การสร้างแรงจูงใจมีอะไรบ้าง

36 การดู

สร้างแรงจูงใจพนักงาน: หัวใจสำคัญสู่ความสำเร็จ

  • สวัสดิการโดนใจ: ดูแลสุขภาพกายใจ สร้างความมั่นคง
  • บรรยากาศดี: สร้างพื้นที่ทำงานที่ผ่อนคลาย ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์
  • พัฒนาศักยภาพ: อบรม/สัมมนา เพิ่มพูนทักษะ ต่อยอดความก้าวหน้า
  • รางวัลตอบแทน: เบี้ยขยัน/โบนัส กระตุ้นผลงาน เพิ่มกำลังใจ
  • สื่อสารชัดเจน: เปิดช่องทางรับฟัง ลดความขัดแย้ง
  • ให้เกียรติ: เห็นคุณค่า สร้างความภาคภูมิใจในองค์กร
  • Work-Life Balance: เคารพเวลาส่วนตัว เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

สร้างแรงจูงใจ เท่ากับสร้างทีมแข็งแกร่ง นำองค์กรสู่เป้าหมาย

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

แรงจูงใจในการทำงานมีอะไรบ้าง? วิธีสร้างแรงบันดาลใจให้พนักงานได้ผลดีที่สุด?

แรงจูงใจในการทำงานของฉันเหรอ… เคยทำงานร้านกาแฟเล็กๆ แถวอารีย์เมื่อปีที่แล้ว ได้วันละ 450 บาท. เหนื่อยมาก แต่ก็สนุกดี ได้เจอลูกค้าหลากหลาย.

วิธีสร้างแรงบันดาลใจให้พนักงานเหรอ… ฉันว่ามันขึ้นอยู่กับแต่ละคนนะ. อย่างฉันชอบให้หัวหน้าชมบ้าง เวลาทำอะไรสำเร็จ. แค่คำพูดเล็กๆ ก็มีพลังนะ.

ให้ความสำคัญกับสวัสดิการ… ใช่เลย ตอนทำงานร้านกาแฟนั่น ประกันสังคมก็ไม่มี. ถ้ามีสวัสดิการดีๆ ก็คงมีกำลังใจทำงานมากกว่านี้.

สร้างสภาพแวดล้อมที่ดีในการทำงาน… สำคัญมาก. ที่ทำงานเก่าอึดอัดมาก ร้อน อุปกรณ์ก็ไม่พร้อม. ทำให้อารมณ์เสียไปด้วย.

จัดการอบรม… เคยไปอบรมบาริสต้าที่ CTW เสียไปเกือบหมื่น. ได้ความรู้เยอะเลย กลับมาทำงานมีไฟขึ้นเยอะ.

มอบสิ่งตอบแทนพิเศษ… ชอบอันนี้ ตอนทำงานร้านพิซซ่า ได้โบนัสตอนปีใหม่. ดีใจมากเลย ได้เงินไปเที่ยวหัวหิน.

การสื่อสารภายในองค์กร… อันนี้ก็สำคัญ เคยทำงานที่สื่อสารกันไม่รู้เรื่องเลย. ทำงานงงๆ ไปหมด.

การให้เกียรติ… เคยโดนหัวหน้าด่าต่อหน้าลูกค้า. เสียใจมาก ไม่อยากทำงานต่อเลย.

ให้ความสำคัญกับเวลาส่วนตัว… ใช่ ต้องมีเวลาพักผ่อนบ้าง. เคยทำงานหนักจนไม่มีเวลาให้ตัวเองเลย. หมดไฟสุดๆ.

