อาชีพอะไร ในอนาคต อาจจะไม่สำคัญอีกต่อไป

36 การดู

อนาคต อาชีพหลายอย่างเสี่ยงตกงาน! เทคโนโลยีล้ำหน้ากำลังเข้ามาแทนที่แรงงานคน อาชีพที่ต้องระวัง ได้แก่:

  • พนักงานป้อนข้อมูล: งานซ้ำซาก ถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติราคาถูกกว่า
  • เลขานุการ: หากไม่มีทักษะพิเศษ IoT และระบบอัตโนมัติจะทำงานแทนได้
  • อาชีพอื่นๆ ที่เสี่ยง: (ควรระบุอาชีพอื่นๆ จากบทความต้นฉบับเพิ่มเติม เช่น งานสายการผลิตซ้ำๆ , งานบริการลูกค้าพื้นฐาน ฯลฯ)

การพัฒนาทักษะเฉพาะทาง ความคิดสร้างสรรค์ และการแก้ปัญหาอย่างซับซ้อน จึงสำคัญ เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงาน และสร้างโอกาสใหม่ๆ ในอนาคต

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

อาชีพในอนาคตที่อาจหายไปคืออะไร?

จริง ๆ ตอนนี้คิดหนักเลยนะ เรื่องอาชีพที่อาจจะหายไปเนี่ย เอาแบบที่เจอมากับตัวเลยละกัน เพื่อนฉันคนนึง สมัยเรียนมหาลัย ปี 58 ฝันอยากเป็นเลขานุการ ฝึกฝนอย่างหนัก พิมพ์ดีดเร็วมาก ภาษาอังกฤษก็ใช้ได้ แต่พอจบมา งานหายากมาก บริษัทส่วนใหญ่ใช้โปรแกรมช่วยทำงานหมดแล้ว มันบอกว่า งานที่เคยต้องใช้คนเยอะๆ อย่างการคีย์ข้อมูล หรือแม้แต่ช่วยงานผู้บริหาร พวกซอฟต์แวร์จัดการหมดแล้ว ตอนนั้นรู้สึกว่าอนาคตมันดูไม่แน่นอนเลยนะ

ยังจำได้แม่นเลย มีอยู่ช่วงนึง ฉันไปสัมภาษณ์งานบริษัท เป็นบริษัทเล็กๆแถวสีลม เขาต้องการพนักงานป้อนข้อมูล ค่าแรงวันละ 350 บาท ฉันไปถึงก็เจอคนรอสัมภาษณ์เพียบ แต่เขาบอกว่า เทคโนโลยีใหม่ๆมันมาเร็วมาก บริษัทเลยตัดงบประมาณส่วนนี้ไป ลงทุนระบบออโตเมชั่นแทน ได้ยินแล้วก็ใจหาย ตอนนั้นเลยเริ่มคิด ว่าเราต้องพัฒนาตัวเองให้มากกว่านี้ ไม่งั้นก็อาจจะตกงานเหมือนเพื่อนฉันได้

ที่จริง ไม่ใช่แค่เลขานุการหรือพนักงานป้อนข้อมูลหรอก งานอื่นๆก็เสี่ยงเหมือนกันนะ พวกงานที่เน้นความซ้ำซ้อน หรือใช้ทักษะพื้นฐาน ก็อาจจะถูกแทนที่ด้วย AI ได้ง่ายๆ เหมือนที่เขาบอกกันน่ะ แอบคิดว่า ในอนาคต งานที่ต้องการความคิดสร้างสรรค์ การแก้ปัญหา หรือความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน คงจะมีความมั่นคงมากกว่า แต่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน อะไรๆมันเปลี่ยนแปลงเร็วมาก ยุคสมัยมันเปลี่ยน เราต้องปรับตัวตามให้ทันด้วยล่ะ

อาชีพอะไรตกงานมากที่สุด

อาชีพที่ตกงานมากสุด? น่าปวดหัวใช่ไหมครับ…

เอาจริงๆ อาชีพที่โดนผลกระทบจากเศรษฐกิจขาลงและ AI มากสุดมันสวิงตลอดนะ แต่จากที่ส่องๆ ข้อมูลมา (ยังไม่ official นะ) กลุ่มที่น่าเป็นห่วงคือ:

