PhD คือตำแหน่งอะไร
PhD คืออะไร?
PhD หรือ ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต (ปร.ด.) คือ ปริญญาทางวิชาการขั้นสูงสุดที่มหาวิทยาลัยมอบให้ ผู้ที่สำเร็จหลักสูตร PhD จะมีความรู้ความเชี่ยวชาญในสาขาวิชานั้น ๆ อย่างลึกซึ้ง การมี PhD มักเป็นคุณสมบัติสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย หรือทำงานวิจัยในระดับสูง
PhD คืออะไร?
PhD อ่ะเหรอ? ง่ายๆ เลยนะ คือปริญญาสูงสุดน่ะ จำได้ตอนเพื่อนสนิทผมที่จุฬาฯ จบมา ปี 2562 ใช้เวลาตั้ง 7 ปีเต็มๆ กว่าจะได้ มันเรียนวิศวะเคมีนะ ค่าใช้จ่าย… โห เยอะมาก ผมจำตัวเลขไม่ได้เป๊ะๆ แต่หลักล้านแน่นอน ทั้งค่าเทอม ค่าวิจัย แล้วยังต้องหาเงินช่วยตัวเองอีกต่างหาก เหนื่อยมากจริงๆ
มันบอกว่า งานวิจัยนี่แหละ ทรมานสุด ต้องทุ่มเทสุดๆ ยิ่งช่วงใกล้สอบ แทบไม่ได้นอน กินมาม่าเป็นเดือนๆ เห็นแล้วสงสาร แต่สุดท้ายก็สำเร็จ ได้เป็น Dr. อย่างที่ตั้งใจ ภูมิใจกับมันมาก ตอนนี้ไปทำงานบริษัทใหญ่ เงินเดือนดี ชีวิตดีขึ้นเยอะเลย
ส่วนตัวคิดว่า PhD ไม่ใช่แค่ปริญญา มันคือการพิสูจน์ตัวเอง ความอดทน ความสามารถ และความมุ่งมั่น ไม่ใช่ทุกคนจะทำได้ ผมเองก็ไม่กล้าคิดจะเรียนหรอก ขยันไม่พอจริงๆ
Ph.d คือวุฒิอะไร
Ph.D. น่ะเหรอ? ไม่ใช่ปริญญาที่เอาไว้เลี้ยงแมวนะ (อันนั้นสัตวแพทยศาสตรบัณฑิต สพ.บ. ต่างหาก!)
(ก) Ph.D. = ปริญญาเอก จ้ะ! เขาเรียกกันโก้ๆ ว่า “ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต” (ปร.ด.)… ฟังดูเหมือนจะฉลาดล้ำ แต่จริงๆ แล้วคือ “Doctor of Philosophy” นั่นเอง! (Ph.D.)
(ข) ปริญญาโท (วท.ม. Master of Science) น่ะ เหมาะกับคนที่อยากรู้ลึกแต่ไม่อยากหัวล้านก่อนวัยอันควร
(ค) สพ.บ. (สัตวแพทยศาสตรบัณฑิต) คือคนที่รักษาสัตว์เก่งกว่ารักษาคน (อันนี้แซวเล่นนะคุณหมอ!)
สรุป: Ph.D. คือขั้นสุดของการเรียน (จนแก่?) แต่ถ้าใจรักจะกลัวอะไร!
-
ทำไมต้องเรียกว่า “ปรัชญา”? ทั้งที่บางทีไม่ได้เรียนปรัชญาโดยตรง? เพราะสมัยก่อน ความรู้ทุกแขนงถือเป็นส่วนหนึ่งของปรัชญา! ฟังดูดีมีชาติตระกูลใช่ไหมล่ะ
-
จบ Ph.D. แล้วได้อะไร? ได้ความรู้ (แน่นอน!) ได้ความอดทน (อันนี้ยิ่งกว่า) และได้ชื่อนำหน้าว่า “Dr.” ซึ่งเอาไว้ขู่เด็กๆ ได้ผลมาก (ล้อเล่นนะ!)
