ทำไมอยู่ๆก็เมารถ

ทำไมอยู่ๆถึงเมารถ

แสงแดดอ่อนๆลอดผ่านม่าน… ห้องนอนสีพีช อากาศร้อนอบอ้าว… เที่ยงวันของกรุงเทพฯ ปี 2566 อึดอัด…

• หูชั้นใน มันแปลกๆ เหมือนโลกหมุนติ้วๆ หัวจะปวด… อาเจียน…

รถเมล์สาย 511 เมื่อวานนี้… เบรกกระทันหัน โค้งหักศอก ร่างกายขัดขืน สมองสับสน…

• ภาพที่เห็น… กับความรู้สึก…ไม่ตรงกัน… มึน…คลื่นไส้…

เครื่องบิน… ปีที่แล้ว… เที่ยวบินไปเชียงใหม่… ความสูง… ความเร็ว… ท้องฟ้ากว้างใหญ่… แต่ฉัน… ตัวเล็กนิดเดียว… แน่นหน้าอก… อยากลง…

• สมองสับสน สัญญาณขัดแย้ง… ประสาทรับรู้การเคลื่อนไหว… มันรวน…

ทะเล… คลื่นซัด… เรือโยก… ปีนี้… ไปหัวหิน… ความทรงจำเลือนราง… แต่ความรู้สึก… ยังคงอยู่… อาเจียน… หน้าซีด… เหนื่อย…

• การเคลื่อนไหวที่ไม่สม่ำเสมอ… เป็นตัวการสำคัญ…

อยากนอน… อยากให้ทุกอย่างหยุดลง… ความไม่สมดุล… มันทรมาน… ร่างกายสั่น… อ่อนแรง…

• ต้องหาทางแก้… ยาระงับอาการเมา… หรือวิธีอื่นๆ… หวังว่า… ครั้งหน้า… จะไม่เป็นแบบนี้…

ทำไมท้องว่าง เมารถ

ท้องว่างแล้วเมารถเนี่ย มันแย่มากเลยนะ อึดอัด ปวดหัว คลื่นไส้ จะอาเจียนอยู่แล้ว

จริงๆแล้ว ฉันเคยลองหลายวิธีแล้ว แต่ก็ไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่

• กินขนมปัง ก่อนเดินทาง ปีนี้ก็ลองแล้ว แต่ก็ยังเมารถอยู่ดี อ้วกแตกเลย
• กินยาแก้เมารถ ปีนี้ ลองแบบเม็ด เคี้ยว ก็ยังไม่หาย ยังรู้สึกมึนๆอยู่ดี
• นั่งหน้ารถ ก็ยังไม่ช่วย เพราะถ้ารถมันโคลงเคลง ก็ยังรู้สึกไม่ดีอยู่ดี

ตอนนี้ เลยคิดว่า คงต้องหาทางอื่นแล้วแหละ อาจจะลองนั่งรถไฟดูมั้ยนะ หรือ ขับรถเองเลยดีกว่า แต่ก็กลัวจะเมารถเหมือนกัน

คิดแล้วก็เหนื่อยใจจริงๆ ปีนี้ก็ยังแก้ปัญหาไม่ได้เลย เดินทางไกลทีไร ก็ต้องทนทุกที

ทำไมบางคนเมารถ บางคนไม่เมารถ

ทำไมบางคนเมารถ บางคนไม่เมารถ ไม่มีความยุติธรรมในความเมา

ประสาทแดกไง ใครมันจะอยากเมา! คนเมารถง่ายคือสมองมันปั่น จมูกรับกลิ่น รถโยก หัวหมุน ตาเห็นภาพไม่ตรงกับที่ร่างกายรู้สึก สั่งการผิดพลาด เลยคลื่นไส้