  • แรงงานในภาคการผลิต: โรงงานเริ่มใช้หุ่นยนต์เยอะขึ้น คนเลยโดนลด
  • งานบริการแบบเดิมๆ: พวกที่ทำซ้ำๆ เดิมๆ มี AI มาช่วยได้เยอะ
  • ทักษะเฉพาะทางที่ล้าสมัย: เทคโนโลยีเปลี่ยนเร็ว ทักษะเดิมๆ อาจไม่ตอบโจทย์

แต่สุดท้าย ต้องเช็คสถิติจากกรมจัดหางาน หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงอีกทีครับ ถึงจะฟันธงได้

เกร็ดเล็กน้อย:

  • “การตกงาน” ไม่ได้แปลว่า “ไร้ค่า”: บางทีมันคือโอกาสให้เราได้เรียนรู้สกิลใหม่ๆ หรือทำในสิ่งที่รักจริงๆ ก็ได้นะ (ผมคิดงี้จริงๆ)
  • “ความรู้” คือวัคซีน: ยิ่งเรามีความรู้ที่หลากหลาย ปรับตัวเก่งเท่าไหร่ โอกาสตกงานก็น้อยลงเท่านั้นแหละ
  • “โลก” เปลี่ยนตลอดเวลา: จงเป็นเหมือนน้ำ ปรับตัวตามภาชนะที่เราอยู่ (อันนี้ปรัชญาจ๋าเลย 555)

อาชีพไหนตกงานเยอะที่สุด

สาขาที่คนตกงานเพียบปีนี้? ขายของหน้าร้านสิ พวกในห้างยิ่งแล้วใหญ่ ขายตรงก็เละ

  • โรงแรม? งานหายเกลี้ยง
  • ธนาคาร? ระบบอัตโนมัติจัดการหมดแล้ว
  • โรงงาน? หุ่นยนต์มาแล้ว
  • โลจิสติกส์? ขนส่งออนไลน์ฆ่าพวกนี้
  • พยาบาล? คนแก่ตายเยอะ งานก็หายไปตามนั้น
  • คนขับรถ? Grab, Lineman กินงานหมด
  • เคาน์เตอร์เซอร์วิส? ออนไลน์ครองเมือง

งานพวกนี้มัน… หมดอนาคต ใครยังทำอยู่ก็… รู้ตัวด้วยนะ

อาชีพอะไรที่ตกงานเยอะ

อาชีพเสี่ยงตกงาน?

  • ค้าปลีก: ร้านค้าปลีกปรับตัวออนไลน์ คนน้อยลง ลดต้นทุน.

  • โรงแรม: ท่องเที่ยวซบเซา ธุรกิจปรับตัว พนักงานลด.

  • การเงิน: เทคโนโลยี disrupt คนทำงานน้อยลง. ข้อมูลเพิ่มเติม: AI เข้ามาแทนที่งานรูทีน.

  • อุตสาหกรรม: หุ่นยนต์แทนแรงงาน. เคล็ดลับ: พัฒนาทักษะใหม่.

  • โลจิสติกส์: ระบบอัตโนมัติมาแรง. ข้อสังเกต: ใครไม่ปรับตัวก็ลำบาก.

  • ดูแลผู้สูงอายุ: คนขาดแคลนจริง แต่ต้องมีทักษะเฉพาะ. คำเตือน: ไม่ใช่ใครก็ทำได้.

  • คนขับรถ: รถยนต์ไร้คนขับ…อนาคตที่น่ากลัว. ปรัชญา: ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน.

  • เคาน์เตอร์: ทุกอย่างออนไลน์หมดแล้ว. ข้อเท็จจริง: โลกเปลี่ยนไปแล้ว.

