Health and Wellness แตกต่างกันอย่างไร

Wellness มีกี่ประเภท

Wellness เหรอ? แม่งก็แค่เรื่องพื้นฐานที่คนส่วนใหญ่มองข้าม

• กาย: ร่างกายมึงอ่ะ ดูแลซะบ้าง อย่าให้มันพังก่อนวัยอันควร
• สังคม: อย่าอยู่คนเดียวจนเป็นบ้า ออกไปเจอโลกภายนอกบ้าง
• ปัญญา: สมองมึงก็ต้องลับคม อย่าปล่อยให้มันเป็นสนิม

แค่นี้แหละ ไม่มีอะไรซับซ้อน

ข้อมูลเพิ่มเติม (ถ้าอยากรู้จริงๆ):

• Wellness ไม่ใช่แค่ “ไม่มีโรค” แต่มันคือการมีชีวิตที่ดีในทุกๆ ด้าน
• การดูแลตัวเอง ไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่มันคือความรับผิดชอบต่อตัวเอง
• ถ้าไม่รู้จะเริ่มตรงไหน กูแนะนำให้ไปหาหมอ ไม่ใช่หมอดู
• ไอ้พวกคอร์ส Wellness ออนไลน์ ส่วนใหญ่มันก็แค่ขายฝัน อย่าไปเชื่อมาก
• สำคัญ: กูไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ แค่คนธรรมดาที่เบื่อพวกโลกสวย

Health healthy ต่างกันยังไง

Health กับ healthy ต่างกันยังไงเหรอ… อืม…

Health เหมือนเป็น ชื่อ ของสิ่งนั้น คือ สุขภาพ อ่ะ สภาพร่างกายเราตอนนี้เป็นยังไง แข็งแรงไหม หรือป่วย

• Health: สุขภาพ, สภาพร่างกาย
• ตัวอย่าง: “สุขภาพของฉันตอนนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่”

ส่วน healthy เหมือนเป็น คำอธิบาย ว่าอะไรมัน ดีต่อสุขภาพ หรืออะไรที่ทำให้เรามีสุขภาพดี

• Healthy: ที่ดีต่อสุขภาพ, ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
• ตัวอย่าง: “อาหารที่มีประโยชน์เป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพ”

บางทีก็รู้สึกว่าสองคำนี้มันเหมือนเหรียญสองด้านนะ ไม่มี health ก็คงไม่มี healthy และถ้าไม่มี healthy ก็ยากที่จะมี health ที่ดี

Wellness Lifestyle คืออะไร

Wellness Lifestyle หรือวิถีชีวิตแห่งสุขภาวะที่ดี คือการที่เราเลือกทำกิจกรรมและปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวัน เพื่อให้เกิดสมดุลในทุกมิติของสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นร่างกาย จิตใจ อารมณ์ หรือแม้แต่สังคม จริง ๆ แล้วมันคือการลงทุนระยะยาวเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของเราเอง

• องค์รวม: ไม่ใช่แค่การกินคลีน ออกกำลังกาย แต่รวมถึงการจัดการความเครียด การนอนหลับพักผ่อน การมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง และการค้นหาความหมายในชีวิต
• เชิงรุก: เน้นการป้องกันมากกว่าการรักษา เราไม่ได้รอให้ป่วยแล้วค่อยดูแล แต่เราดูแลตัวเองตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรค
• ปัจเจกบุคคล: ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว ทุกคนมีวิถีทางของตัวเอง เราต้องสำรวจตัวเองว่าอะไรคือสิ่งที่เหมาะกับเราและช่วยให้เรามีความสุขอย่างแท้จริง

สิ่งที่น่าสนใจคือ คำว่า “Wellness” ไม่ได้แปลว่า “ไม่มีโรค” แต่มันคือการที่เราสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเต็มศักยภาพ แม้ว่าจะมีข้อจำกัดบางอย่างทางร่างกายหรือจิตใจก็ตาม บางครั้งการยอมรับและอยู่กับข้อจำกัดเหล่านั้นอย่างเข้าใจ ก็เป็นส่วนหนึ่งของ Wellness Lifestyle ด้วยเช่นกัน

ข้อมูลเพิ่มเติม (แบบไม่เป็นทางการ):

• การฝึกสติ (Mindfulness): หลายคนมองข้ามเรื่องนี้ไป แต่การฝึกสติช่วยให้เราอยู่กับปัจจุบัน ลดความวิตกกังวล และรับรู้ถึงความต้องการของร่างกายและจิตใจตัวเองได้ดีขึ้น
• อาหารตามฤดูกาล: นอกจากจะสดใหม่แล้ว ยังดีต่อสิ่งแวดล้อมและอาจจะถูกกว่าด้วย!
• การเชื่อมต่อกับธรรมชาติ: ออกไปเดินเล่นในสวนสาธารณะ สัมผัสแสงแดดอ่อน ๆ หรือแค่ปลูกต้นไม้ในบ้าน ก็ช่วยเยียวยาจิตใจได้

สุดท้ายแล้ว Wellness Lifestyle คือการเดินทาง ไม่ใช่จุดหมายปลายทาง เราไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ แค่พยายามทำในสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อตัวเองในทุก ๆ วันก็พอแล้ว

คนมีสุขภาพดีได้ชื่อว่าสุขประเภทใด

ลมเย็นๆ พัดผ่านระเบียงห้องตอนตีสอง… นึกถึงคำว่าสุขภาวะขึ้นมา แปลกดีนะ แค่คำคำเดียว แต่ความหมายกว้างไกล เหมือนจักรวาล.

