เมารถขาดวิตามินอะไร

19 การดู

การขาดวิตามินบี12 อาจส่งผลให้เกิดอาการคล้ายเมารถ เช่น เวียนศีรษะ คลื่นไส้ เนื่องจากบี12 มีบทบาทสำคัญต่อการทำงานของระบบประสาท พบวิตามินบี12 ได้ในเนื้อสัตว์ ไข่ นม และผลิตภัณฑ์จากนม การรับประทานอาหารที่หลากหลายจะช่วยป้องกันการขาดวิตามินชนิดนี้

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

เมารถ…อาจเพราะขาดวิตามิน! ไขปริศนาอาการไม่สบายจากการเดินทาง

อาการเมารถ เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในผู้คนทั่วไป ความรู้สึกคลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ และปวดหัว ทำให้การเดินทางกลายเป็นประสบการณ์ที่ไม่น่าพึงประสงค์ แม้จะมียารักษาอาการเมารถอยู่แล้ว แต่หลายคนอาจไม่ทราบว่า อาการเหล่านี้อาจมีสาเหตุมาจากการขาดวิตามินบางชนิดได้ โดยเฉพาะ วิตามินบี12 ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่หลายคนมองข้ามไป

วิตามินบี12 หรือ โคบาลามิน (Cobalamin) มีบทบาทสำคัญต่อการทำงานของระบบประสาท รวมถึงการสร้างเม็ดเลือดแดง การทำงานของสมอง และการควบคุมความสมดุล การขาดวิตามินบี12 จึงอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่หลากหลาย และหนึ่งในนั้นคืออาการคล้ายเมารถ อาการเหล่านี้เกิดขึ้นเนื่องจากการทำงานของระบบประสาทส่วนที่ควบคุมการทรงตัวและการรับรู้ตำแหน่งของร่างกาย ได้รับผลกระทบจากการขาดวิตามินชนิดนี้

อาการที่เกิดจากการขาดวิตามินบี12 ซึ่งคล้ายกับอาการเมารถ ได้แก่ เวียนศีรษะอย่างรุนแรง คลื่นไส้ อาเจียน รู้สึกอ่อนเพลีย มึนงง และอาจมีอาการชาตามปลายมือปลายเท้า แต่ความแตกต่างที่สำคัญคือ อาการเหล่านี้จะเกิดขึ้นแม้ไม่ได้เดินทาง และอาจมีความรุนแรงมากขึ้น หรือเป็นอยู่เรื้อรัง หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา

วิตามินบี12 พบได้มากในอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะตับ ไต เนื้อแดง และอาหารทะเล นอกจากนี้ยังพบได้ในไข่ นม และผลิตภัณฑ์จากนม สำหรับผู้ที่รับประทานอาหารมังสวิรัติหรือวีแกนอย่างเคร่งครัด มีความเสี่ยงสูงต่อการขาดวิตามินบี12 เนื่องจากแหล่งอาหารหลักของวิตามินชนิดนี้ มักพบได้ในอาหารที่ผู้ทานมังสวิรัติและวีแกนเลือกที่จะไม่บริโภค จึงจำเป็นต้องได้รับวิตามินบี12 จากแหล่งเสริมอื่นๆ เช่น วิตามินบี12 ในรูปแบบเม็ด หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอื่นๆ

การรับประทานอาหารที่หลากหลายและครบถ้วน เป็นวิธีการป้องกันที่ดีที่สุดในการป้องกันการขาดวิตามินบี12 และลดความเสี่ยงต่ออาการคล้ายเมารถ หากสงสัยว่าตัวเองมีอาการขาดวิตามินบี12 หรือมีอาการคล้ายเมารถอย่างรุนแรง และเรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรับคำแนะนำที่ถูกต้อง อย่าพึ่งพาการวินิจฉัยตนเอง และอย่าละเลยอาการต่างๆ เพราะอาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงกว่าที่คิด

หมายเหตุ: บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้ ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์ หากมีอาการผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์เสมอ