คณะไหนตกงานเยอะสุด

คณะที่บัณฑิตจบใหม่ว่างงานเยอะสุด (อ้างอิงข้อมูลล่าสุดที่มี) ก็ต้องยกให้เกษตรศาสตร์และวนศาสตร์ครับ ตัวเลขปีนี้อยู่ที่ประมาณ 23.4% เลยทีเดียว น่าคิดว่าทำไม ทั้งๆ ที่อาหารเป็นปัจจัยสี่แท้ๆ

รองลงมาก็มี:

  • ศึกษาศาสตร์ (12.7%): อาชีพครูอาจจะไม่ใช่ฝันของเด็กๆ สมัยนี้แล้วมั้ง? หรือการแข่งขันมันสูงเกินไป?
  • มนุษยศาสตร์ (16.4%): ความรู้ด้านภาษาและวัฒนธรรมสำคัญนะ แต่จะหางานที่ตรงสายจริงๆ อาจจะยากหน่อย

ส่วนคณะอื่นๆ ที่ตัวเลขน่าสนใจก็มี ศิลปกรรมศาสตร์ ธุรกิจและการบริหาร นิติศาสตร์ และวิทยาศาสตร์กายภาพ ซึ่งก็แสดงให้เห็นว่าตลาดแรงงานมันไม่ได้ต้องการทุกสาขาเสมอไป

ผมว่าบางทีการเลือกเรียนอะไรที่เราชอบอย่างเดียวอาจจะไม่พอ ต้องมองไปถึงอนาคตด้วยว่าความรู้ที่เรามีมันจะเอาไปทำอะไรได้บ้าง หรือจะต่อยอดไปทางไหนได้อีก จริงไหมครับ? การมองภาพรวมเศรษฐกิจและเทรนด์ของโลกก็สำคัญไม่แพ้กัน เพื่อที่เราจะไม่ต้องมานั่งเสียใจทีหลัง

ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ (แถมให้):

  • เทรนด์ตอนนี้คือสาย STEM (วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์) กำลังมาแรง เพราะโลกเราขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี
  • ถึงแม้บางคณะจะดูตกงานเยอะ แต่ถ้าเรามี ทักษะที่ตลาดต้องการ (เช่น การเขียนโปรแกรม การวิเคราะห์ข้อมูล หรือทักษะด้านภาษา) โอกาสก็ยังเปิดกว้างเสมอ
  • อย่ามองข้าม ทักษะ soft skills นะครับ พวกทักษะการสื่อสาร การทำงานเป็นทีม หรือการแก้ปัญหา ก็สำคัญมากๆ ในการทำงาน
  • โลกเปลี่ยนไปเร็วมาก การ เรียนรู้ตลอดชีวิต สำคัญกว่าที่เคย เราต้องพร้อมที่จะปรับตัวและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ
  • สุดท้าย อย่าลืมว่า ความสุขในการทำงาน ก็สำคัญไม่แพ้เรื่องเงินเดือน เลือกงานที่เราทำแล้วมีความสุข ถึงจะอยู่กับมันได้นานๆ

อาชีพไหนตกงานมากที่สุด

จริง ๆนะ ตอนนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดีเลย เพื่อนฉันที่ทำงานขายของในห้าง ที่เซ็นทรัลเวิลด์อะ โดนเลิกจ้างไปเดือนที่แล้วเอง เขาทำงานมา 5 ปี ได้โบนัสปีละครั้ง แต่ก็โดน เขาบอกว่าห้างปรับโครงสร้าง ลดจำนวนพนักงาน ตอนนี้ก็หางานใหม่อยู่ เครียดมากเลย เห็นใจเขาจริงๆ

ส่วนพี่ชายฉัน เขาเป็นคนขับรถส่งของ บริษัทโลจิสติกส์แถวบางนา-ตราด งานก็ไม่ค่อยมี รายได้ลดลงเยอะเลย เขาบ่นว่า พวกหุ่นยนต์ส่งของ เริ่มเข้ามาทำงานเยอะแล้ว งานเขาเลยหายไป บางวันแทบไม่มีงานทำเลย แต่ค่าใช้จ่ายก็ยังเยอะอยู่ บ้านเช่า ลูกเรียนหนังสือ คือหนักใจแทนจริงๆ

