อาการแบบไหนที่ต้องรีบไปหาหมอ

อาการแบบไหนควรไปหาหมอ

ไปหาหมอเหอะ! อย่ามัวแต่รอให้เป็นหนักกว่านี้ ชีวิตเรามันมีค่ากว่านั่งทนป่วยอยู่บ้าน ยิ่งอาการพวกนี้ มันไม่ใช่เล่นๆ นะ

• หายใจเร็ว หอบเหนื่อย หายใจเสียงดัง ไอเป็นเลือดหรือมีเสมหะปนเลือด: นี่มันอาการคนใกล้ตายชัดๆ! รีบไปหาหมอเลย เดี๋ยวจะไปนอนโรงพยาบาลเป็นเพื่อนผี ปีนี้เพื่อนผมไปตรวจปอดมา เจอเนื้องอก โชคดีตรวจเจอเร็ว ไม่งั้น… คิดแล้วขนลุก!

• เจ็บหน้าอกฉับพลัน เหงื่อออกมาก ใจสั่นคล้ายจะเป็นลม ปวดร้าวไปกรามหรือไหล่ซ้าย: นี่มันอาการหัวใจวายชัดๆ รีบโทรเรียกรถฉุกเฉินเลย! อย่ารอให้เป็นข่าวหน้าหนึ่ง เหมือนลุงข้างบ้านผม ปวดอกแป๊บเดียว จากไปเลย เศร้าเลย

• แขนขาอ่อนแรงหรือชาครึ่งซีกฉับพลัน: อันนี้ยิ่งอันตรายใหญ่ อาจจะเป็นอัมพาต! ไปหาหมอเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้าช้า จะกลายเป็นคนพิการไปเลยนะ เห็นเพื่อนผมเป็นอยู่ สงสารมากเลย

• ปวดศีรษะรุนแรง อาเจียนพุ่ง ปวดศีรษะตลอดเวลาทานยาไม่ดีขึ้น ปวดศีรษะจนต้องตื่นขึ้นมากลางดึก: อย่าประมาท! ปวดหัวขนาดนี้ เหมือนเอาค้อนทุบหัวเลย อาจจะเป็นโรคสมองนะเฟ้ย! ปีที่แล้วพี่สาวผมเป็นแบบนี้ ต้องผ่าตัด ตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้ว แต่ก็ต้องระวังอยู่ดี อย่ารอให้มันแย่กว่านี้ รีบไปหาหมอ

เอาเป็นว่า ถ้ามีอาการอะไรแปลกๆ อย่ามัวแต่คิดมาก ไปหาหมอตรวจดีกว่า เสียเงินน้อยกว่าเสียชีวิตนะจ๊ะ เชื่อผม! ชีวิตเรามีค่ากว่านั้นเยอะ

ป่วยแบบไหนควรไปหาหมอ

ไข้แบบไหนต้องซิ่งไปหาหมอวะเนี่ย? 🤔

• ไข้สูงปรี๊ด: เกิน 39 องศาเนี่ยตัวร้อนจี๋ ต้องเช็คด่วน! (วัดปรอทใต้รักแร้ไง!)
• ปวดหัวตุ้บๆ: ไม่ใช่ปวดธรรมดานะ ปวดแบบโลกจะแตกอ่ะ รีบไป!
• ผื่นขึ้น: มีผื่นแดงๆ ลมพิษ นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้ว
• คอแข็งโป๊ก: อันนี้โคตรอันตราย!
• ปวดท้อง+หลัง: ปวดแบบบิดไส้ อย่าทน!
• ฉี่เป็นเลือด: โอ้โห นี่มันอะไรเนี่ย!
• แพ้ยา/อาหาร: กินอะไรเข้าไปแล้วเป็นแบบนี้ ต้องแจ้งหมอด่วนๆ เลย

คือบางทีไข้หวัดธรรมดาก็กินยาพักผ่อนก็หาย แต่ถ้ามีอาการพวกนี้ อย่าชะล่าใจ เด็ดขาด! 🙅‍♀️

ป่วยขนาดไหนถึงควรไปหาหมอ

อาการแบบไหนที่ควรพบแพทย์? จริงๆ แล้วมันคือการฟังร่างกายตัวเองอย่างละเอียด การสังเกตสัญญาณเตือนเล็กๆ น้อยๆ ที่ร่างกายส่งมาให้เรา บางทีมันอาจจะไม่ใช่อาการป่วยที่ร้ายแรง แต่การรู้ทันและปรึกษาแพทย์ตั้งแต่เนิ่นๆ ก็เหมือนเป็นการป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

