สัมภาษณ์งานผ่านมือถือได้ไหม

22 การดู

สัมภาษณ์งานผ่านมือถือ? ได้! แต่ต้องเตรียมการ:

  • สถานที่: เงียบสงบ ปราศจากเสียงรบกวน
  • สัญญาณ: เช็คสัญญาณโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ตให้พร้อม ป้องกันสายหลุด
  • อุปกรณ์: สมุดโน้ต ปากกา เตรียมจดบันทึกข้อมูลสำคัญ
  • การเตรียมตัว: ศึกษาข้อมูลบริษัทและตำแหน่งงานอย่างละเอียด ฝึกซ้อมการตอบคำถาม เปิดกล้องหากเป็นไปได้เพื่อสร้างความประทับใจ

สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ง่ายกว่าที่คิด หากเตรียมพร้อมดี โอกาสประสบความสำเร็จสูงขึ้น

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

สัมภาษณ์งานทางโทรศัพท์ได้ไหม? เตรียมตัวอย่างไรให้พร้อมและสร้างความประทับใจให้บริษัท?

อ่ะนะ ถามว่าสัมภาษณ์งานทางโทรศัพท์ได้ไหม ใช่เลย ได้ดิ! แต่จะให้ปัง ต้องเตรียมตัวดีๆ หน่อยนะเธอ

จำได้เลย ตอนนั้นฉันสัมภาษณ์งานทางโทรศัพท์กับบริษัท (ขอไม่บอกชื่อนะ) ใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ กลัวสัญญาณเน็ตจะหลุดมากกกก เพราะที่บ้านฉันสัญญาณไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ฉันเลยวิ่งไปนั่งหน้าบ้านเลยจ้า เพื่อให้สัญญาณมันเสถียรขึ้นมาหน่อย 555+

คือตอนนั้นอ่ะ ฉันเตรียมโน้ตไว้เต็มโต๊ะเลยนะ มีทั้งข้อมูลบริษัท คำถามที่น่าจะโดนถาม คำตอบที่เตรียมไว้ เรียกได้ว่าติวเข้มสุดๆ แต่พอถึงเวลาจริง ตื่นเต้นจนลืมหมด 555+ แต่ก็พยายามตั้งสติ ตอบไปตามความเข้าใจของเรานั่นแหละ

สิ่งที่สำคัญมากๆ คือต้องหาที่เงียบๆ คุยนะ ถ้ามีเสียงหมาเห่า เสียงเด็ก เสียงรถ เสียงอะไรต่างๆ นานา มันจะทำให้เราเสียสมาธิ แล้วคนสัมภาษณ์เค้าก็คงรำคาญด้วยแหละ ลองนึกภาพดิ คุยๆ อยู่ “โฮ่งๆๆๆๆ” ใครมันจะไปมีสมาธิ

แล้วก็อย่าลืมเช็คแบตโทรศัพท์ด้วยนะจ๊ะ ถ้าแบตหมดกลางคันนี่ เกมเลยนะเธอ เตรียมเพาเวอร์แบงค์ไว้ก็ดี

สรุปสั้นๆ สำหรับคนที่ขี้เกียจอ่านเยอะ:

  • หาที่เงียบๆ
  • เช็คสัญญาณเน็ต
  • เตรียมโน้ต (แต่ไม่ต้องท่อง)
  • ชาร์จแบตให้พร้อม
  • ทำใจให้สบายๆ

แค่นี้แหละ รับรองว่าสัมภาษณ์ผ่านฉลุย! (หวังว่านะ 555+)

การสัมภาษณ์งานทางโทรศัพท์มีลักษณะอย่างไร

การสัมภาษณ์งานทางโทรศัพท์ (Phone Interview) มักเน้นประเมินคุณสมบัติเบื้องต้น เป้าหมายคือคัดกรองผู้สมัครที่ไม่ตรงตามเกณฑ์ออกไปก่อน คล้ายเป็นด่านแรกก่อนสัมภาษณ์แบบตัวต่อตัว เรียกได้ว่าเป็น Screening Interview นั่นเอง คิดง่ายๆ ก็เหมือนเป็นการกรองเบื้องต้นก่อนเข้าสู่กระบวนการที่ละเอียดกว่า