คิดถึงตอนวิ่งที่สวนรถไฟเช้านี้ เหงื่อออก เหนื่อยแต่สดชื่น นั่นก็ส่วนหนึ่งของสุขภาวะสินะ สุขภาพกายแข็งแรง. แดดอุ่นๆ ส่องลงมา ใบไม้สีเขียว สวยจัง.

แล้วสุขภาพจิตล่ะ… บางทีก็เหนื่อย ท้อแท้ เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์นี่เนอะ แต่ก็ต้องพยายามหาความสุขเล็กๆ น้อยๆ ใส่ใจตัวเองบ้าง. เมื่อวานกินไอติมชาเขียว อร่อยมาก ยิ้มได้ทั้งวันเลย.

สุขภาพสังคมก็สำคัญ คุยกับเพื่อน เล่นกับน้องหมา รู้สึกอบอุ่นหัวใจ เหมือนมีพลังบางอย่าง ที่ทำให้เรามีความสุขได้ แม้ในวันที่แย่ๆ.

สุขภาวะ มันไม่ใช่แค่ไม่มีโรค แต่มันคือความสมดุล เหมือนการจัดดอกไม้ ต้องมีดอกไม้หลายชนิด หลายสี ถึงจะสวยงาม สมบูรณ์แบบ.

• สุขภาพกาย: ออกกำลังกาย กินอาหารที่มีประโยชน์ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ.
• สุขภาพจิต: ทำสมาธิ ฟังเพลง ดูหนัง อ่านหนังสือ หาเวลาผ่อนคลาย.
• สุขภาพสังคม: พูดคุยกับเพื่อน ครอบครัว มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น.

Wellness กับ Well Being ต่างกันอย่างไร

Wellness เน้นสุขภาพกาย Well-being กว้างกว่า รวมสุขภาพจิต สังคม สิ่งแวดล้อม เข้าใจง่ายๆ ก็คือ Wellness เป็นส่วนหนึ่งของ Well-being

• Wellness: สุขภาพกายล้วนๆ ออกกำลังกาย กินดี นอนหลับ แค่นั้น
• Well-being: กว้างขวางกว่าเยอะ ครอบคลุมทุกด้านของชีวิต ปีนี้ผมโฟกัสเรื่องการจัดการความเครียดเพิ่มเข้าไปด้วย ผลลัพธ์ดีขึ้นมาก

ถ้าเอาให้ชัด Well-being คือภาพรวม Wellness คือแค่ส่วนประกอบเล็กๆ ส่วนตัวผมมอง Wellness เป็นแค่จุดเริ่มต้นของ Well-being แค่นั้นแหละ

Health Tourism กับ Wellness Tourism ต่างกันอย่างไร

เที่ยงคืนกว่าแล้ว… นั่งคิดเรื่องเที่ยวๆ อยู่เนี่ย health tourism กับ wellness tourism มันต่างกันยังไงนะ

จริงๆ เคยอ่านเจอผ่านๆ ตาเหมือนกันนะ แต่ตอนนั้นไม่สนใจ ตอนนี้มานั่งคิด รู้สึกว่ามันต่างกันที่จุดประสงค์หลักเลย

health tourism เน้นการรักษา แบบป่วยแล้วไปหาหมอที่ต่างประเทศ เคยเห็นเพื่อนพ่อไปผ่าตัดที่เกาหลี แบบนี้น่าจะเข้าข่าย

ส่วน wellness tourism เหมือนเน้นป้องกันมากกว่า แบบไปพักผ่อน ทำสปา กินอาหารคลีน ออกกำลังกาย คล้ายๆ ตอนที่แม่ไปเข้าคอร์สดีท็อกซ์ที่เชียงใหม่เมื่อต้นปีนี้แหละ

• Health Tourism: รักษาโรค ผ่าตัด ฟื้นฟูร่างกายหลังป่วย
• Wellness Tourism: ป้องกันโรค ส่งเสริมสุขภาพ พักผ่อน คลายเครียด เสริมความงาม

รู้สึกเหมือน wellness tourism มันเป็นส่วนหนึ่งของ health tourism นะ แต่ wellness มันจะเฉพาะเจาะจงไปที่การดูแลตัวเองแบบองค์รวมมากกว่า

