ตับอักเสบมีอาการยังไง

13 การดู
อาการของตับอักเสบอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล บางรายอาจไม่มีอาการแสดง ในขณะที่บางรายอาจมีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยล้า คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ปวดท้องบริเวณด้านขวาบน ปัสสาวะสีเข้ม อุจจาระสีซีด และมีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง (ดีซ่าน) หากมีอาการดังกล่าว ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม
ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

สัญญาณเตือนภัยเงียบ: ทำความรู้จักกับอาการของตับอักเสบที่คุณอาจมองข้าม

ตับอักเสบ เป็นภาวะอักเสบของตับ ซึ่งอาจเกิดจากสาเหตุหลายประการ เช่น การติดเชื้อไวรัส (เช่น ไวรัสตับอักเสบ A, B, C), การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป, ยาบางชนิด, โรคภูมิต้านทานตนเอง, และภาวะทางพันธุกรรม ความร้ายกาจของโรคตับอักเสบอยู่ที่การแสดงอาการที่หลากหลายและบางครั้งก็ไม่มีอาการใดๆ เลยในระยะเริ่มต้น ทำให้ผู้ป่วยจำนวนมากไม่รู้ตัวว่ากำลังเผชิญกับภัยเงียบที่กำลังคุกคามสุขภาพอย่างร้ายแรง การเข้าใจถึงอาการของตับอักเสบจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อการรักษาที่ทันท่วงทีและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจรุนแรงถึงชีวิต

หนึ่งในความท้าทายในการวินิจฉัยตับอักเสบคืออาการที่ไม่จำเพาะเจาะจง บางคนอาจไม่มีอาการใดๆ เลยในช่วงแรกของการติดเชื้อหรือการเกิดโรค ทำให้โรคดำเนินไปอย่างเงียบๆ และสร้างความเสียหายให้กับตับโดยที่ผู้ป่วยไม่ทันรู้ตัว ในบางราย อาการอาจคล้ายกับไข้หวัดทั่วไป เช่น อ่อนเพลีย เหนื่อยล้า ซึ่งเป็นอาการที่มักถูกมองข้ามไป ความเหนื่อยล้านี้อาจเกิดจากการที่ตับทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ทำให้ร่างกายขาดพลังงาน นอกจากนี้ อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ร่วมด้วย ซึ่งอาจเกิดจากการที่ตับไม่สามารถกำจัดสารพิษออกจากร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้เกิดการสะสมของสารพิษและกระตุ้นให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน

อาการที่บ่งชี้ถึงปัญหาตับที่ชัดเจนขึ้น คือ อาการปวดท้องบริเวณด้านขวาบน ซึ่งเป็นตำแหน่งของตับ อาการปวดอาจมีลักษณะตื้อๆ หรือปวดแบบเสียดแทง ความรุนแรงของอาการปวดอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล บางรายอาจมีอาการปวดเล็กน้อย ในขณะที่บางรายอาจมีอาการปวดอย่างรุนแรง นอกจากนี้ ผู้ป่วยอาจมีอาการเบื่ออาหาร น้ำหนักลด ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ตับทำงานผิดปกติ ร่างกายจึงไม่สามารถดูดซึมสารอาหารได้อย่างเต็มที่

สัญญาณเตือนที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือการเปลี่ยนแปลงของสีปัสสาวะและอุจจาระ ปัสสาวะอาจมีสีเข้มขึ้นคล้ายสีน้ำชา ส่วนอุจจาระอาจมีสีซีดจางลง การเปลี่ยนแปลงของสีเหล่านี้เกิดจากการที่ตับไม่สามารถขับสารบิลิรูบิน (bilirubin) ซึ่งเป็นของเสียที่เกิดจากการสลายตัวของเม็ดเลือดแดง ออกจากร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้บิลิรูบินสะสมในร่างกายและขับออกมาทางปัสสาวะ ส่วนอุจจาระที่ซีดลงเกิดจากการขาดบิลิรูบินที่ปกติจะถูกขับออกมาทางอุจจาระ

อาการที่เด่นชัดที่สุดของตับอักเสบคืออาการตัวเหลือง ตาเหลือง หรือที่เรียกว่า ดีซ่าน (Jaundice) อาการนี้เกิดจากการที่บิลิรูบินสะสมในร่างกายในปริมาณมาก ทำให้ผิวหนังและตาขาวเปลี่ยนเป็นสีเหลือง หากพบอาการตัวเหลือง ตาเหลือง ควรรีบไปพบแพทย์โดยทันที เนื่องจากเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตับกำลังทำงานผิดปกติอย่างรุนแรง

เนื่องจากอาการของตับอักเสบมีความหลากหลายและอาจซับซ้อน การวินิจฉัยโรคจึงต้องอาศัยการตรวจร่างกายอย่างละเอียด รวมถึงการตรวจเลือดเพื่อประเมินการทำงานของตับ การตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบ และการตรวจอื่นๆ ตามความเหมาะสม หากสงสัยว่าตนเองหรือคนใกล้ชิดมีอาการของตับอักเสบ ไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง การรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้นจะช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น ตับแข็ง มะเร็งตับ และภาวะตับวาย ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้