น้ำพริกกะปิโซเดียมเยอะไหม

น้ำพริกกะปิรสเด็ด แต่โซเดียมสูงเกินไปหรือไม่? ความจริงที่ควรรู้ก่อนตัก

น้ำพริกกะปิ อาหารจานเด็ดคู่ครัวไทยที่ใครๆ ก็คุ้นเคย รสชาติเข้มข้นกลมกล่อม กินคู่กับผักสดกรอบๆ แล้วชื่นใจ แต่เบื้องหลังความอร่อยนั้น แฝงไปด้วยปริมาณโซเดียมที่อาจสูงเกินความจำเป็นสำหรับสุขภาพ เรามาไขข้อข้องใจกันว่า น้ำพริกกะปิมีโซเดียมมากแค่ไหน และจะรับประทานอย่างไรให้มีความสุขแบบไม่ต้องกังวลเรื่องสุขภาพ

จากการศึกษาเบื้องต้นโดยการสุ่มตรวจวิเคราะห์ปริมาณโซเดียมในน้ำพริกกะปิจาก 5 แหล่งที่แตกต่างกัน พบว่าปริมาณโซเดียมเฉลี่ยสูงถึง 1,045-1,597 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับปริมาณโซเดียมที่แนะนำต่อวันสำหรับผู้ใหญ่ทั่วไป (ไม่ควรเกิน 2,000 มิลลิกรัม) หากรับประทานน้ำพริกกะปิในปริมาณมาก อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด และโรคไต

อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเลิกกินน้ำพริกกะปิไปเสียทั้งหมด เพียงแต่เราต้องเรียนรู้ที่จะบริโภคอย่างรู้คุณค่า และคำนึงถึงปริมาณที่เหมาะสม เทคนิคง่ายๆ ที่ช่วยลดความเสี่ยงจากโซเดียมสูงในน้ำพริกกะปิได้แก่:

• รับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ: ไม่ควรตักน้ำพริกกะปิในปริมาณมากเกินไป ควรตักเพียงเล็กน้อย รับประทานคู่กับผักสดหลากหลายชนิด เพื่อเพิ่มปริมาณอาหารและลดความเข้มข้นของรสชาติเค็ม

• เลือกทานคู่กับผักสดหลากหลายชนิด: ผักสดนอกจากจะช่วยเพิ่มความสดชื่นและคุณค่าทางโภชนาการแล้ว ยังช่วยลดความรู้สึกเค็มของน้ำพริกกะปิได้อีกด้วย เลือกผักที่มีสีสันหลากหลาย เช่น แตงกวา มะเขือยาว ถั่วฝักยาว ผักบุ้ง ฯลฯ

• ปรุงรสชาติให้พอดี: หากรู้สึกว่าน้ำพริกกะปิเค็มเกินไป สามารถใช้น้ำมะนาวสดบีบลงไปเล็กน้อยเพื่อช่วยปรับรสชาติให้กลมกล่อม และลดความเค็มได้ น้ำมะนาวจะช่วยเพิ่มความสดชื่นและช่วยตัดเลี่ยนได้ดีอีกด้วย

• เลือกซื้อน้ำพริกกะปิที่มีส่วนผสมของเกลือต่ำ: ปัจจุบันมีน้ำพริกกะปิหลายยี่ห้อที่ผลิตโดยคำนึงถึงสุขภาพ โดยลดปริมาณเกลือลง สามารถเลือกซื้อได้ตามความเหมาะสม

น้ำพริกกะปิเป็นอาหารไทยที่มีเสน่ห์ การบริโภคอย่างพอดีและรู้เท่าทันปริมาณโซเดียม จะช่วยให้เราสามารถลิ้มลองความอร่อยได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลกับสุขภาพในระยะยาว อย่าลืมคำนึงถึงความสมดุลในการรับประทานอาหาร เพื่อสุขภาพที่ดีและแข็งแรงอย่างยั่งยืน