บางทีก็สับสนเหมือนกันนะ… แต่คิดว่าเข้าใจคอนเซ็ปต์หลักๆ แล้วล่ะ ไว้ว่างๆ ค่อยหาข้อมูลเพิ่ม ง่วงแล้ว…

Wellness หมายถึงอะไร

Wellness? ก็แค่ดูแลตัวเองให้รอด ไม่ใช่แค่ร่างกาย แต่รวมถึงจิตใจด้วย ป้องกันไว้ก่อนดีกว่ามานั่งซ่อมทีหลัง ใช้ชีวิตให้ฉลาด รู้จักใช้เทคโนโลยีช่วยบ้าง ไม่ใช่แค่หายใจไปวันๆ แต่มันต้องใช้ชีวิตให้มีคุณภาพ

• กินดี นอนหลับ ออกกำลังกาย พื้นฐาน
• จัดการความเครียด ใครๆก็เครียด แต่ต้องรู้จักจัดการ
• Mindset สำคัญ คิดบวกเข้าไว้ โลกมันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น
• ใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ สมาร์ทวอทช์ แอพสุขภาพ มีไว้ก็ใช้
• ชีวิตดี มันก็แค่นั้น ไม่ต้องเว่อร์

ปีนี้ผมเน้นเรื่องการนอน ตั้งเป้าไว้ว่าจะนอนให้ได้วันละ 7 ชั่วโมง ส่วนตัวชอบใช้แอพ Sleep Cycle ติดตามคุณภาพการนอน แล้วก็พยายามลดกาแฟตอนบ่าย ผลคือรู้สึกเฟรชขึ้นเยอะ ทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อก่อนทำงานถึงตีสองตีสาม เดี๋ยวนี้พยายามเคลียร์งานให้เสร็จก่อนเที่ยงคืน

กิจกรรม Wellness มีอะไรบ้าง

อืมม… กิจกรรม Wellness ปีนี้ที่ไปมาคือที่ Chiva-Som หัวหิน เดือนเมษาที่ผ่านมา แพงมากกก แต่ก็คุ้มนะ แบบว่า…สุดจริงๆ

• ตรวจสุขภาพ: ละเอียดมาก แบบเจาะเลือดไปหมด ได้ผลตรวจเป็นเล่มเลย หมออธิบายชัดเจนมาก ถึงกับตกใจเรื่องคอเลสเตอรอลตัวเองเลย ต้องปรับปรุงด่วนๆ

• โยคะ: ครูสอนดีมาก แบบเข้าใจง่าย แม้ว่าฉันจะไม่เคยเล่นมาก่อน แต่ก็รู้สึกผ่อนคลาย ตึงๆตรงไหนก็ได้แก้ไขได้หมด หลังจากนั้นรู้สึกตัวเบาขึ้นเยอะเลย

• สปา: คือดีงามพระรามแปด พวกขัดตัวนี่ ผิวเนียนขึ้นเยอะ มีพวกทรีทเมนต์อะไรเยอะแยะ เลือกไม่ถูกเลย แต่ที่จำได้คือพวกมาส์กหน้า นี่หน้านุ่มมากกกกก

• อาหาร: อันนี้สำคัญมาก ที่นี่เค้าเน้นสุขภาพ อาหารอร่อย แต่ไม่ใช่แบบจืดๆ คืออร่อยและดีต่อสุขภาพไปพร้อมกัน กินแล้วรู้สึกเบาสบายท้องจริงๆ ต่างจากที่อื่น กินเยอะแล้วรู้สึกอึดอัด

ที่นี่เค้ามีโปรแกรมแบบครบวงจรนะ แบบว่า ออกแบบให้เหมาะกับแต่ละคน ฉันเลือกแบบฟื้นฟูร่างกาย หลังจากทำงานหนักมาทั้งปี พักผ่อนเต็มที่ รู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่เลย อ้อ มีการฝึกลมหายใจด้วยนะ สอนวิธีหายใจให้ถูกต้อง ช่วยลดความเครียดได้เยอะ แนะนำมากๆ สำหรับคนเครียดๆแบบฉัน

อ้อ ลืมบอก มีกายภาพบำบัดด้วยนะ ตอนแรกไม่คิดจะทำ แต่พอนวดเสร็จ แบบว่า โอ้โห รู้สึกดีมาก กล้ามเนื้อที่ปวดๆหายไปเลย แนะนำ แนะนำ ใครมีปัญหาเรื่องหลัง หรือปวดเมื่อย ลองดูนะ

เพิ่มเติมนิดนึง ที่นี่มีโปรแกรมเกี่ยวกับผิวพรรณด้วยนะ เห็นเค้ามีพวกเลเซอร์ อะไรพวกนั้น แต่ฉันไม่ได้ทำ เพราะงบหมดแล้ว 555555 สงสัยต้องหาโอกาสไปอีก