ดอกเตอร์ กับ PhD ต่างกันอย่างไร

48 การดู

ดอกเตอร์ (Dr.) กับ PhD แตกต่างกันอย่างไร?

คำว่า "ดอกเตอร์" (Dr.) เป็นคำนำหน้าทางวิชาการทั่วไป ใช้เรียกผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก (Doctorate Degree) ทุกสาขา ส่วน "PhD" (Doctor of Philosophy) คือปริญญาเอกเฉพาะสาขาปรัชญา แต่อาจใช้เรียกปริญญาเอกในสาขาอื่นๆที่คล้ายคลึง เช่น วิทยาศาสตร์ หรือสังคมศาสตร์ แต่ไม่ครอบคลุมทุกสาขา

ความเหมาะสม

  • PhD: เหมาะสำหรับผู้ใฝ่เรียนรู้เชิงลึก มุ่งเน้นงานวิจัย ต้องการเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย หรือนักวิชาการ เน้นการสร้างองค์ความรู้ใหม่

  • Doctorate Degrees (อื่นๆ): ครอบคลุมปริญญาเอกหลากหลายสาขา เช่น สาขาแพทย์, นิติศาสตร์, บริหารธุรกิจ เหมาะสำหรับผู้บริหารระดับสูง เน้นการประยุกต์ความรู้ และแก้ปัญหาเชิงปฏิบัติในองค์กร

สรุป: PhD เป็นส่วนหนึ่งของ Doctorate Degrees แต่ Doctorate Degrees มีความหลากหลายมากกว่า การเลือกเรียนขึ้นอยู่กับเป้าหมายอาชีพและความสนใจส่วนบุคคล

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ดอกเตอร์กับ PhD ต่างกันอย่างไร? ข้อแตกต่างและความหมายของทั้งสองอย่างคืออะไร? (55 ตัวอักษร)

ดอกเตอร์คือคำเรียกทั่วไปสำหรับผู้จบปริญญาเอก ส่วน PhD เป็นปริญญาเอกประเภทหนึ่งที่เน้นงานวิจัย. ง่ายๆ เลย PhD ก็คือดอกเตอร์แบบหนึ่ง.

นึกถึงตอนเพื่อนผมเรียนปริญญาเอกด้านดนตรี เค้าก็ได้ Doctor of Musical Arts (DMA) ไม่ใช่ PhD. แต่เราก็เรียกเค้าว่าดอกเตอร์ได้.

อีกคนเรียนบริหาร จบ DBA (Doctor of Business Administration) ไปทำงานบริษัทใหญ่. เค้าก็ดอกเตอร์เหมือนกัน. เห็นมั้ย ดอกเตอร์มันกว้างกว่า.

ส่วน PhD เน้นงานวิจัย อย่างเพื่อนผมอีกคนเรียน PhD ฟิสิกส์ เค้าก็มุ่งสู่สายวิชาการ. ตอนนี้เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยอยู่. แต่ก็เป็นดอกเตอร์ด้วย.

สรุป PhD เป็นดอกเตอร์ประเภทหนึ่งที่เน้นงานวิจัย. ส่วนดอกเตอร์เป็นคำเรียกรวมทุกปริญญาเอก.

ทำไมดอกเตอร์ ย่อ ดร

ดร. ไม่ได้เลียนอังกฤษ มันมาจากรากศัพท์ละติน “docere” แปลว่า สอน

  • Docere (ละติน): รากศัพท์ดั้งเดิม หมายถึง การสอน หรือ ครู
  • Doctor (อังกฤษ): พัฒนามาจาก docere หมายถึง ผู้ที่ได้รับการรับรองให้สอน หรือ ผู้เชี่ยวชาญ
  • ดร.: ใช้ย่อ Doctor ในภาษาไทย

คนไทยแม่งชอบคิดว่าทุกอย่างมาจากฝรั่ง… เชี่ยเอ้ย

เรียนจบอะไรถึงเป็นด็อกเตอร์

จบอะไรถึงได้เป็นด็อกเตอร์? คำถามนี้ดูเรียบง่าย แต่กลับซับซ้อนกว่าที่คิด เพราะ “ด็อกเตอร์” ไม่ได้หมายถึงแค่จบปริญญาเอกสาขาเดียว

  • ปัจจุบัน “ด็อกเตอร์” ใช้เรียกผู้สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาเอก (Ph.D.) ทุกสาขา ไม่จำกัดเฉพาะศาสนาหรือแพทย์อย่างแต่ก่อน เช่น ด็อกเตอร์สาขาฟิสิกส์, ด็อกเตอร์สาขาเคมี, ด็อกเตอร์สาขาประวัติศาสตร์ เป็นต้น การที่คำนี้มีความหมายกว้างขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงการขยายตัวของความรู้และการพัฒนาทางวิชาการในหลายๆ ด้าน

