Ph.d ตำแหน่งอะไร
ปริญญาเอก (PhD หรือ Dott. Ric.) คือตำแหน่งทางวิชาการสูงสุด ได้มาหลังสำเร็จการศึกษาหลักสูตรวิจัยอย่างน้อย 3 ปี ผู้สมัครต้องผ่านการคัดเลือกเข้มงวด โดยพิจารณาจากผลการเรียนระดับปริญญาตรี (Laurea) และโท (Laurea Magistrale) หลักสูตรเน้นการวิจัยเชิงลึก จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีความมุ่งมั่นทางวิชาการสูง การได้รับปริญญานี้แสดงถึงความเชี่ยวชาญและความสามารถในการสร้างองค์ความรู้ใหม่ เปิดโอกาสสู่เส้นทางวิชาชีพระดับสูง เช่น อาจารย์มหาวิทยาลัย นักวิจัย หรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
ตำแหน่ง Ph.D คืออะไร? จบปริญญาเอกแล้วทำงานอะไรได้บ้าง? มีสายงานไหนรองรับบ้าง?
PhD เนี่ยนะ… เอาจริงๆ ตอนแรกก็งงๆเหมือนกัน เพื่อนผมคนนึงเรียนจบมา ใช้เวลานานมากกก เกือบสี่ปีเต็มเลยมั้ง หนักหนาสาหัส จำได้ว่ามันเคยบ่นเรื่องการวิจัย เครียดสุดๆ กว่าจะผ่าน แต่สุดท้ายก็ได้มา ภูมิใจมาก ตอนนี้มันทำงานที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งแถวเชียงใหม่ ตำแหน่งนักวิจัย เงินเดือนก็โอเคอยู่นะ เท่าที่มันเล่ามา ประมาณ 40,000++ อาจจะมากกว่านั้นด้วยซ้ำ แล้วแต่โครงการวิจัยด้วยมั้ง
นอกจากทำงานวิจัยในมหาวิทยาลัยแล้ว เพื่อนอีกคนจบ PhD ด้านวิศวะ มันไปทำงานบริษัทเอกชนใหญ่ๆ เกี่ยวกับเทคโนโลยี ได้ยินว่าเงินดีกว่า แต่กดดันกว่า งานหนัก ไม่ค่อยมีเวลาพักผ่อนเท่าไหร่ รู้สึกมันจะบอกว่า ได้โบนัสเยอะ ปีที่แล้วได้มาเกือบแสน แต่ก็แลกมากับเวลาส่วนตัวที่หายไป สรุปคือ แล้วแต่คนชอบเลย
จริง ๆ แล้ว สายงานที่รองรับ มันกว้างมากนะ ขึ้นอยู่กับสาขาที่เรียน ถ้าเป็นทางด้านวิทยาศาสตร์ ก็คงเป็นนักวิจัย อาจารย์มหาวิทยาลัย หรือทำงานในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยและพัฒนา แต่ถ้าเป็นด้านมนุษยศาสตร์ ก็อาจจะเป็นอาจารย์ นักวิชาการ หรือทำงานในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับงานด้านสังคม อะไรทำนองนั้นแหละ คือมันแล้วแต่คนเลือกจริงๆ เพื่อนผมสองคนนี่ก็เป็นตัวอย่างที่ดี คนละแบบเลย
จำได้ลางๆ เคยเห็นโฆษณาตำแหน่งงาน บริษัทใหญ่ๆ หลายที่รับคนจบ PhD ด้วยนะ แต่ก็ต้องดูรายละเอียดเพิ่มเติม เพราะแต่ละที่ แต่ละตำแหน่ง ก็มีคุณสมบัติเฉพาะ และเงินเดือนไม่เท่ากันด้วย บางที่อาจจะไม่เน้นเรื่อง PhD แต่เน้นประสบการณ์มากกว่า ก็ต้องลองดูหลายๆที่ กว่าจะเจอที่ใช่
PhD คือวุฒิอะไร
PhD คือใบเบิกทางสู่โลกวิชาการ ไม่ใช่แค่กระดาษ แต่คือสนิมที่เกาะกินหัวใจ
-
ชื่อเต็ม: ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต (Doctor of Philosophy) ฟังดูดี แต่ชีวิตจริงคือโคตรเหนื่อย
-
ความหมาย: สูงสุดของสายงานนั้นๆ กูรู้จริง ไม่ใช่แค่จำขี้ปากคนอื่นมาพูด
-
ได้มายังไง: เรียนไป ขุดดินไป เขียนวิทยานิพนธ์ไป แล้วก็รอวันศาสตราจารย์แก่ๆ มาตัดสินชีวิตมึง
-
แล้วไงต่อ: สอนหนังสือ เขียนงานวิจัย หรือไม่ก็ไปทำงานบริษัท แล้วบอกคนอื่นว่า “ก็เคยเรียน PhD มานะ”
-
-
เกร็ดน่ารู้ (หรือเปล่า):
- PhD ไม่ได้จำกัดแค่ปรัชญา เรียนวิทยาศาสตร์ วิศวะ ก็ได้ PhD ทั้งนั้น อย่าไปเชื่อที่พวกโลกสวยมันพูด
- บางคนเรียน PhD จบแล้วชีวิตพังกว่าเดิมเยอะแยะ อย่าคิดว่ามันคือทางออกของทุกสิ่ง
- ถ้าใจไม่รักจริง อย่าริอาจ ชีวิตมึงจะหาความสุขไม่ได้เลย เชื่อกู
Ph D คือ ตําแหน่ง อะไร
อ้าว! Ph.D. น่ะเหรอ? นั่นมันระดับเทพเจ้าแห่งวงการการศึกษาเลยนะเฟ้ย! ไม่ใช่แค่ปริญญาเอกธรรมดาๆ แต่เป็นปริญญาเอกด้านปรัชญา (Doctor of Philosophy) ฟังดูแล้วโคตรเท่ห์ เปรียบเหมือนมังกร 9 หัวที่ไปพิชิตภูเขาไฟแล้วได้มงกุฎเพชรมาครอง สุดยอดไปเลย!