• ระบบหายใจมีปัญหา: หายใจหอบถี่จนผิดสังเกต, หายใจมีเสียงดังหวีด (wheezing), ไอมีเลือดปน หรือมีเสมหะสีผิดปกติ (เช่น สีเขียว, เหลืองจัด) อาการเหล่านี้บ่งบอกถึงความผิดปกติในระบบทางเดินหายใจ ไม่ควรปล่อยไว้นาน
• เจ็บหน้าอก: เจ็บแบบจู่โจม ร้าวไปตามแขนซ้าย กราม หรือหลังร่วมกับเหงื่อออกเยอะ ใจสั่น อาการแบบนี้อาจเป็นสัญญาณของโรคหัวใจขาดเลือด ควรไปโรงพยาบาลทันที
• อ่อนแรง: แขนขาอ่อนแรงครึ่งซีกแบบเฉียบพลัน, ชาตามร่างกาย (โดยเฉพาะครึ่งซีก) อาการเหล่านี้อาจบ่งชี้ถึงโรคหลอดเลือดสมองตีบ/แตก ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย
• ปวดหัวรุนแรง: ปวดหัวแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน, ปวดจนคลื่นไส้อาเจียนพุ่ง, ปวดหัวเรื้อรังที่ไม่ดีขึ้นหลังกินยา, ปวดหัวจนต้องตื่นกลางดึก อาการเหล่านี้อาจมีสาเหตุจากความผิดปกติในสมอง

เกร็ดเล็กน้อย:

• การฟังเสียงร่างกาย: บางครั้งอาการเล็กๆ น้อยๆ ที่เรามองข้าม (เช่น ท้องอืดบ่อยๆ, ผิวแห้งผิดปกติ) ก็อาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของปัญหาสุขภาพ การสังเกตตัวเองอย่างสม่ำเสมอจึงสำคัญมาก
• ความเชื่อใจในสัญชาตญาณ: ถ้าคุณรู้สึกว่า “มันไม่ปกติ” แม้ว่าอาการจะไม่รุนแรงมาก ก็ควรปรึกษาแพทย์ การที่เราเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเองมักจะช่วยให้เราค้นพบปัญหาตั้งแต่เนิ่นๆ
• สุขภาพจิต: อย่าละเลยสุขภาพจิตใจ ความเครียด ความวิตกกังวล ก็ส่งผลต่อร่างกายได้เช่นกัน การดูแลสุขภาพจิตใจควบคู่ไปกับการดูแลสุขภาพกายเป็นสิ่งสำคัญ

ข้อคิด: การไปพบแพทย์ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว มองว่ามันเป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาวของเราเอง

อาการแบบไหนต้องแอดมิด

โอ๊ย! ถามเรื่องแอดมิทนี่มันเรื่องใหญ่กว่าดูดวงอีกนะเนี่ย! ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงตอบแบบหมอ แต่เดี๋ยวนี้ขอตอบแบบมนุษย์ขี้เซาที่ไม่อยากเข้าโรงพยาบาลดีกว่า

อาการแบบไหนต้องแอดมิท? (แบบว่าถ้าไม่แอดมิทมีสิทธิ์ม่องเท่ง)

• เด็กขาดน้ำ: ไม่ใช่แค่ปากแห้งนะเว้ย! ต้องแบบกระสับกระส่ายเหมือนโดนผีเข้า ปากแห้งผากยิ่งกว่าทะเลทรายซาฮาร่า ตาลึกโหลเหมือนอดนอนมา 3 ปี กดผิวแล้วคืนตัวช้ายังกะสโลว์โมชั่น ปัสสาวะสีเหลืองอำพันเข้มข้นยิ่งกว่าน้ำผึ้งเดือนห้า แถมปลุกไม่ตื่นอีก…อันนี้รีบไปหาหมอเหอะ! ช้าหมดอดดูซีรีส์นะ

• ไข้สูงลิ่ว: ไม่ใช่แค่ 38 องศาแล้วโวยวายนะ ต้องแบบ 40 องศาขึ้นไปแล้วสติเริ่มเลือนลาง เพ้อเจ้อเป็นภาษาดาวอังคาร ชักกระตุกเหมือนโดนช็อตไฟฟ้า… อันนี้อย่าคิดว่ากินพาราแล้วจะหาย ไปโรงพยาบาลด่วน!