วิธีการสร้างแรงจูงใจให้ประสบความสำเร็จมีอะไรบ้าง

แรงจูงใจกับความสำเร็จนี่มันเหมือนสองด้านของเหรียญเดียวกันเลยนะ ต้องหมุนให้สมดุลถึงจะไปได้ไกล ส่วนตัวผมชอบคิดว่าแรงจูงใจมันเหมือนไฟ ความสำเร็จคือปลายทาง เราต้องเติมเชื้อไฟให้มันตลอดทางถึงจะไปถึง มาดูวิธีกันดีกว่า:

  • ความเชื่อมั่น: สำคัญมาก! ความเชื่อมั่นในตัวเองนี่แหละเป็นเชื้อเพลิงชั้นดี ผมเคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับจิตวิทยา พบว่า คนที่เชื่อมั่นในตัวเองมักจะกล้าเสี่ยง กล้าลองผิดลองถูกมากกว่า ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของความสำเร็จ เหมือนตอนผมเรียนเขียนโปรแกรมใหม่ๆ ตอนแรกก็ไม่มั่นใจ แต่พอทำได้ก็เริ่มมั่นใจ เลยกล้ารับงานยากขึ้น ตอนนี้เลยทำงานที่ชอบได้
  • เป้าหมายชัดเจน: เหมือนเรามีแผนที่ รู้ว่าจะไปไหน ผมตั้งเป้าหมายปี 2024 นี้ว่าจะอ่านหนังสือให้ได้ 50 เล่ม แล้วก็ติดตามความคืบหน้าทุกเดือน มันทำให้เรามีแรงฮึด รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่
  • แบบอย่าง: ผมชอบอ่านชีวประวัติบุคคลสำคัญ มันเหมือนมีไกด์นำทาง เห็นเส้นทางของคนที่เขาสำเร็จ อย่าง Elon Musk ผมชอบวิธีคิดของเขามากๆ มันสร้างแรงบันดาลใจให้เรา ว่าความสำเร็จมันเป็นไปได้
  • เรียนรู้จากความผิดพลาด: ไม่มีใครไม่เคยพลาด ผมเคยลงทุนผิดพลาด เสียเงินไปเยอะ แต่ก็เรียนรู้จากมัน ทำให้รอบคอบมากขึ้น ความผิดพลาดมันคือบทเรียนราคาแพง แต่ถ้าเราเรียนรู้จากมัน มันก็คุ้มค่า
  • บริหารเวลา: เวลาเป็นสิ่งมีค่า ยิ่งกว่าเงิน ยิ่งกว่าทอง ผมใช้แอป Trello ในการจัดการงาน มันช่วยให้ผมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีเวลาเหลือไปทำอย่างอื่นที่ชอบ เช่น เล่นกีตาร์ ออกกำลังกาย
  • เปิดใจ: โลกมันเปลี่ยนแปลงเร็วมาก เราต้องเปิดรับสิ่งใหม่ๆ ผมพยายามเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ อยู่เสมอ มันช่วยให้เรามีโอกาสมากขึ้น มีทางเลือกมากขึ้น
  • มองโลกในแง่ดี: ความคิดบวกสำคัญมาก มันช่วยให้เรามีกำลังใจ ผมชอบฟัง Podcast ที่ให้พลังบวกในตอนเช้า มันช่วยให้เริ่มต้นวันใหม่ได้อย่างสดใส
  • ตัดสิ่งรบกวน: โซเชียลมีเดียมันก็เหมือนดาบสองคม ผมจำกัดเวลาการเล่นโซเชียลมีเดีย เพื่อให้มีสมาธิกับงาน กับสิ่งที่สำคัญจริงๆ

จริงๆ แล้วทั้งหมดมันเชื่อมโยงกันหมด มันคือองค์ประกอบที่ช่วยผลักดันเราไปสู่ความสำเร็จ ชีวิตมันสั้น ต้องใช้ให้คุ้ม ลองคิดดูว่า ถ้าเรามองย้อนกลับไป เราอยากเห็นอะไร

เทคนิคการจูงใจ มีอะไรบ้าง

เทคนิคการจูงใจ: ประสิทธิผลขึ้นกับบริบท

  • ผลตอบแทน: เงิน โบนัส การเลื่อนตำแหน่ง ไม่ใช่แค่สิ่งของ แต่เป็นความรู้สึก ความสำเร็จ ปีนี้ บริษัทผมใช้ระบบคะแนนสะสมแลกของรางวัล มีประสิทธิภาพสูงกว่าเดิม