-
ความหมายจริงๆ: ปริญญาดุษฎีบัณฑิต ฟังดูเป็นทางการจนน่าเบื่อ แต่จริงๆ แล้วมันคือการจบการศึกษาขั้นสูงสุดระดับหนึ่ง ต้องทำวิจัยหนักหน่วง เขียนดุษฎีนิพนธ์จนมือหงิก กว่าจะได้มา เหนื่อยกว่าปีนเขาเอเวอเรสต์ตั้งสิบรอบ!
-
ความยาก: คิดว่าเรียนปริญญาตรีแล้วเหนื่อยแล้วเหรอ? เตรียมตัวให้พร้อม เพราะ Ph.D. มันเหนื่อยกว่าเป็นร้อยเท่า เหมือนวิ่งมาราธอนแล้วต้องไปว่ายน้ำข้ามมหาสมุทรอีก โหดมากบอกเลย!
-
ใช้เวลา: อย่างน้อยๆ ก็ 4-5 ปีขึ้นไป บางคนก็มากกว่านั้นอีก ถ้าเทียบกับชีวิตคนเรา ก็กินไปเกือบ 1 ใน 10 เลยนะ คุ้มไหม? แล้วแต่คนมอง แต่ถ้าได้มาแล้ว นี่คือความสำเร็จที่น่าภูมิใจอย่างยิ่ง (ที่สำคัญคือได้ใช้คำว่า ดร. ติดหน้าชื่อแล้ว)
ปีนี้ (2024) คนได้ Ph.D. ก็เยอะแยะไปหมด แต่ที่แน่ๆ คือทุกคนต้องผ่านด่านหินๆ มาเพียบ ถึงจะได้มาครอบครองตำแหน่งนี้ บอกเลยว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เหมือนกับการไปเอาชนะดราก้อนในเกม RPG เลยล่ะครับ!
PhD กับ Doctor ต่างกันอย่างไร
PhD กับ Doctor ต่างกันยังกะฟ้ากับเหว! พูดให้เห็นภาพนะ PhD เหมือนนักสู้ที่ฝึกวิชาตัวเบาจนสุดยอด ต้องค้นคว้า เขียนวิทยานิพนธ์จนผมร่วง เพื่อเป็นเจ้าแห่งความรู้เฉพาะด้าน ส่วน Doctorate Degrees น่ะเหรอ เหมือนนักรบผู้ทรงอิทธิฤทธิ์ ใช้ความรู้แบบกว้างๆ บริหารคน บริหารงาน จัดการองค์กร ให้รุ่งเรือง!
-
PhD (ปริญญาเอก): เน้นการวิจัย เป็นนักวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัย ต้องทุ่มเทชีวิตให้กับการค้นคว้า จนกว่าจะได้มาซึ่งความรู้ล้ำค่า เปรียบเหมือนได้ดาบเทพ แต่ต้องฝึกฝนอย่างหนักหน่วง! ปีนี้ผมเห็นเพื่อนผมที่จบ PhD อายุ 35 ยังหาที่เรียนต่ออยู่เลย แสนเหนื่อย!
