ทำไมกินโกโก้แล้วมึนหัว

10 การดู

การดื่มโกโก้ปริมาณมากอาจส่งผลให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ เนื่องจากโกโก้ประกอบด้วยสารทีโอโบรมีน ซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาท ผู้ที่มีความไวต่อสารนี้ อาจพบอาการคลื่นไส้ ปวดหัว หรือรู้สึกอ่อนเพลีย ควรรับประทานโกโก้ในปริมาณที่พอเหมาะเพื่อหลีกเลี่ยงอาการเหล่านี้

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

โกโก้รสเลิศ…แต่ทำไมถึงมึนหัว? ไขปริศนาความสัมพันธ์ระหว่างโกโก้และอาการไม่พึงประสงค์

กลิ่นหอมกรุ่นชวนดื่มด่ำของโกโก้ร้อนๆ เป็นที่ชื่นชอบของใครหลายคน ไม่ว่าจะดื่มเพลินๆ ในยามเย็นหรือเป็นส่วนหนึ่งของขนมหวาน แต่ทว่า บางครั้งการดื่มโกโก้กลับนำมาซึ่งอาการไม่พึงประสงค์อย่างมึนหัว หรืออาการอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกัน เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น? บทความนี้จะพาไปไขความลับเบื้องหลังความสัมพันธ์ระหว่างโกโก้และอาการมึนหัว

คำตอบไม่ได้อยู่ที่ปริมาณน้ำตาลหรือส่วนผสมอื่นๆ ในโกโก้เสมอไป แต่อยู่ที่สารสำคัญชนิดหนึ่งที่พบในเมล็ดโกโก้ นั่นคือ ทีโอโบรมีน (Theobromine) สารนี้เป็นสารอัลคาลอยด์ มีโครงสร้างทางเคมีคล้ายกับคาเฟอีน แต่มีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทที่อ่อนกว่า ทีโอโบรมีนมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นระบบหัวใจและหลอดเลือด ขยายหลอดเลือด และมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ซึ่งอาจส่งผลต่อระบบประสาทส่วนกลางของบางบุคคลได้

สำหรับผู้ที่ไวต่อทีโอโบรมีน การบริโภคโกโก้ในปริมาณมาก หรือแม้กระทั่งปริมาณปานกลาง อาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ต่างๆ ได้ อาการเหล่านี้แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่ส่วนใหญ่ประกอบด้วย:

  • มึนหัว: อาจเป็นอาการปวดศีรษะแบบตุ๊บๆ หรือรู้สึกหนักศีรษะ
  • คลื่นไส้และอาเจียน: เกิดจากการที่ทีโอโบรมีนไปกระตุ้นระบบทางเดินอาหาร
  • ใจสั่นหรือหัวใจเต้นเร็ว: เนื่องจากฤทธิ์กระตุ้นระบบหัวใจและหลอดเลือด
  • นอนไม่หลับ: เนื่องจากทีโอโบรมีนมีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาท
  • ความดันโลหิตสูงขึ้น: แม้ว่าจะไม่รุนแรงในผู้ที่มีสุขภาพดี แต่ผู้ที่มีโรคความดันโลหิตสูงอยู่แล้วควรระมัดระวัง
  • ความวิตกกังวล: ในบางราย อาจรู้สึกกระสับกระส่าย วิตกกังวลมากขึ้น

นอกจากทีโอโบรมีนแล้ว สารประกอบอื่นๆ ในโกโก้ เช่น คาเฟอีน (ปริมาณน้อยกว่าในโกโก้เมื่อเทียบกับกาแฟ) และสารออกฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาอื่นๆ ก็อาจมีส่วนทำให้เกิดอาการเหล่านี้ได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ปริมาณของสารเหล่านี้ในโกโก้มักน้อยกว่าในกาแฟหรือชา จึงไม่ค่อยเป็นสาเหตุหลักของอาการมึนหัว

วิธีการหลีกเลี่ยงอาการมึนหัวจากโกโก้:

  • บริโภคในปริมาณที่เหมาะสม: เริ่มจากปริมาณน้อยๆ แล้วค่อยๆ เพิ่มขึ้นตามความต้องการ สังเกตอาการของร่างกายไปด้วย
  • เลือกโกโก้คุณภาพดี: โกโก้ที่ผ่านการแปรรูปน้อย อาจมีปริมาณทีโอโบรมีนน้อยกว่า แต่ควรตรวจสอบฉลากเพื่อความแน่ใจ
  • รับประทานพร้อมอาหาร: การรับประทานโกโก้พร้อมอาหารอาจช่วยลดการดูดซึมของทีโอโบรมีนได้
  • สังเกตอาการของตนเอง: หากพบว่ามีอาการไม่พึงประสงค์หลังดื่มโกโก้ ควรลดปริมาณการบริโภคหรือหยุดดื่มชั่วคราว

สุดท้ายนี้ การดื่มโกโก้เป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพ หากบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม แต่สำหรับผู้ที่ไวต่อทีโอโบรมีน ควรระมัดระวังและสังเกตอาการของตนเอง หากมีอาการไม่พึงประสงค์อย่างรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ

#คาเฟอีน #อาการแพ้ #โกโก้ มึนหัว