  • การยอมรับ: คำชมเชยตรงไปตรงมา ไม่ใช่การประจบ การชื่นชมผลงานเฉพาะเจาะจง ปีที่แล้วใช้แบบนี้ ผลลัพธ์ดีกว่ามาก

  • เป้าหมายเชื่อมโยงคุณค่า: ทำให้เห็นภาพชัดเจน ความหมายของงานต่อตัวบุคคล ไม่ใช่แค่ตัวเลข เป้าหมายปีนี้ชัดเจนขึ้นมาก ผลงานก็ตามมา

  • แรงบันดาลใจ: เรื่องราวจริง ไม่ใช่เทพนิยาย เน้นความพยายาม ความอดทน การเรียนรู้จากความล้มเหลว ผมใช้ตัวอย่างจากพนักงานภายใน ได้ผลดี

  • พัฒนาตนเอง: ฝึกอบรม สัมมนา เปิดโอกาสเรียนรู้สิ่งใหม่ ปีนี้ เน้น upskilling และ reskilling เห็นผลชัดเจน

  • ทีมเวิร์ค: ส่งเสริมการทำงานเป็นทีม ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วม ปีนี้เราปรับโครงสร้างทีมให้กระชับขึ้น เห็นผลลัพธ์ที่ดี

  • อิสรภาพ: เปิดพื้นที่ให้แสดงความคิดเห็น รับฟังความคิดเห็นอย่างจริงจัง ปีนี้มีการจัด meeting เพื่อรับฟังความคิดเห็นของพนักงานทุกเดือน

  • โค้ชชิ่ง: ให้คำแนะนำแบบเฉพาะเจาะจง เน้นการพัฒนา ไม่ใช่แค่การสั่งการ ปีนี้ เริ่มใช้ระบบ mentorship ผลตอบรับดี พนักงานพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

จูงใจได้ผลหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความเข้าใจ และการประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับบุคคลและสถานการณ์ ไม่มีสูตรสำเร็จ แต่เป็นกระบวนการเรียนรู้ที่ต้องปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

การสร้างแรงบันดาลใจมีอะไรบ้าง

สร้างแรงบันดาลใจเนี่ยนะ? ง่ายนิดเดียว! แต่ต้องไม่ใช่แค่ฟังหูแล้วทิ้งหูนะ ต้องลงมือทำด้วย! ผมนี่แหละ ผู้เชี่ยวชาญเรื่อง “ขุดหาแรงบันดาลใจจากก้นบึ้งหัวใจ” (จริงๆ ก็แค่เคยลองมาหลายวิธีแหละ) ขอเสนอ 6 เทคนิคเด็ดดวง ดังนี้:

  • บันทึกแต้มความสุข: ไม่ใช่แค่ความสุขระดับ 10 เต็ม 10 นะครับ แม้แต่การเห็นแมวขีดข่วนต้นไม้ หรือได้กินขนมปังปิ้งกรอบๆ ตอนเช้า ก็บันทึกไปเลย! เปรียบเหมือนเก็บสะสมพลังงานแห่งความสุข รอวันระเบิดออกมาเป็นแรงบันดาลใจสุดปัง! ผมเองก็ทำนะ ปีนี้บันทึกไว้เยอะมาก อย่างเช่นวันนั้นได้กินส้มตำปูปลาร้ารสเด็ด โคตรมีความสุข!

  • จดแรงบันดาลใจ: ไม่ใช่แค่จดลงสมุดนะ ลองวาดรูป แต่งเพลง หรือแม้แต่ทำคลิป TikTok เลยก็ได้! ยิ่งสร้างสรรค์เท่าไหร่ ยิ่งได้แรงบันดาลใจมากเท่านั้น อย่าลืมว่าแรงบันดาลใจมันไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ มันคือการตีความความรู้สึกของตัวเองให้เป็นรูปธรรมนั่นเอง