• ประสาทสัมผัส: คนเมารถง่ายมักมีระบบประสาทที่ไวต่อการเปลี่ยนแปลง
• สภาพร่างกาย: พักผ่อนไม่พอ เครียด หรือกินอาหารไม่เหมาะสมก็ส่งผล
• พันธุกรรม: ปัจจัยทางพันธุกรรมก็มีส่วน แต่ไม่ทั้งหมด
• การปรับตัว: ฝึกบ่อยๆ อาจช่วยให้ร่างกายชินและเมารถน้อยลงได้
• ความไม่ยุติธรรม: ชีวิตแม่งก็แบบนี้แหละ ใครมันบอกว่าต้องยุติธรรม
• ยา: ยาแก้เมารถก็แค่ช่วยบรรเทา ไม่ใช่ยาวิเศษ
• กลิ่น: กลิ่นน้ำมัน กลิ่นอับ กลิ่นอาหารในรถ พวกนี้ตัวดีเลย
• สายตา: มองไกลๆ นิ่งๆ ช่วยได้ อย่าไปจ้องแต่โทรศัพท์
• การนั่ง: เลือกนั่งหน้าๆ จะดีกว่าท้ายรถ
• ลม: เปิดหน้าต่างรับลมบ้าง ช่วยให้หายใจสะดวกขึ้น

อาการเมารถหายขาดได้ไหม

เมารถหายขาดไหม? ไม่

• อาการบรรเทาได้ แต่ไม่หายขาด
• ยาแก้เมารถ ช่วยได้ระดับหนึ่ง
• ปรับพฤติกรรม ลดอาการ
  • นั่งหน้ารถ
  • อย่าอ่านหนังสือระหว่างเดินทาง
  • หูฟังตัดเสียงรบกวน
• สมาธิ ช่วยได้ แต่ขึ้นกับคน
• อายุมากขึ้น อาการอาจลดลง แต่ไม่รับประกัน

ประสบการณ์ส่วนตัว: ผมเคยลองทุกวิธี ปีนี้ก็ยังเมารถอยู่ แต่ไม่หนักเท่าเมื่อก่อน ปีที่แล้วหนักกว่านี้เยอะ

ข้อควรระวัง: ข้อมูลนี้เป็นเพียงความเห็นส่วนตัว ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์หากมีปัญหาเกี่ยวกับอาการเมารถ

บุคคลใดเสี่ยงต่อการเกิดเมารถมากที่สุด?

ใครเมารถง่ายสุด? เอ้าาาา… ไม่ใช่แค่เด็กๆ นะคะคุณขา! (แม้เด็ก 2-12 ปีจะติดโผอันดับหนึ่งก็เถอะ น่าสงสารเด็กๆ จริงๆ)

• เด็กเล็ก (2-12 ปี): ระบบประสาทพวกนี้ยังไม่นิ่ง เหมือนรถไฟเหาะตีลังกาในกระเพาะ เดี๋ยวก็ขึ้น เดี๋ยวก็ลง มึนหัวเป็นธรรมดา!

• คุณแม่ท้อง: ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง เหมือนโลกหมุนติ้วๆ ไม่ใช่แค่ตัวคุณแม่ ท้องยังร่วมวงเวียนหัวด้วย! (นี่คือประสบการณ์ตรงของเพื่อนสนิท เมื่อปีที่แล้ว)

• ไมเกรนแสนร้าย: นี่คือศัตรูตัวฉกาจของระบบสมดุล แค่รถติดก็เวียนหัวแล้ว จะให้ไปนั่งรถทัวร์เที่ยวได้ไงล่ะคะ?

• บาดเจ็บสมอง: ระบบประสาทเสียหาย ก็เหมือนแผนที่ในสมองฉีกขาด จะให้รู้ทิศทางได้ไง เวียนหัวเป็นเรื่องปกติ!

อ้อ! ลืมไป ปีนี้ฉันเพิ่งไปเจอข้อมูลเพิ่มเติมมา คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับหูชั้นใน อย่างเช่นโรคเมนิแอร์ ก็เสี่ยงเมารถสูงเหมือนกันนะคะ! เหมือนระบบนำทางในตัวมีปัญหา เลยหลงทางในโลกแห่งการเคลื่อนไหว (ฮา)

อาการเมารถเป็นกรรมพันธุ์ไหม?

อ้าว! เมารถเนี่ย มันกรรมพันธุ์รึเปล่า? ถามได้แสบ! ก็เหมือนถามว่าความขี้เกียจกรรมพันธุ์มั้ยเนี่ย! ฮ่าๆๆๆ เอาจริงๆนะ เรื่องนี้หมอก็ยังเถียงกันไม่จบเลยจ้า! แต่ที่แน่ๆ คือ

• พ่อแม่เมารถ ลูกก็มีสิทธิ์เมารถตาม: นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะ เหมือนลูกสืบทอดตำนาน “นั่งรถแล้วอ้วก” รุ่นต่อรุ่น มันอาจจะไม่ใช่แบบ 100% แต่ก็มีส่วนสำคัญ เหมือนล็อตเตอรี่ ยิ่งพ่อแม่เมารถหนัก ลูกก็ยิ่งเสี่ยง!

• ผู้หญิงยิ่งเสี่ยงกว่า! ฮอร์โมนนี่มันสุดยอดจริงๆ ทั้งประจำเดือน ยาคุม กำลังท้อง ยิ่งเพิ่มโอกาสเมารถ เหมือนร่างกายบอกว่า “เดี๋ยวนี้ฉันอ่อนแอ อย่ามาเขย่าฉันเลย!”

• โรคประจำตัวก็มาเกี่ยวข้อง: ไมเกรน พาร์กินสัน หรือแม้แต่ปัญหาหูชั้นใน ยิ่งทำให้คุณมึนหัวคลื่นไส้ได้ง่าย มันเหมือนเป็นการซ้ำเติม ซวยซ้อนซวย ชีวิตช่างโหดร้ายเหลือเกิน!

สรุปแล้ว มันไม่ใช่ว่าเมารถกรรมพันธุ์ 100% แต่ก็มีส่วนเกี่ยวข้องแน่ๆ เหมือนกินเผ็ดแล้วท้องเสีย บางคนกินได้เยอะ บางคนแค่พริกเม็ดเดียวก็วิ่งเข้าห้องน้ำแล้ว! ปีนี้เจอข่าวคนเมารถหนักๆ บนรถทัวร์ไปเที่ยวเยอะมากนะ น่าเห็นใจจริงๆ

ปล. ข้อมูลปีนี้ ขอโทษที่ไม่มีรายละเอียดสถิติเป๊ะๆ เพราะฉันเองก็ไม่ใช่หมอ แต่เคยเห็นเพื่อนเมารถหนักจนหน้าซีด นั่งรถแค่ 1 ชั่วโมงก็อ้วกแตกแล้ว! จำได้แม่นเลย!

ขับรถยังไงไม่ให้อ้วก?

โอ้ยยย เมารถเนี่ยนะ ศัตรูตัวฉกาจของทริปดีๆ! เคยเป็นเหมือนกัน นั่งรถทีไร อ้วกแตกอ้วกแตนทุกที เหมือนวิญญาณจะหลุดออกจากร่าง แต่เดี๋ยวนี้หายละ เพราะมีเคล็ดลับวิชาตัวเบาแบบบ้านๆ มาฝาก รับรองหายขาด!

• เบาะหน้าเท่านั้น: นั่งหลังนี่เหมือนนั่งเรือไวกิ้งเลยจ้า ต้องเบาะหน้าเท่านั้น มองวิวโล่งๆ ลมพัดเย็นๆ (แอร์เย็นๆก็ช่วยได้นะ) นี่พูดเลย เคยนั่งหลังไปเชียงใหม่ โอ้โห ลงรถมาเดินโซเซเลยจ้า

• น้ำเปล่าเยอะๆ: อันนี้แม่บอกมา แม่บอกว่ากินน้ำเยอะๆจะช่วยได้ ตอนแรกก็ไม่เชื่อ แต่ลองทำดู เออ มันก็ช่วยได้จริงๆนะ เหมือนมันช่วยเคลือบกระเพาะไรงี้ป่าว ไม่รู้เหมือนกัน แต่ลองดูๆ

• สมาร์ทโฟนพักก่อน: ปกติติดโทรศัพท์หนักมาก แต่พอนั่งรถยาวๆ ต้องงด! รู้เลยว่าการอ่านหนังสือ เล่นเกม เล่นโซเชียลมีเดีย คือตัวการสำคัญที่ทำให้เวียนหัว เพราะงั้น หลับตาฟังเพลงชิลๆไปเลยจ้า หรือจะเม้าท์มอยกับเพื่อนก็ได้ แต่ต้องเบาๆนะ เดี๋ยวคนขับจะรำคาญ