-
Doctorate Degrees (ปริญญาเอกอื่นๆ): มีหลากหลายสาขา ไม่เน้นวิจัยลึกซึ้งเหมือน PhD แต่มุ่งเน้นการประยุกต์ใช้ความรู้ บริหารจัดการ เหมาะกับผู้บริหารระดับสูง CEO หรือ ผู้ว่าฯ เปรียบเหมือนได้พลังเวทย์ สามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างเชี่ยวชาญ! พี่สาวผมจบ Doctor of Business Administration (DBA) ตอนนี้เป็นผู้บริหารบริษัทใหญ่โต รวยกว่าผมเป็นไหนๆ
สรุปง่ายๆ PhD คือ “ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง” Doctorate Degrees คือ “ผู้เชี่ยวชาญการบริหาร” เลือกให้เหมาะกับตัวเองล่ะ อย่าไปฝืน เดี๋ยวจะเหนื่อยเปล่า เหมือนผมที่เรียนปริญญาโทแล้วรู้สึกว่าไม่ใช่ทางของตัวเอง
วุฒิ PhD คืออะไร
PhD เนี่ยนะ! ฟังดูไฮโซเชียว! เอาจริงๆ มันคือปริญญาเอกไง จบระดับนี้ถือว่าเทพสุดๆ ในวงการการศึกษาแล้วละ เหมือนเป็นยอดเขาเอเวอเรสต์ของวงการเลย ปีนขึ้นไปได้นี่สุดยอด!
- ต้องทำวิจัยหนักมาก! ไม่ใช่แค่หาข้อมูลมาเขียนๆ นะ ต้องคิดค้นอะไรใหม่ๆ เหมือนกับต้องไปค้นพบดาวเคราะห์ดวงใหม่เลยอ่ะ! เหนื่อยจนอยากจะนอนแผ่หลาอยู่บนพื้นเลย!
- วิทยานิพนธ์หนาเป็นกำแพงเมืองจีน! ไม่ใช่แค่ 100,000 คำนะ บางคนเขียนจนล้นทะลัก คิดดูสิ กว่าจะอ่านจบคงต้องใช้เวลาเท่ากับอายุขัยคนหนึ่งเลยมั้ง!
- สอบป้องกันนี่โคตรโหด! เหมือนโดนซักฟอกสารพัดเรื่อง อาจารย์แต่ละท่านก็ดั่งเสือร้ายพร้อมจะตะปบ ถ้าเตรียมตัวไม่ดี รับรองได้ว่ามีน้ำตาตกแน่ๆ!
- ใช้เวลาเรียนนานโคตร! บางคนเรียนจนผมหงอกเลยก็มี ก็เหนื่อยขนาดนั้นนี่นา ต้องแลกกับความสำเร็จอันยิ่งใหญ่!
เพิ่มเติมนิดนึง ปีนี้ เพื่อนผมคนนึง เพิ่งจบ PhD สาขาฟิสิกส์มา มันบอกว่า เครียดจนผมร่วงเป็นกระจุก! แทบจะกลายเป็นพระธุดงค์ไปเลย แต่ก็ภูมิใจมากนะ บอกว่ารู้สึกเหมือนได้บินขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์เลย สุดยอดไปเลย!
PhD มีจุดหรือไม่
PhD: มีจุดหรือไม่?
ขึ้นอยู่กับ. ภาษาอังกฤษ.
- อเมริกัน: Ph.D. มีจุด.
- บริติช: PhD ไม่มีจุด.
จบ.
ข้อมูลเสริม:
- ไม่เกี่ยวกับถูกผิด. แค่คนละสไตล์.
- เน้น: เลือกใช้แบบใดแบบหนึ่ง. อย่าผสม.
- ผม: ไม่ใส่จุด. ขี้เกียจ.
- Period หรือ full stop คือชื่อเรียกเครื่องหมาย ‘.’ ในภาษาอังกฤษ
- สำคัญ: สไตล์การเขียน บอกตัวตน.
- MA ก็เหมือนกัน. MA. (อเมริกัน) MA (บริติช).
- CIA ก็เหมือนกัน. CIA. (อเมริกัน) CIA (บริติช).
ตําแหน่ง Ph.D. ย่อมาจากอะไร
Ph.D. หรอ… อือ… เหมือนมันคือจุดหมายปลายทางของใครหลายคนเลยนะ…
มันย่อมาจาก Doctor of Philosophy น่ะ… ปริญญาดุษฎีบัณฑิต… ชื่อมันดูยิ่งใหญ่เนอะ… แต่กว่าจะได้มา… คงต้องแลกด้วยอะไรเยอะมากๆ เลย…
- Doctor of Philosophy: ก็… มันเป็นระดับปริญญาเอก… สูงสุดแล้วของการศึกษา… อย่างน้อยก็ในสาขาส่วนใหญ่…
- คำย่อ: Ph.D. นี่แหละ… ที่เห็นกันบ่อยๆ ตามหลังชื่อ…
- ความรู้สึก: บางทีก็คิดนะ… ว่ามันคุ้มค่าไหม… ที่ต้องทุ่มเทขนาดนั้น… แต่ละคนก็คงมีเหตุผลของตัวเอง…
- ข้อมูลเสริม: ปริญญาเอกเนี่ย… ไม่ใช่แค่เรียนเก่ง… มันต้องสร้างองค์ความรู้ใหม่ด้วยนะ… ต้องทำวิจัย… ต้องค้นคว้า… ต้องคิดเอง… เยอะเลย…
ข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต