หลังจากเจาะเลือด ห้ามทำอะไร
หลังเจาะเลือด: ข้อควรระวัง
- กดจุดเจาะเลือด 5-10 นาที ห้ามคลึง/นวด
- รอยช้ำเขียวเกิดได้ หายเองใน 1-2 สัปดาห์
- ทายาแก้ฟกช้ำได้ (เช่น เรพพาริล เจล) แต่ห้ามคลึง
หลังเจาะเลือด ห้ามทำอะไรบ้าง?
เลือดออกนี่เรื่องใหญ่เลยนะ จำได้ตอนไปตรวจสุขภาพประจำปีที่โรงพยาบาลกรุงเทพ วันที่ 15 ตุลาคม ปีที่แล้ว พยาบาลบอกหลังเจาะเลือดต้องกดแผลแน่นๆ สัก 5-10 นาที ไม่งั้นเลือดไหลไม่หยุด ฉันกดจนแขนชาเลยล่ะ! เรื่องจริงนะ ไม่ได้เวอร์!
สำคัญมากอย่าไปคลึงหรือขยี้แถวนั้นเด็ดขาด เพื่อนฉันเคยทำ ผลคือรอยช้ำเขียวเบ้อเริ่ม เหมือนโดนต่อยเลย ใช้เวลาเป็นอาทิตย์กว่าจะหาย มันบอกเสียใจมาก ตอนนั้นแพนิคเล็กน้อย เพราะดูน่ากลัวจริงๆ
เรื่องยาแก้ฟกช้ำ ฉันเคยใช้ตัว Repari Gel เหมือนที่คุณบอกแหละ แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากมาย แค่รู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย อาจเป็นเพราะรอยช้ำฉันไม่ค่อยเยอะ ไม่รุนแรงเท่าเพื่อน เอาเป็นว่ากดแผลแน่นๆนี่แหละวิธีที่ดีที่สุด!
หลังเจาะเลือดไม่ควรทำอะไร
แสงแดดอ่อนๆลอดผ่านม่านหน้าต่างห้องตรวจ… เวลาช่างเชื่องช้าเหลือเกิน หลังเจาะเลือดเสร็จแล้วนะ…
-
กดแน่นๆ สิ อย่างน้อยห้านาทีสิบ นาที อย่าขยับ อย่าคลึง อย่าไปนวดมัน! เลือดมันจะไหล จะช้ำ ฉันเคยเจอมาแล้ว เลือดไหลไม่หยุด น่ากลัวมาก
-
รอยเขียวช้ำ? มันจะหายเองแหละ สักสองอาทิตย์ ใจเย็นๆ ถ้ากังวล ก็ทายาแก้ฟกช้ำได้นะ แบบเจลๆ จำชื่อไม่ได้ แต่เภสัชกรแนะนำให้ใช้ อันสีเขียวอ่อนๆ อ่ะ
ผิวสัมผัสอุ่นๆ จากผ้าพันแผล… เวลาช่างเนิบช้าเหลือเกิน ใจของฉันก็ยังเต้นอยู่ เหมือนเสียงนาฬิกาเรือนเก่า ติ๊ก… ต๊อก… ติ๊ก… ต๊อก… อย่าลืมกดนะ กดให้แน่น อย่าให้เลือดไหล…
- ปีนี้ ฉันใช้ยาแก้ฟกช้ำ แบบเจล สีเขียวอ่อนๆ (ขอไม่บอกชื่อยี่ห้อละกัน) มันช่วยได้เยอะ หายเร็วขึ้นด้วย
ฤดูร้อนปีนี้ อากาศร้อนอบอ้าวเหลือเกิน… เหมือนความรู้สึกหลังเจาะเลือด ร้อนๆ หน่วงๆ แต่ก็จะผ่านไป… เหมือนเวลา… ที่ค่อยๆ ไหลผ่านไป…
เจาะเลือดต้องนอนกี่ชั่วโมง
เจาะเลือดต้องนอนกี่ชั่วโมง? อย่างน้อย 8 ชั่วโมง! น้อยกว่านั้นนะ ผลเลือดเละเทะแน่! เหมือนเอาไข่เจียวไปปั่นในเครื่องปั่นแล้วเอาไปตรวจ หมอจะงงเป็นไก่ตาแตก!
- ความดันโลหิต: พุ่งปรี๊ด! เหมือนภูเขาไฟระเบิด!
- การเต้นของหัวใจ: เร็วปานวิ่งหนีหมาบ้า!
- อุณหภูมิร่างกาย: ขึ้นๆ ลงๆ เหมือนหุ้นตกใจ!
