ทําไมหวัดถึงไม่หายสักที

11 การดู

เป็นหวัดเรื้อรังนานเกินสัปดาห์ อาจไม่ใช่แค่หวัดธรรมดา! อาการคัดจมูก น้ำมูกไหลลงคอ ปวดตึงใบหน้า หรือรับกลิ่นได้น้อยลง อาจบ่งชี้ถึงไซนัสอักเสบ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

หวัดไม่หายสักที…หรือเป็นมากกว่านั้น? ทำความเข้าใจอาการเรื้อรังและสัญญาณเตือนภัยไซนัสอักเสบ

หลายคนคงเคยประสบกับอาการหวัดคัดจมูก น้ำมูกไหล ที่ดูเหมือนจะไม่หายขาดสักที กินยาแล้วก็ดีขึ้นแป๊บเดียว แล้วอาการเดิมๆ ก็กลับมาวนเวียนซ้ำๆ อยู่แบบนั้น จนเริ่มสงสัยว่า นี่เราเป็นอะไรกันแน่? ทำไมหวัดครั้งนี้ถึงยาวนานผิดปกติ?

อาการหวัดทั่วไป มักมีระยะเวลาประมาณ 7-10 วัน ร่างกายจะค่อยๆ สร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาต่อสู้กับเชื้อไวรัส และอาการต่างๆ จะค่อยๆ ดีขึ้นจนหายไปในที่สุด แต่หากอาการหวัดของคุณลากยาวนานเกินกว่าหนึ่งสัปดาห์ แถมยังมีอาการบางอย่างที่บ่งชี้ถึงความผิดปกติอื่นร่วมด้วย ก็อาจถึงเวลาที่ต้องพิจารณาแล้วว่า ปัญหาที่แท้จริงอาจไม่ใช่แค่หวัดธรรมดาๆ อีกต่อไป

เมื่อไหร่ที่ต้องเริ่มสังเกตอาการและสงสัยว่าอาจเป็นมากกว่าหวัด:

  • อาการหวัดยาวนานเกิน 10 วัน: หากอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล ไอ ยังไม่ดีขึ้นหลังจากผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ หรือกลับมาเป็นซ้ำๆ หลังจากอาการดีขึ้นแล้ว
  • น้ำมูกเปลี่ยนสี: จากน้ำมูกใส กลายเป็นสีเหลืองข้น หรือสีเขียว
  • อาการปวดตึงบริเวณใบหน้า: โดยเฉพาะบริเวณหน้าผาก โหนกแก้ม หรือรอบดวงตา
  • ปวดศีรษะรุนแรง: ที่ไม่ตอบสนองต่อยาแก้ปวดทั่วไป
  • รับกลิ่นได้น้อยลง หรือไม่ได้กลิ่นเลย: แม้ว่าอาการคัดจมูกจะบรรเทาลงแล้ว
  • มีอาการเจ็บคอเรื้อรัง: อาจเกิดจากน้ำมูกไหลลงคอ (Postnasal Drip)
  • มีไข้สูง: โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากไข้ขึ้นๆ ลงๆ เป็นเวลานาน

หากคุณมีอาการเหล่านี้ร่วมด้วย อาการหวัดที่ไม่หายสักที อาจเป็นสัญญาณเตือนของ ไซนัสอักเสบ ซึ่งเป็นภาวะที่เยื่อบุโพรงไซนัสเกิดการอักเสบและติดเชื้อ ทำให้เกิดอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล ปวดตึงบริเวณใบหน้า และอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม

ไซนัสอักเสบคืออะไร?

ไซนัสคือโพรงอากาศเล็กๆ ที่อยู่รอบจมูกและดวงตา มีหน้าที่ผลิตเมือกเพื่อช่วยดักจับสิ่งสกปรกและเชื้อโรค หากโพรงไซนัสเกิดการอักเสบ อาจเนื่องมาจากการติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย หรือเชื้อรา หรืออาจเกิดจากภาวะภูมิแพ้ ก็จะทำให้เกิดอาการต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น

ทำไมต้องรีบปรึกษาแพทย์?

การปล่อยให้อาการไซนัสอักเสบเรื้อรัง โดยไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงขึ้นได้ เช่น การติดเชื้อลุกลามไปยังกระดูกเบ้าตา หรือสมอง ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

สิ่งที่คุณควรทำเมื่อสงสัยว่าอาจเป็นไซนัสอักเสบ:

  • ปรึกษาแพทย์: เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยที่ถูกต้อง และรับการรักษาที่เหมาะสม
  • หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้: หากคุณมีอาการภูมิแพ้ ควรหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ที่คุณแพ้ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดไซนัสอักเสบ
  • พักผ่อนให้เพียงพอ: การพักผ่อนที่เพียงพอจะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
  • ดื่มน้ำมากๆ: เพื่อช่วยให้เมือกในโพรงไซนัสเหลวตัว และระบายออกได้ง่ายขึ้น
  • ล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ: การล้างจมูกจะช่วยชะล้างสิ่งสกปรกและเชื้อโรคออกจากโพรงจมูก

สรุป:

อย่าละเลยอาการหวัดที่ไม่หายสักที เพราะมันอาจเป็นสัญญาณเตือนของภาวะไซนัสอักเสบ หากคุณมีอาการที่น่าสงสัย ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น และกลับมามีสุขภาพที่ดีได้อีกครั้ง