-
เรียน Ph.D. ยากไหม? ถ้าคิดว่ายาก ก็ยาก ถ้าคิดว่าสนุก ก็…อาจจะยังยากอยู่ดี! แต่คุ้มค่าแน่นอนถ้าใจมันเรียกร้อง
DBA และ PhD ต่างกันยังไง
DBA กับ PhD ในแวดวงบริหารธุรกิจนี่คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันซะทีเดียวครับ มองง่ายๆ PhD เหมือนเราสร้าง “ทฤษฎี” ใหม่ๆ ส่วน DBA เหมือนเอา “ทฤษฎี” ที่มีอยู่ไป “ใช้” ให้เกิดผลจริง
- PhD: เน้นสร้างองค์ความรู้ใหม่ งานวิจัยจะ abstract หน่อย มุ่งไปที่การตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ ใครอยากเป็นศาสตราจารย์สายวิจัย PhD คือทางหลัก
- DBA: เน้นแก้ปัญหาจริงในธุรกิจ งานวิจัย practical มากกว่า มุ่งไปที่การพัฒนาองค์กร ใครอยากเป็นผู้บริหารระดับสูง หรือที่ปรึกษาที่เชี่ยวชาญ DBA ตอบโจทย์กว่า
ผมว่าเหมือนเรามี “สูตรอาหาร” ครับ PhD คือคนคิดค้นสูตร ส่วน DBA คือเชฟที่เอาสูตรไปปรุงให้ “อร่อย” ในร้านอาหารต่างๆ กัน ซึ่งสุดท้ายแล้วทั้งคู่สำคัญต่อการพัฒนาวงการ เพราะทฤษฎีที่ดีก็ต้องมีคนเอาไปใช้ให้เกิดประโยชน์จริง
ส่วนตัวผมคิดว่าการเลือกระหว่าง DBA กับ PhD ขึ้นอยู่กับเป้าหมายในชีวิตมากกว่าครับ อยากเป็น “นักคิด” หรือ “นักปฏิบัติ” เลือกให้ตรงใจครับ!
Ph.d คือวุฒิอะไร
ฟ้าสีคราม… แสงแดดยามบ่ายสาดส่อง
- Ph.D. คือ ปริญญาเอก …ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต (ปร.ด.) ไง… Doctor of Philosophy นั่นแหละ
จำได้ว่าตอนเรียน… โอ้… วท.ม. วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (M.S.) นี่ ปริญญาโท ใช่ไหม? ใช่เลย!
แล้ว สพ.บ. ล่ะ? อ้อ… สัตวแพทยศาสตรบัณฑิต (ปริญญาตรี) นี่เอง… เหมือนตอนเด็กๆ ที่อยากเลี้ยงหมาทุกตัวบนโลกเลยเนอะ… อิอิ
- ปริญญาเอก… Ph.D.… มันคือจุดหมายปลายทาง… หรือแค่การเริ่มต้นใหม่นะ?
- ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต… ชื่อยาวจัง… เหมือนบทกวีเลย…
- Doctor of Philosophy… ดอกเตอร์แห่งปรัชญา… ลึกซึ้ง…
Ph D คือปริญญาอะไร
อืม… Ph.D. นะเหรอ… นั่งคิดอยู่นานเลย มันคือปริญญาเอก จริง ๆ ระดับสูงสุดเลยล่ะ เหนื่อยมาก จำได้ตอนที่เรียน แทบไม่ได้นอนเลย วิจัยหนักมาก กว่าจะได้มา
มันไม่ใช่แค่เรียนหนังสือนะ ต้องคิดค้นอะไรใหม่ ๆ ต้องหาอะไรที่ยังไม่มีใครเคยทำมาก่อน มันยาก ใช้เวลาหลายปี ใช้ความพยายามอย่างมาก
ตอนที่ส่งงานวิจัยเสร็จ รู้สึกโล่งมาก เหมือนแบกอะไรหนักๆ ไว้ แล้วก็วางลงได้สักที แต่ก็รู้สึกแปลก ๆ ด้วย เหมือนว่า ชีวิตจะไปทางไหนต่อ หลังจากนี้จะทำอะไร
- ต้องวิจัยอย่างเข้มข้น
- ต้องสร้างองค์ความรู้ใหม่
- ใช้เวลาหลายปี
- ต้องมีความอดทนสูงมาก
ปีนี้… เพื่อนผมที่จบปริญญาเอกสาขาเคมี ไปทำงานที่บริษัทเภสัชภัณฑ์แห่งหนึ่ง ได้เงินเดือนดีมาก แต่เขาก็บอกว่า งานก็หนัก ความกดดันสูงเหมือนกัน ทุกอย่างมันแลกมาด้วยความเหนื่อยล้า แต่ก็ภูมิใจนะ ที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก
PhD กับ DR ต่างกันอย่างไร
PhD คือปริญญาเอก DR ก็ปริญญาเอก ต่างกันที่เส้นทาง