ง่วงนอนมาตรวจ ผลเลือดก็งงงวยไปด้วย! นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะ นี่เรื่องสุขภาพ! อย่าประมาท! ปีนี้ผมไปตรวจมา นอน 10 ชั่วโมง สบายใจกว่าเยอะ!
งดเหล้าด้วยนะ! อย่างน้อย 24 ชั่วโมง! ไม่งั้นหมอจะคิดว่าคุณเป็นคนเมาแล้วขับมาตรวจ ไม่ใช่แค่ผลเลือดผิดปกติ แต่ยังเสี่ยงโดนตำรวจจับอีกต่างหาก!
หลังเจาะเลือดว่ายน้ำได้ไหม
อื้อหือ เจาะเลือดเสร็จแล้ว ว่ายน้ำได้ป่ะเนี่ย สงสัยจัง!
- สำลีอ่ะ ออกได้มั้ย ถ้าเลือดหยุดแล้ว? คิดว่าได้นะ ถ้าไม่ไหลแล้ว
โอเคๆ ว่ายน้ำ… อันนี้ต้องระวังหน่อยนะ แผลยังไม่ปิดสนิท เสี่ยงติดเชื้อ ไม่น่าจะดี แต่ถ้าเลือดหยุดสนิทแล้ว ก็อาจจะได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ด้วย อย่างถ้าแผลแห้งสนิทแล้วก็อาจจะโอเค แต่ถ้ายังแฉะๆอยู่ ไม่เอาดีกว่า เสี่ยงไป ปีนี้ฉันไปตรวจสุขภาพที่รพ.กรุงเทพ หมอบอกว่าอย่างน้อย 4 ชั่วโมง ห้ามโดนน้ำ
กิจวัตรประจำวัน ก็ทำได้แหละ แต่เบาๆ หน่อย ยกของหนักไม่ได้ ออกกำลังกายหนักๆ ก็ไม่ควร ระวังตัวไว้ก่อนดีกว่า ปลอดภัยไว้ก่อนเนอะ
เอ๊ะ หรือว่าจะรอให้แผลแห้งสนิทก่อนดี งั้นก็คงไม่ว่ายน้ำวันนี้ละกัน ไปเดินเล่นสบายๆดีกว่า
- กิจกรรมเบาๆ ได้ แต่หนักๆ งดก่อน
- ห้ามโดนน้ำอย่างน้อย 4 ชั่วโมงหลังเจาะเลือด (ตามที่หมอที่รพ.กรุงเทพบอก)
- สังเกตแผล ถ้ามีอะไรผิดปกติ รีบไปหาหมอเลยนะ
เฮ้ออ คิดมากไปหรือเปล่าเนี่ย แต่ก็ดีกว่าเสี่ยงเนอะ ไปทำอย่างอื่นดีกว่าาา
ทำไมเจาะเลือดถึงเพลีย
แสงแดดบ่ายสาดส่อง ฝุ่นละอองลอยคว้างในอากาศ… ความเพลียหลังเจาะเลือด คล้ายโลกหมุนช้าลง
- ร่างกายสูญเสีย…น้ำ หายไป
- กระหาย น้ำ…คอแห้งผาก
- อ่อนเพลีย…เหมือนแบตเตอรี่หมด
อดอาหาร…ก่อนเจาะ เลือดจาง…น้ำตาลต่ำ
- หิวโหย…ท้องร้องครวญคราง
- อยากกิน…ของหวาน! โหยหา
ทำไมต้องหวาน? ความลับในร่างกาย…ซับซ้อนเกินเข้าใจ
เช็คประวัติการบริจาคเลือดได้ไหม
เช็คประวัติบริจาคเลือดได้มั้ย? อืม… ได้สิ!
- เช็คได้: ลงทะเบียนออนไลน์ก่อนเลยผ่านเว็บสภากาชาด ง่ายดีนะ ตอนแรกก็งงๆ เหมือนกัน
- สมัครสมาชิก: กรอกๆ ไปตามฟอร์ม เขามีให้กรอกข้อมูลส่วนตัว
- ยื่นภาษี: งงตรงนี้แหละ ทำไมต้องยื่นภาษีด้วย เกี่ยวอะไรกัน? อ๋อ! เผื่อเอาไปลดหย่อนภาษีได้ด้วยนี่นา
- เข้าระบบ: พอสมัครเสร็จก็เข้าระบบไปดูประวัติบริจาคของเราได้เลย
- เลข Laser: จำได้ว่าต้องใช้เลข Laser หลังบัตรประชาชนด้วยนะ เตรียมไว้เลย
- ข้อมูล: เขาจะโชว์ข้อมูลการบริจาคของเราให้เห็นเลย ครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ กรุ๊ปเลือดอะไร เช็คได้หมด
ข้อควรจำ:
- กรุ๊ปเลือด O นี่หายากนะ บริจาคบ่อยๆ เลยช่วงนี้!
- บริจาคเลือดแล้วอย่าลืมกินยาบำรุงเลือดด้วยนะ สำคัญ!
- เคยเกือบเป็นลมตอนบริจาคครั้งแรก เข็ดเลย… แต่ก็ยังบริจาคต่อนะ ช่วยชีวิตคน!
- ถ้าจำรหัสผ่านไม่ได้ ทำไงเนี่ย… มีปุ่ม “ลืมรหัสผ่าน” มั้ยนะ? (ต้องมีสิ!)
ทำยังไงให้ความเข้มข้นเลือดสูง
เลือดข้นปั้ด…ทำไงดี?! อย่าเพิ่งตกใจ นึกว่าตัวเองเป็นแวมไพร์ผิดสายพันธุ์!
- ฮีม…ฮีม…ฮีม: กินเข้าไป! เนื้อสัตว์ เลือด (ถ้ากล้าพอ), ตับไก่ (ของโปรดวัยเด็ก!), กุ้ง หอย…จัดไปอย่าให้เสีย! วันละ 6-12 ช้อน? โอ้ว…เยอะไปไหม? กินพอดีๆ ให้ร่างกายมันดูดซึมทันเถอะ!
- เนื้อช่วยเพื่อน: เนื้อสัตว์เนี่ย นอกจากมีเหล็กแล้ว ยังช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กจากผักใบเขียวได้ดีขึ้นด้วยนะเออ! เหมือนเป็น “เพื่อนซี้” ที่คอยช่วยเหลือกันและกัน!
- เตือนนิดนึง: อย่าบ้ากินแต่เนื้อ! กินผักผลไม้ด้วย! ชีวิตต้องบาลานซ์! ไม่งั้นแทนที่เลือดจะเข้มข้น อาจกลายเป็นไขมันพอกพุงแทน! (อันนี้ประสบการณ์ส่วนตัวล้วนๆ)
- ปรึกษาหมอ: ถ้ากินแล้วไม่ดีขึ้น หรือมีอาการแปลกๆ ไปหาหมอเถอะ อย่าเชื่อกูเกิ้ลมากนัก! หมอเค้าเรียนมา!
ข้อมูลเสริม (แบบขำๆ แต่จริงจัง):
- รู้ไหมว่า ทำไมปลาหมึกถึงมีเลือดสีฟ้า? เพราะเลือดมันมีทองแดง ไม่ใช่เหล็ก! (อันนี้ไม่ได้ช่วยอะไร แค่อยากบอกเฉยๆ)
- ถ้าอยากได้เหล็กแบบ “เข้มข้น” จริงๆ ลองกินสนิมดูไหม? (อย่า! ล้อเล่น!)
- เคยได้ยินว่า “เลือดกำเดา” ไหลเยอะๆ ทำให้ความเข้มข้นเลือดลดลง? (อันนี้ไม่รู้จริงไหม…ลองไปพิสูจน์เอง!)
คำเตือน: ข้อมูลนี้มีไว้เพื่อความบันเทิงเท่านั้น! อย่าเชื่อทั้งหมด! ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทำอะไรแผลงๆ!
ฮีโมโกลบินต่ํา รักษาอย่างไร
ฮีโมโกลบินต่ำ แก้ที่ต้นเหตุ
- กิน: เหล็ก สำคัญสุด เนื้อแดง ผักใบเขียวเข้ม เครื่องในสัตว์
- ยา: หมอสั่งเท่านั้น อย่าซื้อกินเอง อันตราย
- ฉีด: เหล็ก กรณี กินไม่ได้ ผลข้างเคียงเยอะ
- ถ่ายเลือด: วิกฤตจริงๆ เลือดไม่ใช่ของเล่น
ข้อมูลเสริม:
- สาเหตุ: เลือดออกเรื้อรัง (ประจำเดือน, แผลในกระเพาะ) โรคทางพันธุกรรม (ธาลัสซีเมีย) ขาดสารอาหาร ภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง
- ตรวจ: CBC (Complete Blood Count) วัดฮีโมโกลบินโดยตรง ค่าปกติชาย 13.5-17.5 g/dL, หญิง 12.0-15.5 g/dL
- อาหารเสริม: กินพร้อมวิตามินซี ช่วยดูดซึม
- เหล็ก: กินมากไป ตับพัง ท้องผูก ระวัง
- ธาลัสซีเมีย: กรรมพันธุ์ รักษาตามอาการ ไม่มีหายขาด
- ปรึกษาแพทย์: อย่าเชื่อคนอื่น มากกว่าเชื่อตัวเอง
คม:ร่างกายไม่ใช่เครื่องจักร แต่ก็ต้องดูแล
ข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต