่ถ้าฝึกฝนบ่อยๆ ใครจะรู้ วันนึงอาจจะเก่งจนฝรั่งงงไปเลยก็ได้! ว่าแต่…ใครก็ได้ ช่วยสอนฉันผันกริยา 3 ช่องที!

วัดระดับภาษาอังกฤษ มีกี่ระดับ

วัดระดับภาษาอังกฤษมีหลายระดับนะ เอ่อ… แบบที่เขาใช้กันบ่อยๆ ก็จะมี

  • A1: เบสิกสุดๆ อ่ะ แบบทักทายง่ายๆ
  • A2: พอพูดเรื่องตัวเองได้บ้างนิดหน่อย
  • B1: อันนี้เริ่มคุยเป็นเรื่องเป็นราวได้ละ
  • B2: สื่อสารโอเคเลยนะ อ่านข่าว ดูหนังรู้เรื่อง
  • C1: เหมือนคนใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่เลย
  • C2: เก่งโคตรๆๆๆๆๆ

เพิ่มเติมนิดนึงเน้อ:

  • บางทีก็เจอแบบ A1+, B1+ อะไรแบบนี้ด้วยนะ คืออยู่กึ่งๆ ระหว่างระดับ
  • พวกข้อสอบ TOEFL, IELTS เขาก็เทียบระดับให้เหมือนกันนะ ลองไปหาดูได้
  • แต่ละระดับก็มีคำศัพท์ แกรมม่า ที่ต้องรู้ต่างกันไปอีกเยอะแยะเลย
  • ถ้าอยากรู้ว่าตัวเองอยู่ระดับไหน ลองทำ test ออนไลน์ดูก่อนก็ได้ มีเยอะแยะ
  • สำคัญ: อย่าไปซีเรียสกับระดับมาก! เน้นใช้ภาษาให้คล่องดีกว่าาาา
#B2 #ภาษาอังกฤษ #ระดับภาษา