อาการเจ็บที่หางตาและตาบวมเกิดจากอะไรได้บ้าง

อาการเจ็บที่หางตาและตาบวม: สัญญาณเตือนจากร่างกายที่ไม่ควรมองข้าม

อาการเจ็บที่หางตาและตาบวม มักสร้างความรำคาญและส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน หลายคนอาจคิดว่าเกิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอหรือใช้งานดวงตามากเกินไป ซึ่งก็เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อย แต่ในบางกรณี อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่ จึงไม่ควรละเลยและควรเข้ารับการตรวจวินิจฉัยจากจักษุแพทย์ หากอาการไม่ดีขึ้นหรือรุนแรงขึ้น

สาเหตุของอาการเจ็บที่หางตาและตาบวม สามารถแบ่งออกได้เป็นหลายปัจจัย ดังนี้:

• ปัจจัยภายนอก:

  • การระคายเคือง: ฝุ่นละออง ควัน สารเคมี เครื่องสำอาง หรือแม้แต่ขนสัตว์เลี้ยง ล้วนเป็นสาเหตุของการระคายเคืองดวงตา นำไปสู่อาการเจ็บ คัน แดง และบวมได้
  • การติดเชื้อ: เช่น เยื่อบุตาอักเสบ ตากุ้งยิง หรือแม้แต่การติดเชื้อที่รุนแรงขึ้นอย่างเซลลูไลติสบริเวณรอบดวงตา ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างถูกต้องจากแพทย์
  • ภูมิแพ้: อาการแพ้ เช่น แพ้ละอองเกสรดอกไม้ ไรฝุ่น หรืออาหารบางชนิด อาจทำให้เกิดอาการบวมและคันบริเวณรอบดวงตา รวมถึงหางตา
  • การบาดเจ็บ: การกระแทก ถูกของมีคมบาด หรือการเสียดสีบริเวณดวงตา สามารถทำให้เกิดอาการบวม ช้ำ และเจ็บปวดได้
  • คอนแทคเลนส์: การใส่คอนแทคเลนส์ที่ไม่ถูกวิธี เช่น ใส่นานเกินไป ทำความสะอาดไม่ดี หรือใช้คอนแทคเลนส์ที่หมดอายุ อาจทำให้เกิดการระคายเคืองและติดเชื้อได้

• ปัจจัยภายใน:

  • โรคทางระบบ: บางโรคทางระบบ เช่น โรคไทรอยด์ โรคเกาต์ หรือโรคลูปัส อาจมีอาการแสดงออกทางดวงตาได้ เช่น ตาบวม เจ็บ และมองเห็นภาพซ้อน
  • ภาวะขาดน้ำ: การดื่มน้ำไม่เพียงพอ อาจทำให้ผิวหนังรอบดวงตาแห้ง และเกิดอาการบวมได้
  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน: เช่น ในช่วงมีประจำเดือน ตั้งครรภ์ หรือวัยหมดประจำเดือน อาจส่งผลต่อระดับฮอร์โมน ทำให้เกิดอาการบวมน้ำ รวมถึงบริเวณรอบดวงตา

การดูแลตนเองเบื้องต้น เช่น ประคบเย็น พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการขยี้ตา และใช้ยาหยอดตาตามคำแนะนำของเภสัชกร อาจช่วยบรรเทาอาการได้ อย่างไรก็ตาม หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน หรือมีอาการรุนแรงขึ้น เช่น ปวดรุนแรง มองเห็นภาพพร่ามัว หรือมีไข้ ควรปรึกษาจักษุแพทย์ทันที เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้

#ตาบวม #หางตา #อาการเจ็บ