- PhD: เน้นวิจัย สร้างความรู้ใหม่ ทางวิชาการล้วนๆ อาจารย์ นักวิจัย คือปลายทาง
- Doctorate Degrees: ประยุกต์ใช้ความรู้ แก้ปัญหาจริง ภาคธุรกิจ ราชการ ผู้บริหาร
ความต่าง? จุดหมายต่างกัน วิธีการอาจคล้าย แต่ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน คนละโลก
PhD ย่อมาจากอะไร
อืม… PhD นะเหรอ… กลางดึกแบบนี้ สมองมันช้าๆ นึกไปถึงตอนเรียน เหนื่อยจริงๆ
PhD ย่อมาจาก Doctor of Philosophy ใช่ป่ะ จำได้ไม่ผิดนะ
แต่…มันไม่ใช่แค่ปรัชญาอย่างเดียวหรอก ตอนนั้นเพื่อนฉันที่เรียนวิศวะ ก็ได้ PhD เหมือนกัน แปลกดีเนอะ แต่ก็จริงอย่างที่เขาว่า มันคือปริญญาเอกระดับสูงสุด จบมา…ก็เหมือนได้เป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้นๆ
คือ…มันหนักหนาสาหัสมากนะ กว่าจะได้มา ปีนี้ก็ 2024 แล้ว ฉันยังนึกถึงความเครียดตอนทำวิทยานิพนธ์อยู่เลย แทบไม่มีเวลาทำอย่างอื่นเลย
- ต้องทำวิจัยลึกๆ
- ต้องวิเคราะห์ข้อมูลอย่างหนัก
- ต้องเขียนรายงานยาวเป็นหางว่าว
กว่าจะผ่านมาได้ คิดแล้วก็เหนื่อย แต่ก็ภูมิใจนะ ที่ได้มันมา… จริงๆ แล้ว การได้ PhD มันไม่ใช่แค่กระดาษแผ่นหนึ่ง มันคือการพิสูจน์ตัวเอง ว่าเราทำได้…ถึงแม้จะเหนื่อยแค่ไหนก็ตาม…
อืม… คิดมากไปแล้ว นอนดีกว่า พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า
จบปริญญาเอกได้วุฒิอะไร
จบเอกได้ Ph.D. จบนะเว้ย ไม่ใช่แค่ปริญญาโท
- ศิลปศาสตร์? ได้ ศศ.ด. หรือ ปร.ด. เอาที่ชอบ
- วิทยาศาสตร์? ก็ วท.ด. ไงวะ ไม่เห็นยาก
- มนุษยศาสตร์? ก็คง ดุษฎีบัณฑิตสาขาเดียวกันนั่นแหละ ไอ้พวกนี้มันก็คล้ายๆ กัน
ปีนี้ก็ยังเหมือนเดิม เรื่องแบบนี้มันจะเปลี่ยนไปได้ยังไงวะ
PhD อังกฤษเรียนกี่ปี
จริง ๆ ตอนแรกที่อยากเรียน PhD อังกฤษนี่ ก็ปี 2023 นี่แหละ เพื่อนสนิทมันเรียนอยู่ที่ University of Edinburgh มันบอกว่า ปกติ 3 ปี แต่ก็มีบางคน 4 ปี ขึ้นอยู่กับวิทยานิพนธ์ บางคนก็เร็วกว่า แต่ส่วนใหญ่ 3 ปี คือมันเครียดมาก เพื่อนฉันนี่ แทบไม่ค่อยได้เจอกันเลย มันบอกว่า มันต้องอ่าน paper เยอะมาก แล้วก็ต้องทำ research หนักมาก ช่วงปีแรกมันบอกว่า แทบไม่ได้นอนเลย เครียดสุด ๆ มันบอกว่า งานวิจัยมันเยอะ กว่าจะผ่านอาจารย์นี่ เหนื่อยมาก แต่ก็ดีนะ ได้ความรู้เยอะ ได้ประสบการณ์ ตอนนี้มันใกล้จบแล้ว อีกไม่กี่เดือน มันบอกว่า รอรับปริญญาอยู่
- ระยะเวลาเรียน: 3 ปี (โดยทั่วไป) แต่บางคนอาจใช้เวลา 4 ปี
- สถานที่เรียน: University of Edinburgh
- ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับระยะเวลาเรียน: ความก้าวหน้าของงานวิจัย, ความยากง่ายของวิทยานิพนธ์
ตอนนี้ฉันก็กำลังคิดอยู่เหมือนกัน ว่าจะเรียนต่อ PhD ไหม แต่เห็นเพื่อนแล้ว ก็รู้สึกกลัวเหมือนกันนะ มันบอกว่า ถ้าจะเรียน ต้องเตรียมตัวให้พร้อม ทั้งด้านจิตใจและร่างกาย เตรียมตัวรับมือกับความกดดัน ความเครียด และงานหนัก เยอะมาก ๆ
ฉันอาจจะลองหาข้อมูลเพิ่ม ดูรายละเอียด แต่ตอนนี้ ยังไม่รู้จะเรียนที่ไหน แต่ถ้าจะเรียน ก็คงใช้เวลา 3 ปี แหละ น่าจะประมาณนั้น มั้ง…
ข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต