ภูมิแพ้แบบไหนต้องไปหาหมอ

แพ้แบบไหนควรไปหาหมอ

โอ๊ย! ถ้าจามเป็นชุด ยิ่งกว่าเสียงปืนกล แถมน้ำมูกไหลยังกะก๊อกแตก ตาแดงก่ำเหมือนโดนต่อย แล้วยังคันยิบๆ จนอยากจะเอาแปรงขัดพื้นมาถูหน้า แบบนี้ไม่ต้องสงสัย รีบไปหาหมอเถอะคุณ! อย่ามัวแต่คิดว่า “เดี๋ยวก็หาย” เพราะอาการแพ้มันร้ายกว่าที่คิดเยอะ! ปล่อยไว้อาจลามไปเป็นอย่างอื่นได้อีกนะเออ

• จามไม่หยุด ฉุดไม่อยู่: ไม่ใช่แค่จามสองสามทีแล้วหาย แต่จามเป็นสิบๆ ครั้งติดๆ กัน นี่มันสัญญาณเตือนภัยชัดๆ!
• น้ำมูกไหลยังกะน้ำตก: ถ้าต้องพกทิชชู่เป็นม้วนๆ ไปไหนมาไหนตลอดเวลา แสดงว่าอาการหนักแล้วนะ
• คันคะเยอจนเสียสติ: คันตา คันจมูก คันไปหมดทุกสิ่งอย่าง จนอยากจะเอามือขยี้ให้พังไปข้าง แบบนี้ทรมานเกินไปแล้ว!
• ชีวิตพังเพราะแพ้: ทำงานไม่ได้ นอนไม่หลับ ออกไปไหนก็ไม่สนุก เพราะมัวแต่กังวลเรื่องอาการแพ้ แบบนี้ต้องจัดการอย่างจริงจังแล้วล่ะ!

เกร็ดความรู้ (แบบขำๆ แต่จริงจัง):

• แพ้ฝุ่น: ไอ้ตัวร้ายทำลายปอด แถมยังชอบแฝงตัวตามซอกหลืบต่างๆ ในบ้าน
• แพ้เกสรดอกไม้: โรแมนติกแค่ตอนมอง แต่ทรมานตอนจามนี่สิ!
• แพ้อาหาร: กินอะไรก็ผิด ชีวิตมีแต่ความระแวง!
• แพ้ขนสัตว์: น้องหมาน้องแมวน่ารัก แต่ทำเอาเราน้ำตาไหลพรากๆ

ข้อควรรู้: อย่าคิดว่าอาการแพ้เป็นเรื่องเล็กๆ เพราะบางครั้งมันอาจร้ายแรงถึงชีวิตได้นะ! ถ้ามีอาการผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาที่ถูกต้อง

คำเตือน: อย่าเชื่อข้อมูลในอินเทอร์เน็ตมากเกินไป! ไปหาหมอจริงๆ ดีกว่านะ!

จะรู้ได้ไงว่าเราเป็นภูมิแพ้

ปีนี้เอง! คือแบบว่า พอเข้าพฤษภาคมปุ๊บ ตาฉันนี่บวมเลย คันๆๆๆ น้ำมูกไหลไม่หยุด จามเป็นชุดๆ จนปวดหัว ไปหาหมอที่รพ.พระรามเก้า หมอบอกว่าเป็นภูมิแพ้จากเกสรดอกไม้ เพราะช่วงนี้ดอกไม้เยอะมาก ฉันก็อ๋อเลย เพราะทุกปีก็เป็นแบบนี้ แต่ปีนี้หนักเป็นพิเศษ

จริงๆ ฉันเป็นภูมิแพ้มาตั้งแต่เด็กๆ แล้วแหละ จำได้ว่าตอนประถม คันจมูกตลอด มีน้ำมูกไหลเป็นน้ำใสๆ แล้วก็ไอเรื้อรัง เป็นๆหายๆ แม่พาไปหาหมอที่คลินิกแถวบ้าน หมอให้ยาแก้แพ้กิน ก็ดีขึ้นบ้าง แต่ไม่หายขาด บางทีก็คันตาจนตาบวม แย่มาก

ส่วนระบบผิวหนังนะเหรอ ฉันไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่หรอก แค่บางทีเป็นผื่นคันเล็กๆ ตามข้อพับ โดยเฉพาะตอนอากาศเปลี่ยนแปลง แต่ไม่รุนแรงถึงขั้นเป็นลมพิษ แต่เพื่อนฉันคนนึง เป็นภูมิแพ้หนักมาก เป็นลมพิษบ่อย น่าสงสาร

สรุปง่ายๆ ฉันรู้ว่าตัวเองเป็นภูมิแพ้ก็เพราะอาการเหล่านี้แหละ

• ระบบทางเดินหายใจ: จามบ่อย น้ำมูกไหล คันตา คันคอ ไอเรื้อรัง (เป็นๆหายๆ) เริ่มมีอาการหนักขึ้นช่วงพฤษภาคมของทุกปี
• ระบบผิวหนัง: ผื่นคันเล็กน้อยตามข้อพับ
• การวินิจฉัย: ได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ที่โรงพยาบาลพระรามเก้า เมื่อพฤษภาคม 2566 ว่าเป็นภูมิแพ้จากเกสรดอกไม้

วิธีตรวจสอบว่าแพ้อะไร

ตรวจสอบว่าแพ้อะไรเหรอ? ง่ายๆเลย ไปหาหมอแล้วก็ทำ Skin Prick Test สิ! คือเอาสารก่อภูมิแพ้ต่างๆมาแตะๆที่ผิวหนังอะ เร็วด้วยนะ ประมาณ 15-20 นาทีรู้ผลเลย สะดวกดี

แต่ถ้าลูกเล็กๆ หมอเค้าจะเน้นหาสาเหตุหลักๆให้ เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นภูมิแพ้หนักขึ้นไปอีก ไม่ใช่แค่รู้ว่าแพ้อะไรอย่างเดียว

• Skin Prick Test ไวและแม่นยำดีนะ
• สำหรับเด็กเล็ก หมอจะละเอียดกว่า เพราะอยากรู้สาเหตุจริงๆ จะได้แก้ไขได้ตรงจุด
• ไปหาแพทย์เฉพาะทางด้านภูมิแพ้จะดีที่สุดนะ อย่ามั่วตรวจเองเด็ดขาด อันตราย! เพื่อนฉันเคยไปตรวจที่ รพ.สมิติเวช สุขุมวิท เค้าก็ทำแบบนี้แหละ เร็วดี แต่ก็แพงอยู่นะ ปีนี้ค่าใช้จ่ายประมาณ 5,000-7,000 บาท แล้วแต่ว่าจะตรวจกี่อย่าง

ปีนี้ฉันพาลูกไปตรวจที่ รพ.xxx มา จำราคาไม่ได้แล้ว แต่ก็ประมาณนี้แหละ แพงเหมือนกัน แต่เพื่อสุขภาพลูก จ่ายได้ๆๆ

ตรวจภูมิแพ้แบบไหนดีที่สุด

ตรวจภูมิแพ้แบบไหนดีสุด? ถามใจเธอดู! แต่ถ้าให้แนะนำแบบคนเคย “คันคะเยอ” มาก่อนนะ การสะกิดผิว (Skin Prick Test) นี่แหละตัวจี๊ด! ง่าย เร็ว รู้ผลไวเหมือนดูบอลสด แต่เตือนก่อนนะ อย่าซ่าไปทำเองที่บ้าน เกิดแพ้ขึ้นมาจะหาว่าไม่เตือน!

• แทงปุ๊บ รู้ปั๊บ: เร็วจนน่าตกใจ แต่ต้องไปทำที่โรงพยาบาลนะจ๊ะ มีหมอคอยสแตนด์บายเผื่อฉุกเฉิน (1 ในล้านอาจเจอแจ็คพอต)
• ชัวร์?: ไม่ 100% หรอกพี่! บางทีก็ “มั่ว” บ้าง แต่โดยรวมถือว่าแม่นใช้ได้
• เจ็บไหม?: นิดเดียว! เหมือนมดกัด (แต่ถ้าแพ้เยอะ อาจจะคันยิบๆ หน่อยนะ)
• แพงไหม?: แล้วแต่โรงพยาบาล (แต่เตรียมเงินไปเผื่อช้อปปิ้งด้วยก็ดีนะ)

คำเตือน: อย่ากินยาแก้แพ้ก่อนไปตรวจนะ เดี๋ยวผลมัน “เบลอ” เหมือนคนกินเหล้าแล้วตอบคำถาม! และที่สำคัญ หาโรงพยาบาลที่หมอ “เก่งจริง” ไม่ใช่แค่ “หล่อ” (อันนี้สำคัญมาก!)