ไตระยะไหนอันตรายที่สุด

12 การดู

โรคไตเรื้อรังระยะสุดท้าย (ESRD) คือภาวะที่ไตเสียหายอย่างรุนแรงจนไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการบำบัดทดแทนไตอย่างเร่งด่วน เช่น การฟอกเลือดหรือการปลูกถ่ายไต เพื่อรักษาชีวิต การดูแลสุขภาพอย่างใกล้ชิดและการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการยืดอายุขัยและคุณภาพชีวิต

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ไตระยะไหนอันตรายที่สุด? ทำความรู้จักกับโรคไตเรื้อรังและวิธีดูแลตัวเอง

โรคไตเรื้อรังเป็นโรคที่เกิดขึ้นเมื่อไตถูกทำลายอย่างช้าๆ และไม่สามารถกรองของเสียออกจากร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ การทำลายนี้มักจะเกิดขึ้นอย่างช้าๆ โดยไม่มีอาการในช่วงเริ่มต้น จึงทำให้หลายคนไม่รู้ว่าตนเองเป็นโรคไต จนเมื่อไตเสียหายอย่างรุนแรงจึงมีอาการแสดงออกมา

คำถามที่มักถูกถามอยู่บ่อยๆ คือ ไตระยะไหนอันตรายที่สุด? คำตอบคือ โรคไตเรื้อรังระยะสุดท้าย (End-Stage Renal Disease – ESRD) ซึ่งไตเสียหายอย่างรุนแรงจนไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการบำบัดทดแทนไตอย่างเร่งด่วน เช่น การฟอกเลือดหรือการปลูกถ่ายไต เพื่อรักษาชีวิต

โรคไตเรื้อรังแบ่งออกเป็น 5 ระยะ ตามระดับการทำงานของไต

  • ระยะที่ 1: ไตทำงานปกติ (GFR 90 มิลลิลิตรต่อนาทีต่อพื้นที่ผิว 1.73 ตารางเมตร หรือสูงกว่า)
  • ระยะที่ 2: ไตเริ่มเสื่อมประสิทธิภาพเล็กน้อย (GFR 60-89 มิลลิลิตรต่อนาทีต่อพื้นที่ผิว 1.73 ตารางเมตร)
  • ระยะที่ 3: ไตเสื่อมประสิทธิภาพมากขึ้น (GFR 30-59 มิลลิลิตรต่อนาทีต่อพื้นที่ผิว 1.73 ตารางเมตร)
  • ระยะที่ 4: ไตเสื่อมประสิทธิภาพอย่างรุนแรง (GFR 15-29 มิลลิลิตรต่อนาทีต่อพื้นที่ผิว 1.73 ตารางเมตร)
  • ระยะที่ 5: ไตเสื่อมประสิทธิภาพอย่างรุนแรงถึงขั้นล้มเหลว (GFR ต่ำกว่า 15 มิลลิลิตรต่อนาทีต่อพื้นที่ผิว 1.73 ตารางเมตร)

โรคไตเรื้อรังระยะสุดท้าย (ESRD) คือ ระยะที่ 5 ซึ่งเป็นระยะที่อันตรายที่สุด เนื่องจากไตสูญเสียความสามารถในการกรองของเสียและควบคุมระดับของเหลวในร่างกาย ผู้ป่วยจะมีอาการรุนแรง เช่น อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน ปวดศีรษะ บวม น้ำหนักขึ้นเร็ว ปัสสาวะน้อยลง หรือไม่มีปัสสาวะ

การดูแลตัวเองและการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการยืดอายุขัยและคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง

  • การควบคุมน้ำหนักและความดันโลหิต
  • การรับประทานอาหารที่เหมาะสม เช่น ลดการรับประทานเกลือ โปรตีน และฟอสฟอรัส
  • การออกกำลังกายอย่างเหมาะสม
  • การเลิกสูบบุหรี่
  • การติดตามตรวจสุขภาพเป็นประจำ

หากคุณมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคไตเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ประวัติครอบครัวเป็นโรคไต หรือมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับระบบทางเดินปัสสาวะ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพและรับคำแนะนำในการดูแลสุขภาพ

หมายเหตุ: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น ไม่สามารถแทนที่คำแนะนำทางการแพทย์จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้