PhD ย่อมาจากอะไร

จบปริญญาเอกได้วุฒิอะไร

จบเอกแล้วได้ ศศ.ด. สิ จำได้แม่นเลย วันที่ 12 พฤษภาคม 2566 ตอนรับใบประกาศณียาที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตื้นตันจนน้ำตาไหลพรากเลย เหนื่อยมาหลายปี กว่าจะถึงวันนี้ ชีวิตตอนนั้นเหมือนขึ้นเขาไปเรื่อยๆ ไม่มีวันหยุดพักจริงๆ

ตอนเรียนโท ก็หนักหนาแล้ว แต่พอมาเอกนี่ หนักกว่าหลายเท่า งานวิจัยนี่คือ โคตรเหนื่อย ต้องหาข้อมูล เขียน แก้ ส่งอาจารย์ แล้วก็แก้ต่อ วนลูปอยู่แบบนี้ จนปวดหัว นอนดึกทุกคืน บางคืนนอนไม่หลับ เพราะเครียด กลัวงานไม่เสร็จ

คิดถึงตอนสอบป้องกันวิทยานิพนธ์ มือสั่นไปหมด ใจเต้นแรง เหมือนจะวูบ แต่ก็ผ่านมาได้ ดีใจมาก รู้สึกเหมือนแบกภูเขาออกจากหลัง โล่งใจสุดๆ หลังจากนั้นก็รอรับปริญญา ตอนนั้นคิดแค่ว่า ขอให้ถึงวันนั้นเถอะ

• วุฒิการศึกษา: ศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิต (ศศ.ด.)
• วันรับปริญญา: 12 พฤษภาคม 2566
• สถานที่รับปริญญา: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
• สาขาวิชา: (ขอไม่ระบุรายละเอียดส่วนตัว)

ตอนนี้ก็ทำงานแล้ว ชีวิตก็เปลี่ยนไป แต่ความทรงจำตอนเรียน ยังติดอยู่ในหัว ตลอดไป มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่ทำให้ฉันได้เรียนรู้ ได้เติบโต และได้พบเจอผู้คนมากมาย

D.eng คืออะไร

D.Eng. เหรอ… เหมือนเป็น ป.เอก อีกแบบนึง… ที่เน้นไปทางปฏิบัติมากกว่าทฤษฎีอ่ะ

• D.Eng. (วศ.ด.) มุ่งเน้นแก้ปัญหาทางวิศวกรรมจริง ๆ เน้นการประยุกต์ใช้ความรู้ที่มีอยู่… เพื่อสร้างนวัตกรรม หรือพัฒนาเทคโนโลยีให้ดีขึ้น

• ปร.ด. (Ph.D.) จะเน้นไปที่การสร้างองค์ความรู้ใหม่… ทำวิจัยขั้นสูง เพื่อค้นพบทฤษฎี หรือหลักการใหม่ ๆ

ต่างกันตรงที่… วศ.ด. เหมือนเอาความรู้ที่มีมา “ทำ” ให้เกิดประโยชน์… ส่วน ปร.ด. คือ “สร้าง” ความรู้ใหม่ขึ้นมาเลย…

เหมือน วศ.ด. เหมาะกับคนที่อยากเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม… พัฒนาเทคโนโลยี… ส่วน ปร.ด. เหมาะกับคนที่อยากเป็นนักวิจัย… อาจารย์… สร้างทฤษฎีใหม่ ๆ…

แต่สุดท้าย… ทั้งสองอย่างก็คือ ป.เอก เหมือนกัน… แค่เส้นทางมันต่างกันนิดหน่อยแค่นั้นเอง… ไม่รู้สิ… คิดว่านะ…