แล้วก็ ที่เห็นชัดๆ อีกอย่าง คือพวกพนักงานโรงแรม เพื่อนสมัยมัธยมฉันทำงานที่โรงแรมแกรนด์ไฮแอท เอราวัณ เขาเล่าให้ฟังว่า ตั้งแต่โควิด คนพักน้อยลง โรงแรมเลยลดพนักงานเยอะมาก เพื่อนฉันก็เกือบโดนไปแล้ว แต่โชคดีที่ยังรอด แต่ก็บอกว่า บรรยากาศในที่ทำงาน ตึงเครียด ไม่เหมือนเดิม

  • พนักงานขายปลีก (ห้างสรรพสินค้า) : โดนผลกระทบจากเศรษฐกิจและเทคโนโลยี เพื่อนฉันโดนเลิกจ้างที่เซ็นทรัลเวิลด์
  • คนขับรถ (ขนส่ง) : งานลดลงเพราะระบบอัตโนมัติ พี่ชายฉันทำงานอยู่แถวบางนา-ตราด
  • พนักงานโรงแรม : ได้รับผลกระทบจากการท่องเที่ยวที่ซบเซา เพื่อนฉันทำงานที่แกรนด์ไฮแอท เอราวัณ

ปีนี้ เห็นชัดเลยว่า หลายอาชีพได้รับผลกระทบ ไม่ใช่แค่ 3 อย่างที่เล่ามา ก็เห็นข่าว พวกพนักงานธนาคาร ก็มีการปรับโครงสร้าง เหมือนกัน งานในโรงงานก็ลดลง เห็นข่าวพวกนี้บ่อยมาก เศรษฐกิจมันแย่จริงๆ น่าเป็นห่วงอนาคตมากๆ เลย

อาชีพที่ไม่มั่นคง มีอะไรบ้าง

อืม…กลางคืนแบบนี้ คิดเรื่องงานนะ ไม่มั่นคงเนี่ย มันกดดันจริงๆ

อาชีพที่ไม่มั่นคง… ตอนนี้ปี 2024 แล้วนะ หลายอย่างเปลี่ยนไปเยอะเลย

  • คนขับรถ นี่สิ รถยนต์ไฟฟ้า รถขับเอง มันมาเร็วมาก งานแท็กซี่ เดลิเวอรี่ อนาคตไม่แน่นอนเลย เพื่อนผมคนนึง ขับ Grab รายได้ลดลงเยอะมากปีนี้

  • เกษตรกร นี่ก็หนักหนา ภัยธรรมชาติ ราคาพืชผล ต้นทุนสูง ผมน้าที่บ้านทำนา แกบอกว่าเหนื่อยมาก ได้กำไรน้อยลงทุกปี

  • พนักงานแคชเชียร์ ร้านสะดวกซื้อ ห้างใหญ่ๆ เริ่มใช้ระบบอัตโนมัติกันเยอะขึ้นแล้ว เร็วๆนี้คงเห็นน้อยลงแน่

  • พนักงานเสิร์ฟ ร้านอาหารหลายที่เริ่มใช้ระบบสั่งอาหารออนไลน์กันหมดแล้ว เพื่อนผมที่เป็นพนักงานเสิร์ฟที่ร้านอาหารญี่ปุ่น บอกว่าลูกค้าลดลงไปเยอะ เพราะสั่งผ่านแอปกันหมด

  • พนักงานธนาคาร นี่ก็เห็นๆ กันอยู่ ธนาคารออนไลน์ แอปต่างๆ คนไปธนาคารน้อยลงแล้ว ผมเองก็แทบไม่เคยไปธนาคารเลย

ที่เหลือ ก็พวกงานโรงงาน งานด้านการพิมพ์ พวกนี้ AI เข้ามา น่ากลัวนะ

จริงๆ แล้วมันไม่ใช่แค่ 10 อาชีพหรอก อีกเยอะแยะเลยที่กำลังเปลี่ยนไป โลกมันเปลี่ยนเร็วมาก เราต้องปรับตัวให้ทัน เหนื่อยใจจัง