• หายใจหอบเหนื่อย: ไม่ใช่แค่เหนื่อยจากการวิ่งนะ ต้องแบบหายใจเร็วและแรงจนอกบุ๋ม ปีกจมูกบาน เหมือนปลาขาดน้ำ ริมฝีปากเขียวคล้ำ…อันนี้คือออกซิเจนไม่พอแล้วนะ ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ต้องรีบไปให้หมอช่วยหายใจ!

• ปวดท้องรุนแรง: ไม่ใช่แค่ปวดท้องเมนส์นะเว้ย! ต้องแบบปวดจนตัวงอ น้ำตาไหลพราก กดตรงไหนก็เจ็บไปหมด…อันนี้อาจจะเป็นไส้ติ่งแตก ลำไส้อุดตัน หรืออะไรที่ร้ายแรงกว่าที่คิด อย่าคิดว่ากินยาแก้ปวดแล้วจะหาย ต้องรีบไปให้หมอวินิจฉัย!

• ซึมลง: ไม่ใช่แค่ขี้เกียจนะ ต้องแบบไม่กิน ไม่เล่น ไม่คุย นอนอย่างเดียว ปลุกก็ไม่ค่อยตื่น…อันนี้อาจจะมีอะไรผิดปกติในสมอง ไม่ใช่แค่ขี้เกียจ! รีบพาไปหาหมอเถอะ อย่าปล่อยไว้!

แถมท้ายแบบขำๆ แต่จริงจัง:

• อย่าคิดว่าตัวเองเป็นหมอ! อาการป่วยบางอย่างมันคล้ายกันมาก ถ้าไม่แน่ใจให้ไปหาหมอดีกว่า อย่ารอจนสายเกินแก้!
• ประกันสุขภาพสำคัญนะจ๊ะ! อย่าคิดว่าไม่จำเป็น เพราะถ้าป่วยหนักขึ้นมา ค่ารักษาพยาบาลมันแพงกว่าที่คิดเยอะ!
• ดูแลสุขภาพตัวเองให้ดี! กินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ จะได้ไม่ต้องเข้าโรงพยาบาล!

Disclaimer: ข้อมูลนี้เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้น ไม่สามารถใช้แทนคำแนะนำของแพทย์ได้ หากมีอาการผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที! (ย้ำ!)

เป็นไข้แบบไหนต้องนอนโรงบาล

ไข้ขึ้นขนาดไหนต้องแอดมิต? ไม่ยาก…

• ไข้สูงปรี๊ด 39+ เกินวัน ไปนอน
• หายใจถี่ๆ 25+ ครั้ง/นาที (ผู้ใหญ่) รีบไป
• ออกซิเจนต่ำกว่า 94% อันตราย ไปโรงบาลด่วน
• มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว แย่ลง ปรึกษาหมอโลด

ปล. อันนี้แค่คร่าวๆนะ หมอว่าไงก็ว่าตามนั้น อย่าเสี่ยง

ป่วยอะไรต้องนอนโรงบาล

นอนโรงบาลอ่ะเนอะ คิดไปเรื่อยเปื่อยเลย ป่วยหนักๆสิ ต้องนอน! แบบไหนวะ?

• หัวใจวาย อันนี้หนักนะ ต้องดูแลตลอดเวลาเลย เห็นเพื่อนพ่อเป็น น่ากลัวมาก
• ติดเชื้อในเลือด อันตรายสุดๆ เพื่อนแม่เคยเป็น เกือบไปแล้ว
• บาดเจ็บสาหัส อุบัติเหตุรถชนนี่แหละ เห็นข่าวบ่อยมาก เข้าห้องผ่าตัดกันเลยทีเดียว
• ผ่าตัดใหญ่ ต้องนอนพักฟื้นนาน น้องสาวฉันผ่าตัดไส้ติ่ง นอนไปเกือบอาทิตย์ เบื่อมาก

แล้วแต่หมอเลยนะ เค้าดูอาการเรา แล้วก็ตัดสินใจ ฉันไม่ใช่หมอ ไม่รู้หรอก แต่เพื่อนฉันป่วยไข้หวัดใหญ่ หมอก็ไม่ให้ไปโรงบาลนะ กินยาอยู่บ้านได้ งงเหมือนกัน แต่ถ้าป่วยหนักๆนี่ จำเป็นมาก เพื่อความปลอดภัย ชัวร์กว่าเยอะ โรงพยาบาลปีนี้คนเยอะมากนะ ไปทีไรรอคิวนานทุกที เฮ้อออ เหนื่อย