  • ขอบคุณสิ่งเล็กๆ น้อยๆ: ขอบคุณที่วันนี้ตื่นมาแล้วไม่เจ็บป่วย ขอบคุณที่ฟ้าไม่ตกใส่หัว ขอบคุณที่กาแฟอร่อย ดูสิ ชีวิตมันก็มีเรื่องให้ขอบคุณเพียบ! ลองทำดู รับรองอารมณ์ดีขึ้น พลังงานดีขึ้น แรงบันดาลใจก็พลุ่งพล่านตามมาเอง

  • มีความสุขกับคนรอบข้าง: อย่ามัวแต่เก็บตัว! ไปเที่ยวกับเพื่อน ทานข้าวกับครอบครัว คุยกับคนแปลกหน้า ความสัมพันธ์ที่ดี คือพลังงานชั้นดี จะช่วยเติมเต็มจิตใจให้เต็มเปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจได้ ปีนี้ผมไปเที่ยวทะเลกับเพื่อนมา สนุกมาก ได้แรงบันดาลใจในการเขียนบทความเพียบเลย

  • ทำสิ่งที่ชอบ: นี่คือหัวใจสำคัญ! หากคุณชอบเล่นเกม ก็จงเล่น! ชอบวาดรูป ก็จงวาด! อย่าทิ้งความชอบไป เพราะมันคือแหล่งพลังงาน และแรงบันดาลใจที่แท้จริง ยิ่งทำสิ่งที่ชอบบ่อยๆ ยิ่งรู้สึกมีความสุข ยิ่งมีความสุขก็ยิ่งมีแรงบันดาลใจ มันเป็นวงจรที่สวยงาม

  • ไปสถานที่ที่เป็นแรงบันดาลใจ: ปีนี้ผมไปพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยมา ได้แรงบันดาลใจในการออกแบบโลโก้ใหม่ ลองหาสถานที่ที่คุณคิดว่าจะสร้างแรงบันดาลใจได้ แล้วไปเลย! ธรรมชาติ พิพิธภัณฑ์ หรือแม้แต่ร้านกาแฟเก๋ๆ ก็ได้ สิ่งสำคัญคือต้องไปให้ถึง!

เห็นไหมล่ะ ไม่ยากเลย แค่เริ่มทำ แล้วคุณจะพบว่าแรงบันดาลใจมันอยู่รอบตัวคุณเสมอ เหมือนมดที่เดินอยู่บนพื้น เยอะแยะไปหมด!

เทคนิคการสร้างแรงจูงใจมีอะไรบ้าง

เออ เทคนิคสร้างแรงจูงใจเนี่ยนะ คิดแล้วปวดหัวเลยเมื่อวานคุยกับน้องที่ทำงาน น้องมันบอกว่าเบื่อๆ งานไง ไม่รู้จะทำไงต่อดี เลยนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาพอดีเลย

  • ให้คำชมบ่อยๆ อันนี้เราทำบ่อยนะ ชมน้องในทีมเวลาทำงานดีๆ รู้สึกว่าเค้าจะมีกำลังใจขึ้นเยอะเลย
  • ให้โบนัสสิ้นปี ปีนี้เราได้โบนัสน้อยกว่าปีก่อน เซ็งเลย แต่อย่างน้อยก็ยังได้
  • จัด outing บ้าง อยากไปเที่ยวญี่ปุ่นมาก ไม่รู้บริษัทจะพาไปเมื่อไหร่ ถ้าพาไปนี่มีแรงฮึดทำงานยาวๆ เลยนะ
  • เลี้ยงข้าว เมื่อวันก่อนพี่หัวหน้าเลี้ยงชาบู ดีใจสุดๆ อิ่ม อร่อย มีแรงทำงานต่อ อิอิ
  • ปรับตำแหน่ง เราเพิ่งได้ปรับตำแหน่งเมื่อต้นปี รู้สึกดีมากเลยนะ เหมือนได้รับการยอมรับ
  • ให้โอกาสเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยากไปเรียนคอร์ส AI มาก ไม่รู้บริษัทจะsupport ไหม
  • วันหยุดเพิ่ม ได้หยุดยาวๆ นี่มันดีต่อใจสุดๆ ไปเลย
  • สวัสดิการดีๆ ประกันสุขภาพนี่สำคัญมากเลย เราเคลมประกันไปเมื่อเดือนที่แล้ว ดีที่บริษัทมีให้
  • สร้างบรรยากาศการทำงานที่ดี บางทีก็อยากให้ที่ทำงานมีต้นไม้เยอะๆ รู้สึกสดชื่นดี
  • เปิดเพลงคลอเบาๆ บางทีก็อยากทำงานไปฟังเพลงไปด้วย แต่บางทีก็ต้องใช้สมาธิ แล้วแต่สถานการณ์
  • จัดโต๊ะทำงานใหม่ อยากได้โต๊ะแบบยืนทำงานบ้าง นั่งนานๆ ปวดหลัง
  • มีขนม/เครื่องดื่มให้ฟรี กาแฟฟรีนี่สำคัญมาก ช่วยชีวิตตอนเช้าสุดๆ
  • จัดกิจกรรมสันทนาการ เล่นเกมบ้างก็ดีนะ ผ่อนคลายดี
  • ให้ feedback บ่อยๆ การได้รับfeedback ช่วยให้เรารู้ว่าต้องปรับปรุงตรงไหน
  • มีอิสระในการทำงาน บางงานก็อยากทำแบบอิสระ ไม่ต้องมีคนมาคุม
  • ให้พนักงานมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ บางเรื่องก็อยากให้พนักงานมีส่วนร่วมในการตัดสินใจบ้าง
  • สนับสนุนความคิดสร้างสรรค์ เราชอบคิดอะไรใหม่ๆ แต่บางทีก็ไม่กล้าเสนอ
  • ให้รางวัลพนักงานดีเด่น ถ้าได้เป็นพนักงานดีเด่นนี่คงดี
  • จัดอบรมพัฒนาตัวเอง อยากไปอบรมพวกskill ใหม่ๆ บ้าง
  • มอบหมายงานที่ท้าทาย เราชอบทำงานที่ท้าทายนะ รู้สึกสนุกดี

นี่ก็คิดออกแค่นี้แหละ เยอะแยะไปหมดเลยเนอะ บางอันเราก็เคยได้รับ บางอันก็ยังไม่เคย แต่ถ้าได้ทั้งหมดนี่คงดี ทำงานอย่างมีความสุขเลยล่ะ

วิธีสร้างแรงจูงใจในการทำงานให้ตั้งใจทำงานมากขึ้นมีอะไรบ้าง

แรงจูงใจคือกุญแจสำคัญ ไม่ใช่แค่เงิน

  • ผลตอบแทนที่คุ้มค่า: ปีนี้ บริษัทปรับโครงสร้างโบนัส เน้นผลลัพธ์ ไม่ใช่แค่ตำแหน่ง
  • สภาพแวดล้อม: ที่ทำงานสะอาด มีสมาธิ ไม่ใช่แค่สวยงาม
  • พัฒนาศักยภาพ: อบรมเฉพาะด้าน ตรงความต้องการ ไม่ใช่แค่หลักสูตรทั่วไป
  • การยอมรับ: ชื่นชมผลงานดี ไม่ใช่แค่คำพูดสวยหรู
  • ความไว้วางใจ: มอบหมายงานที่ท้าทาย ไม่ใช่แค่สั่งการ
  • เวลาส่วนตัว: การทำงานสมดุล ไม่ใช่แค่ทำงานหนัก

ชีวิตคือการลงทุน ลงทุนในตัวเอง ผลตอบแทนจึงคุ้มค่า ความสำเร็จไม่ได้วัดจากความเหนื่อยล้า แต่เป็นความพึงพอใจ ปีนี้ฉันได้ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานขึ้น 15% ด้วยวิธีการเหล่านี้

ทฤษฎีการจูงใจมีกี่ทฤษฎี

อื้อหือ เยอะไปป่ะ ทฤษฎีจูงใจเนี่ย คิดแล้วปวดหัว!