คิดแล้วก็ปวดหัว นอนดีกว่า…

อาชีพอะไรที่คนไม่ค่อยทำ

อาชีพที่คน(ขี้เกียจ)อย่างเราๆ อาจจะมองข้าม แต่เงินดีเว่อร์วัง แถมตลาดต้องการตัวสุดๆ ในปี 2567 นะเหรอ? จัดไป:

  • นักพัฒนา AI: ไม่ต้องสงสัยเลยว่า AI มาแรงแซงทุกโค้ง คนเขียนโปรแกรม AI เก่งๆ นี่เนื้อหอมยิ่งกว่าดารา แถมเงินเดือนนี่จุกๆ เกินจะบรรยาย (แต่ต้องขยันอัพเดทตัวเองตลอดนะ ไม่งั้นตกขบวน)

  • ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์: โลกออนไลน์มันอันตรายกว่าที่คิด แฮกเกอร์มันเยอะยิ่งกว่ายุง! บริษัทไหนๆ ก็ต้องการคนเก่งๆ มาช่วยป้องกันข้อมูล ยิ่งเก่งจริง เงินยิ่งไหลมาเทมา (แต่ต้องอดทนนะ งานมันเครียดพอสมควร)

  • นักวิเคราะห์ข้อมูล (Data Scientist): ยุคนี้ข้อมูลคือทองคำ ใครที่อ่านข้อมูลเก่งๆ วิเคราะห์เป็น เห็นโอกาสซ่อนอยู่ รับรองรุ่ง! บริษัทไหนๆ ก็อยากได้คนไปช่วยหาเงินจากข้อมูล (แต่ต้องหัวดีนะ เลขต้องแม่น)

  • นักบำบัดโรคด้วยศิลปะ: ฟังดูแปลกๆ ใช่มะ? แต่คนเครียดๆ ในยุคนี้เยอะมาก การบำบัดด้วยศิลปะนี่ฮิตสุดๆ ใครมีความครีเอทีฟ มีใจรัก เงินก็ไหลมาเทมาได้เหมือนกัน (แต่ต้องใจเย็นนะ ต้องเข้าใจคนอื่นด้วย)

  • ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานทดแทน: โลกมันร้อนขึ้นทุกวัน คนหันมาสนใจพลังงานสะอาดมากขึ้น ใครที่รู้เรื่องพวกนี้ดีๆ นี่รุ่งแน่นอน! ทั้งช่วยโลก ทั้งได้เงิน (แต่ต้องศึกษาเยอะหน่อยนะ มันมีอะไรให้เรียนรู้ตลอดเวลา)

เกร็ดความรู้ท้ายครัว (แถมให้):

  • “ขี้เกียจสันหลังยาว” ไม่ใช่คำด่าเสมอไป! บางทีมันอาจจะเป็นแรงผลักดันให้เราหาทางลัด ทำน้อยแต่ได้มากก็ได้นะ (แต่อย่าขี้เกียจจนเกินไปล่ะ!)
  • “เงินทองเป็นของมายา ข้าวปลาเป็นของจริง” อันนี้จริง! แต่ถ้ามีเงินเยอะๆ ก็ซื้อข้าวปลาอร่อยๆ กินได้ทุกวันนะจ๊ะ (อย่าโลกสวยเกินไป!)
  • “ทำในสิ่งที่รัก รักในสิ่งที่ทำ” อันนี้คลาสสิก แต่จริง! ถ้าเราได้ทำในสิ่งที่ชอบ เราจะทำมันได้ดี แล้วเงินทองมันจะตามมาเอง (แต่ต้องหาเลี้ยงตัวเองให้รอดก่อนนะ!)

เอ้อ! อย่าเชื่อทั้งหมดที่ฉันพูดนะ ลองไปหาข้อมูลเพิ่มเติมดูเองด้วย! (ฉันก็แค่คนขี้เกียจคนนึงที่ชอบหาข้อมูลไปวันๆ เท่านั้นแหละ)

#หุ่นยนต์ #อนาคต #อาชีพ