โรคอะไรที่บริษัทไม่รับเข้าทำงาน

18 การดู
โรคที่บริษัทมักจะไม่รับเข้าทำงาน ได้แก่ โรคติดต่อร้ายแรง เช่น วัณโรค หัดเยอรมัน ไข้หวัดใหญ่ โรคจิตเวช เช่น โรคซึมเศร้า โรคจิตเภท โรคเรื้อรังที่รักษาไม่หาย เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคที่ส่งผลต่อสมรรถภาพการทำงาน เช่น โรคกระดูกพรุน โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคที่เกิดจากการติดยาเสพติดหรือแอลกอฮอล์
ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

โรคภัยไข้เจ็บ: เงาที่อาจบดบังเส้นทางอาชีพ

การหางานทำในยุคปัจจุบันนับเป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง นอกจากความรู้ความสามารถและประสบการณ์ที่ตรงกับตำแหน่งงานแล้ว สุขภาพก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่นายจ้างให้ความสำคัญ เพราะพนักงานที่มีสุขภาพแข็งแรงย่อมสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลของบริษัท และสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดี อย่างไรก็ตาม มีโรคภัยไข้เจ็บบางชนิดที่อาจเป็นอุปสรรคในการสมัครงาน และอาจทำให้ผู้สมัครถูกปฏิเสธการจ้างงานได้ ถึงแม้ว่าในหลายประเทศจะมีกฎหมายคุ้มครองผู้พิการและผู้ป่วยโรคเรื้อรัง แต่ในทางปฏิบัติ นายจ้างก็ยังมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากโรคภัยไข้เจ็บของพนักงาน บทความนี้จะกล่าวถึงโรคภัยไข้เจ็บที่อาจเป็นอุปสรรคในการสมัครงาน พร้อมทั้งแนะแนวทางในการรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว

โรคติดต่อร้ายแรง เช่น วัณโรค หัดเยอรมัน และไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคที่สามารถแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้ง่าย ซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อสุขภาพของพนักงานคนอื่นๆในองค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมการทำงานที่มีการสัมผัสใกล้ชิดกัน ดังนั้น บริษัทจึงมักหลีกเลี่ยงการจ้างงานผู้ที่มีประวัติการป่วยเป็นโรคติดต่อร้ายแรง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรคภายในองค์กร

โรคจิตเวช เช่น โรคซึมเศร้า โรคจิตเภท และโรควิตกกังวล ก็เป็นอีกหนึ่งกลุ่มโรคที่อาจส่งผลต่อการทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรคเหล่านี้อาจส่งผลต่อสภาพจิตใจ อารมณ์ และความสามารถในการควบคุมตนเองของผู้ป่วย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการทำงาน ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน และความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน แม้ว่าโรคจิตเวชหลายชนิดสามารถควบคุมอาการได้ด้วยการรักษาที่เหมาะสม แต่นายจ้างบางรายยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

โรคเรื้อรังที่รักษาไม่หาย เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง และโรคไต เป็นโรคที่ต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจส่งผลให้พนักงานต้องลาป่วยบ่อยครั้ง หรือมีข้อจำกัดในการปฏิบัติงานบางอย่าง นอกจากนี้ โรคเรื้อรังยังอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพและการทำงานในระยะยาว ดังนั้น นายจ้างบางรายอาจลังเลที่จะจ้างงานผู้ที่มีโรคเรื้อรัง เนื่องจากกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลและผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงาน

โรคที่ส่งผลต่อสมรรถภาพการทำงานโดยตรง เช่น โรคกระดูกพรุน โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ และโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง อาจเป็นอุปสรรคในการทำงานบางประเภทที่ต้องใช้กำลังกายหรือความคล่องตัว เช่น งานก่อสร้าง งานยกของ หรืองานที่ต้องยืนหรือนั่งเป็นเวลานาน ในกรณีนี้ แม้ว่าผู้สมัครจะมีความรู้ความสามารถที่เหมาะสมกับตำแหน่งงาน แต่ข้อจำกัดทางด้านร่างกายอาจทำให้ไม่สามารถปฏิบัติงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

สุดท้าย โรคที่เกิดจากการติดยาเสพติดหรือแอลกอฮอล์ เป็นโรคที่ส่งผลกระทบต่อทั้งสุขภาพร่างกายและจิตใจ และมักนำไปสู่ปัญหาพฤติกรรม เช่น การขาดงาน การทำงานผิดพลาด หรือการมีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน ดังนั้น บริษัทส่วนใหญ่มักมีนโยบายที่ชัดเจนในการไม่จ้างงานผู้ที่มีประวัติการติดยาเสพติดหรือแอลกอฮอล์ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นภายในองค์กร

อย่างไรก็ตาม ผู้สมัครงานที่มีโรคประจำตัวไม่ควรท้อแท้ ควรเตรียมตัวให้พร้อมและมีความซื่อสัตย์ในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพของตนเอง หากโรคที่เป็นอยู่ได้รับการรักษาและควบคุมอาการได้ดี และไม่ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงาน ผู้สมัครควรเน้นย้ำถึงความสามารถและประสบการณ์ที่ตนเองมี และแสดงให้เห็นว่าตนเองสามารถเป็นทรัพยากรที่มีค่าขององค์กรได้ นอกจากนี้ การศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับกฎหมายคุ้มครองผู้พิการและผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ก็จะช่วยให้ผู้สมัครเข้าใจสิทธิของตนเอง และสามารถรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างมั่นใจ.