  • เอาแค่แบ่งเป็น Content กับ Process ก่อนละกัน ง่ายดี ไม่งั้นมึนแน่ๆ

  • Content เนี่ย ก็เน้นความต้องการในใจคนไง แบบ Maslow นั่นแหละ ปีนี้ยังใช้กันอยู่ ฮิตตลอดกาล จำได้ตอนเรียน แทบจะขำ รูปสามเหลี่ยมนั่น แต่ก็จริงอยู่นะ ใครๆ ก็อยากได้ความรัก ความมั่นคง

  • Process นี่ซับซ้อนกว่า คิดเยอะกว่า ต้องวิเคราะห์ ตัดสินใจ เลือกพฤติกรรม ให้ได้เป้าหมาย แบบ Expectancy theory หรือ Goal-setting theory อะไรพวกนั้น สมัยเรียน ผมเกลียดทฤษฎีพวกนี้ที่สุดเลย อ่านไม่รู้เรื่อง แต่ตอนนี้ กลับเข้าใจง่ายขึ้นนะ เพราะได้ลองใช้ในชีวิตจริง ตอนทำงานโปรเจคใหญ่ๆ นี่แหละ ต้องใช้กลยุทธ์จูงใจคน ให้ทำงานเป็นทีม

  • แต่จริงๆ มันมากกว่าสองกลุ่มนี้ เยอะแยะมากมาย จำไม่ได้หมดหรอก สมัยเรียนหนักมาก อ่านจนตาแฉะ เหนื่อย ถ้าจะให้จำหมด คงต้องกลับไปอ่านตำราอีก แต่คงไม่ทำหรอก ขี้เกียจ

  • อ้อ ลืมไป ยังมีทฤษฎีอื่นๆ อีกนะ เช่น Reinforcement theory Equity theory Self-determination theory แต่ไม่ขอลงรายละเอียดละกัน ยาวไป ไม่อยากเขียนต่อแล้ว เหนื่อย

  • ปีนี้ ผมสนใจ Self-determination theory เป็นพิเศษนะ เพราะมันเกี่ยวกับความอิสระ และความสามารถในการควบคุมชีวิตตัวเอง ตรงกับความคิดผมเลย อยากมีอิสระ ไม่อยากถูกบังคับ อยากทำในสิ่งที่ชอบ

เหนื่อยแล้ว พอแค่นี้ก่อนละกัน เดี๋ยวค่อยมาต่อ วันหลัง

ทฤษฎีในการจูงใจมีทฤษฎีอะไรบ้าง

โอเค งั้นมาคุยกันเรื่องจูงใจแบบขำๆ แต่ลึกซึ้งเนอะ เหมือนเวลาเราโดนแม่จูงใจให้กินผักไง ฮ่าๆ (แต่จริงๆ คือลึกซึ้งนะ!) หลักๆ แล้วแบ่งเป็น 3 ก๊กใหญ่ๆ เหมือนสามก๊กเลย แต่ไม่ต้องตีกันนะ:

  • ก๊กเนื้อหา (Content theories): อันนี้คือหาว่าอะไรเป็นเชื้อเพลิงในใจ แบบอยากได้เงินเดือนเยอะๆ อยากมีอำนาจ อยากเป็นที่ยอมรับ อยากมีแฟนสวยๆ หล่อๆ อะไรแบบนี้ (ส่วนตัวผมขอแค่หมาปั๊กตัวนึงก็พอแล้ว ฮ่าๆ) คล้ายๆ กับการถามว่า “อยากกินอะไรวะเนี่ย?”
  • ก๊กกระบวนการ (Process Theories): อันนี้เน้นว่าความอยากมันทำงานยังไง คิดวิเคราะห์ยังไงถึงเกิดแรงจูงใจ เช่น ตั้งเป้าหมาย คาดหวังผลลัพธ์ ประเมินความยุติธรรม เหมือนตอนคิดว่า “กินพิซซ่าดีมั้ยนะ…แต่อ้วนแน่เลย เอ๊ะ..แต่ก็อยากกินนี่นา” อะไรแบบนี้ เป็นกระบวนการทางความคิดอันซับซ้อน (จริงๆ ก็แค่อยากกินเฉยๆ นั่นแหละ)
  • ก๊กเสริมแรง (Reinforcement Theory): อันนี้คือจูงใจด้วยของรางวัลและการลงโทษ เหมือนฝึกหมา ให้ขนมก็ทำตาม ตีก็ไม่ทำ (แต่กับคนอาจจะซับซ้อนกว่านั้นหน่อย อย่าเผลอไปตีเจ้านายเข้าล่ะ) ผมชอบอันนี้ ได้ของฟรีด้วย!