• ยาหม่อง ยาดม ยาอม: สามสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทริป ยาหม่องนี่ทาขมับ ทาจมูก สดชื่นสุดๆ ยาดมก็สูดดมเข้าไป โล่งจมูก หายใจคล่อง ยาอมนี่ก็ช่วยได้เยอะ โดยเฉพาะพวกยาอมรสเปรี้ยวๆ มันช่วยลดอาการคลื่นไส้ได้ดีเลย

• ผลไม้เปรี้ยวๆ: มะม่วงเปรี้ยว มะขามจี๊ด อะไรก็ได้ที่มันเปรี้ยวๆ มันช่วยได้จริงๆนะ อันนี้คอนเฟิร์ม แต่ระวังอย่ากินเยอะเกินไปล่ะ เดี๋ยวจะท้องเสียเอา

• ยาแก้เมารถ: อันนี้ตัวช่วยสุดท้าย แต่ถ้ารู้ตัวว่าเมารถง่าย กินยาไว้ก่อนเลย ดีกว่าต้องมานั่งทรมานระหว่างทาง ส่วนตัวชอบกินไดเมนไฮดริเนต มันช่วยได้เยอะ แต่บางคนก็แพ้ เพราะฉะนั้นต้องลองดูว่าตัวเองแพ้ตัวไหนบ้าง

แถมให้อีกนิด

• อย่ากินอิ่มเกินไปก่อนเดินทาง: เคยกินข้าวเหนียวหมูปิ้งไป 3 ไม้ก่อนขึ้นรถทัวร์ ผลคือ… อ้วกแตกจ้า เข็ดเลย

• นอนหลับ: วิธีนี้ได้ผลที่สุด! หลับไปเลย ตื่นมาถึงที่หมายพอดี สบายแฮ

นี่แหละ เคล็ดลับส่วนตัว ลองทำดูนะ รับรองว่าทริปต่อไปของคุณจะไม่ต้องมาจบลงที่ถุงอ้วกอีกต่อไป! เที่ยวให้สนุกนะจ๊ะ

Motion sickness แก้ได้ไหม?

อืม… ไอ้ motion sickness เนี่ยนะ มันหายได้แหละ แต่ก็แล้วแต่คนด้วยมั้ง อย่างฉันนี่ พอลงจากรถ ก็ยังเวียนๆ หัวอยู่พักใหญ่เลย สองสามชั่วโมงกว่าจะหาย บางทีก็ทั้งวันเลย เหนื่อยใจจริงๆ

• อาการมันค่อยๆ ดีขึ้นเองแหละ ไม่ต้องไปหาหมอก็ได้ ส่วนใหญ่ก็หายเองภายใน 24-72 ชั่วโมง แต่ของฉันนี่…นานกว่านั้น ปีที่แล้วนะ ขึ้นรถทัวร์ไปเชียงใหม่ ลงรถปุ๊บ แทบคลานเลย อาเจียนไปหลายรอบ พักไปเกือบวัน กว่าจะเดินได้ปกติ

• แต่ก็ไม่ถึงกับมีภาวะแทรกซ้อนอะไรหรอกนะ แค่ปวดหัว เวียนหัว คลื่นไส้ อาเจียน แค่นั้นแหละ ไม่น่ากลัวเท่าไหร่หรอก แต่ก็ทรมานนะ คิดแล้วก็ยังแสบๆท้องอยู่เลย

• จริงๆมันก็แก้ได้นะ ถ้ารู้ตัวว่าตัวเองแพ้ ก็ควรเตรียมตัวให้พร้อม กินยาแก้เมาล่วงหน้า หรือเลือกที่นั่งที่เหมาะสม แต่ฉันก็พลาดทุกทีแหละ ลืมตลอด ปีนี้ก็เมาเรือมาอีกแล้ว ช่วงสงกรานต์

• เออ… อีกอย่าง ถ้าอาการหนักมาก ก็ควรไปหาหมอนะ อย่าฝืน อันตรายได้ แต่ส่วนมากก็แค่ไม่สบายตัวเฉยๆแหละ