  • น่าสนใจว่า ในอดีต ตำแหน่ง “ด็อกเตอร์” มีความหมายเฉพาะเจาะจงกว่ามาก โดยเฉพาะในแวดวงขุนนาง มักหมายถึงผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง อาจจะเป็นทางด้านศาสนา (เทววิทยา) หรือทางการแพทย์เป็นหลัก เห็นได้ชัดว่าบริบททางสังคมมีผลต่อการตีความคำศัพท์ เหมือนกับปรัชญาที่ว่า “ความหมายกำเนิดจากการใช้งาน”

  • อีกแง่มุมหนึ่ง การศึกษาในระดับปริญญาเอก (หรือการศึกษาเพื่อเป็นด็อกเตอร์) ในปัจจุบันได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางมากขึ้น ไม่ใช่แค่ในกลุ่มชนชั้นสูง แต่เป็นโอกาสที่เปิดกว้างให้กับผู้คนหลากหลายกลุ่ม นี่แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าทางการศึกษาและสังคม ซึ่งเป็นวิวัฒนาการที่น่าสนใจทีเดียว

ข้อมูลเพิ่มเติม (ปี 2566):

  • จำนวนผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา (ตัวเลขเฉพาะเจาะจง ขออภัย ฉันไม่สามารถเข้าถึงฐานข้อมูลแบบเรียลไทม์ได้)
  • สาขาที่ได้รับความนิยมในการศึกษาต่อระดับปริญญาเอกในประเทศไทย แตกต่างกันไปตามยุคสมัย และปัจจัยทางเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี

ทำไมด็อกเตอร์ ย่อว่าดร.

ดร. ย่อมาจากคำว่า “ดอกเตอร์” ซึ่งเป็นคำยืมจากภาษาอังกฤษ Dr. อีกทีก็มาจากภาษาละติน docēre มีความหมายว่า “สอน” นั่นเอง เห็นมั้ยล่ะ น่าสนใจใช่ไหมที่คำนำหน้านามที่ใช้เรียกผู้เชี่ยวชาญสูงสุดด้านวิชาการนั้น กลับมีรากศัพท์มาจากการ “สอน” สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการถ่ายทอดความรู้ อันเป็นหัวใจหลักของการเป็นนักวิชาการ

จุดประสงค์หลักของการใช้คำนำหน้านาม ดร. คือเพื่อแสดงถึงสถานะทางวิชาการของบุคคลนั้นๆ โดยเฉพาะผู้ที่สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาเอก เช่น ปริญญาดุษฎีบัณฑิต (Ph.D.) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในหลายสาขาวิชา

  • Ph.D. (Doctor of Philosophy): เป็นปริญญาเอกที่คุ้นเคยกันดี แต่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ปรัชญา ปัจจุบันมีหลายสาขาที่มอบปริญญาเอกประเภทนี้ เช่น วิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ ฯลฯ
  • ปริญญาเอกอื่นๆ: นอกจาก Ph.D. แล้วยังมีปริญญาเอกในสาขาอื่นๆ อีกมากมาย ขึ้นอยู่กับสถาบันและสาขาวิชา เช่น Ed.D. (Doctor of Education) D.Sc. (Doctor of Science) เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้ใช้คำนำหน้านาม ดร. ได้เหมือนกัน
  • การใช้คำนำหน้านาม: การใช้ ดร. ควรใช้กับผู้ที่ได้รับปริญญาเอกอย่างถูกต้องเท่านั้น การใช้โดยไม่ได้รับปริญญาเอกถือเป็นการไม่เหมาะสม

ปีนี้ (พ.ศ. 2566) ยังคงพบเห็นการใช้คำนำหน้านาม ดร. อย่างแพร่หลายในสังคมไทย สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญและการยอมรับอย่างกว้างขวางในระบบการศึกษาไทย ที่ให้ความสำคัญกับการศึกษาขั้นสูง โดยเฉพาะระดับปริญญาเอก ซึ่งเป็นการแสดงถึงความเชี่ยวชาญในสาขาวิชาเฉพาะทาง และเป็นเครื่องหมายแสดงถึงความสามารถและความรู้ความเข้าใจที่ลึกซึ้ง ไม่ใช่แค่เพียงความรู้ แต่ยังรวมถึงกระบวนการคิดวิเคราะห์ที่ซับซ้อนด้วย

#Phd #ด็อกเตอร์ #ปริญญาเอก