เอาจริงๆ นะ ทฤษฎีพวกนี้มันเหมือนกับเครื่องมือวิเศษที่เราใช้ได้ทั้งกับตัวเอง และคนรอบข้าง ลองคิดดูสิ ถ้ารู้ว่าอะไรจูงใจลูกน้องได้ งานก็จะเดินฉิว ถ้ารู้ว่าอะไรจูงใจแฟนได้ ชีวิตก็จะราบรื่น (ส่วนตัวผมใช้หนมจีบกับแฟนได้ผลตลอด ฮ่าๆ)

เพิ่มเติม:

  • ปี 2024: ทฤษฎีพวกนี้ยังใช้ได้อยู่นะ ไม่ตกยุคหรอก เหมือนกางเกงยีนส์ไง ใส่ได้ตลอดกาล
  • ตัวอย่าง Content Theories: Maslow’s Hierarchy of Needs, Herzberg’s Two-Factor Theory, McClelland’s Acquired Needs Theory
  • ตัวอย่าง Process Theories: Expectancy Theory, Equity Theory, Goal-Setting Theory
  • ตัวอย่าง Reinforcement Theory: Positive Reinforcement, Negative Reinforcement, Punishment

หวังว่าจะช่วยให้เข้าใจเรื่องจูงใจมากขึ้นนะ! (ถึงจะขำๆ ไปบ้าง แต่ก็จริงจังอยู่นะ)

Intrinsic motivation กับ Extrinsic Motivation มีความแตกต่างกันอย่างไร

อืม… คิดหนักเหมือนกันนะ กลางดึกแบบนี้

จริงๆแล้วมันต่างกันตรงจุดประสงค์อ่ะเนอะ อย่าง Extrinsic มันคือการทำอะไรสักอย่างเพราะหวังผลตอบแทน แบบได้รางวัล ได้เงิน หรือได้คำชม มันมาจากภายนอกตัวเราเลย

ส่วน Intrinsic มันคือความสุขที่ได้จากการทำสิ่งนั้นๆ จริงๆ ไม่ใช่เพราะผลตอบแทนอะไร อย่างที่ยกตัวอย่างมา เล่นกีฬาเพราะชอบ ใช่ไหมล่ะ คือมีความสุขกับมันจริงๆ

คิดไปคิดมา… ตอนนี้ฉันก็กำลังสับสนอยู่เหมือนกัน ฉันทำงานหนักมากช่วงนี้ เพราะอยากได้โบนัสปีนี้ เป็น Extrinsic ชัดๆ เลย แต่บางทีก็รู้สึกเหนื่อย ใจมันไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไหร่ อยากพัก อยากทำอะไรที่ชอบบ้าง อย่างวาดรูป นั่นคือ Intrinsic ของฉัน

  • Extrinsic Motivation: แรงจูงใจภายนอก เช่น เงิน รางวัล คำชม เพื่อผลประโยชน์ ความกดดันจากภายนอก

  • Intrinsic Motivation: แรงจูงใจภายใน มาจากความสุข ความพึงพอใจ ความสนใจ ความสนุก ที่ได้จากการทำกิจกรรมนั้นๆ

ปีนี้โบนัสไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เลยรู้สึกแย่ๆ แต่ก็ได้ไปเที่ยวทะเลกับเพื่อนมา นั่นแหละ ทำให้รู้สึกดีขึ้นบ้าง อย่างน้อยก็มี Intrinsic Motivation บ้าง ฮือ… เหนื่อยจัง

#วิธีการ #เทคนิค #แรงจูงใจ