จำได้ว่าปีนี้ น้องฉันที่ทำงานที่โรงพยาบาลศิริราช บอกว่า คนไข้เยอะขึ้นเยอะเลย โดยเฉพาะ โรคระบบทางเดินหายใจ ทั้งโควิด ไข้หวัดใหญ่ อะไรแบบนี้ เหนื่อยแทนเลย สงสารพยาบาล หมอด้วย ทำงานหนักมากกกก จริงๆ

เออ แต่ถ้าไม่หนักมาก ก็รักษาตัวอยู่บ้านได้นะ ประหยัดตังด้วย แต่ถ้ามันไม่ไหวจริงๆ ก็ต้องโรงบาล ชีวิต มัน unpredictable จริงๆนะ ฉันว่านะ

สิ่งใดที่สามารถบ่งบอกความผิดปกติของร่างกาย

โอ้โห! ร่างกายส่งสัญญาณ SOS แล้วหรือเนี่ย! อย่าชะล่าใจนะจ๊ะ ไปหาหมอเถอะ! นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ไม่งั้นจะกลายเป็นเรื่องใหญ่เอาได้นะ!

• นอนไม่หลับ? นอนไม่ลง? หรือกระสับกระส่ายเหมือนผีเข้า! นี่ไม่ใช่แค่ความเครียดนะ อาจเป็นโรคซึมเศร้า นอนไม่หลับเรื้อรัง หรืออะไรที่ร้ายแรงกว่านั้นก็ได้! รีบไปหาหมอเลย อย่าปล่อยให้มันลามไปถึงขั้นต้องนอนโรงพยาบาล ปีที่แล้วเพื่อนผมนอนไม่หลับ สุดท้ายเป็นโรคหัวใจ ฮือออ เสียวววว

• ปวดหัวเรื้อรัง? อย่าบอกนะว่ากินยาแก้ปวดเป็นข้าว! บางทีมันอาจเป็นไมเกรน หรือแม้แต่เนื้องอกในสมองก็ได้นะ! นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เพื่อนผมคนนั้นแหละ ปวดหัว ไปตรวจ สรุปเป็นเนื้องอก โชคดีที่รักษาได้ทัน แต่คุณอาจจะไม่โชคดีเท่าเขา

• ตัวเหลือง ตาเหลือง? นี่มันไม่ใช่การแต่งหน้าสไตล์ใหม่นะยะ! ไปหาหมอด่วนๆ! อาจเป็นโรคดีซ่าน ตับอักเสบ หรืออะไรที่เกี่ยวกับตับก็ได้นะ! อย่ารอให้มันเหลืองจนกลายเป็นสีทอง! ปีนี้เห็นข่าวคนเป็นโรคตับเยอะเลย น่ากลัวมาก

• ถ่ายเหลว ท้องผูก สลับไปมา? ระบบขับถ่ายไม่ปกติ อาจเป็นสัญญาณของโรคทางเดินอาหาร อย่าคิดว่าแค่ท้องเสียธรรมดา ปีนี้ผมเองก็ท้องเสีย ไปหาหมอ หมอบอกเป็นเพราะทานของไม่สะอาด เอาล่ะ จำไว้!

• เบื่ออาหาร? น้ำหนักขึ้นลงอย่างรวดเร็ว? ร่างกายส่งสัญญาณบอกว่ามันไม่โอเค! อาจเป็นโรคต่อมไทรอยด์ โรคเบาหวาน หรือโรคอื่นๆ ก็ได้ อย่าปล่อยให้น้ำหนักขึ้นๆลงๆเหมือนเล่นชิงช้า อันตรายนะ

• ปวดเรื้อรัง? เป็นเหน็บชา? ตะคริวบ่อยๆ? อย่าคิดว่าแค่ปวดธรรมดา! อาจเป็นอาการของโรคข้ออักเสบ โรคเส้นประสาท หรือโรคอื่นๆ อีกมากมาย อย่ารอให้มันลาม ไปหาหมอดีกว่า!

นี่คือเรื่องจริงจากชีวิตจริง ไม่ได้เว่อร์ไปนะ ไปหาหมอตรวจสุขภาพกันเถอะ อย่ารอให้ร่างกายมันพังก่อน! เช็คสุขภาพประจำปีด้วยนะ รักตัวเองให้มากๆ อย่าให้ร่างกายมันบ่นจนร้องไห้!