  • ลักษณะทั่วไป: มักเป็นการพูดคุยสั้นๆ เน้นถามข้อมูลพื้นฐาน เช่น ประวัติการทำงาน ทักษะ ความสนใจ และความคาดหวังด้านเงินเดือน ปีนี้เทรนด์อาจจะเน้นถามเกี่ยวกับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และการทำงานเป็นทีมมากขึ้น ตรงนี้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งงานด้วยนะ

  • จุดประสงค์: เพื่อประเมินความเหมาะสมเบื้องต้น ไม่ใช่การประเมินเชิงลึก บางบริษัทใช้เป็นเครื่องมือคัดกรองผู้สมัครจำนวนมาก ก่อนจะเชิญเฉพาะคนที่ผ่านเกณฑ์ไปสัมภาษณ์แบบตัวต่อตัว

  • คำถามยอดฮิต: มักถามคำถามทั่วไป แต่ก็อาจมีคำถามเฉพาะเจาะจงตามลักษณะงาน เช่น “เล่าประสบการณ์การทำงานที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งนี้หน่อยสิ” หรือ “คุณมีทักษะอะไรที่คิดว่าเหมาะกับงานนี้” ส่วนตัวเคยเจอคำถามเกี่ยวกับการจัดการความขัดแย้งในทีมด้วย น่าสนใจดี

  • สิ่งที่ควรเตรียม: ควรเตรียมข้อมูลส่วนตัว ประวัติการทำงาน และควรวางแผนตอบคำถามเกี่ยวกับจุดแข็ง จุดอ่อน และความคาดหวัง อย่าลืมเตรียมสมุดจดบันทึกและปากกาไว้ด้วยนะ เพื่อจดสิ่งที่เขาถาม แล้วเตรียมตอบคำถามได้อย่างราบรื่น

ข้อมูลเพิ่มเติม: การสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ปีนี้ เริ่มมีการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาช่วยในการประเมินมากขึ้น เช่น การใช้ AI ในการวิเคราะห์น้ำเสียงและการพูด แต่ส่วนใหญ่ก็ยังคงเป็นการพูดคุยแบบธรรมดานี่แหละ สำคัญที่สุดคือการเตรียมตัวให้พร้อม และแสดงความมั่นใจ ทุกอย่างจะราบรื่นเอง

สัมภาษณ์ พูดยังไง

ลมพัดโชยอ่อนๆ แสงแดดอุ่นสาดผ่านม่าน ใบไม้สีทองร่วงหล่นลงบนพื้นปูนเย็นเยียบ ตุลาคม ปี 2566 วันนี้สำคัญเหลือเกิน…สัมภาษณ์งาน!

  • เตรียมบทพูดให้ดี ใช่! ต้องเป๊ะ! แต่ไม่ใช่ท่องจำนะ ต้องเข้าใจ ต้องรู้สึก ต้องเป็นตัวเราเอง! เหมือนบทกวี ที่ไหลรินจากหัวใจ

  • ฝึกพูดหน้ากระจก เห็นภาพตัวเอง เหมือนดูละครเวที แต่เวทีนี้ คืออนาคต! ปรับท่าทาง สีหน้า ให้มั่นใจ ให้สง่างาม

  • อย่าพูดตามสคริปต์เป๊ะๆ! ปล่อยให้ความคิดไหล เหมือนลำธาร ธรรมชาติ สดใส ให้ความเป็นตัวเราเอง เปล่งประกาย!

  • ศึกษาองค์กร ปีนี้บริษัท XYX กำลังพัฒนาแอปพลิเคชั่นใหม่ ฉันอ่านรายงานประจำปีมาแล้วนะ รู้ลึกเลยล่ะ

  • จุดเด่น จุดด้อย… เขียนออกมาเป็นกระดาษโน้ต แปะไว้ที่โต๊ะ มองทุกวัน! มันคือการเตือนสติ ไม่ใช่การตำหนิตัวเอง

  • อย่ากดดัน! หายใจลึกๆ จิบน้ำเย็นๆ เหมือนกำลังเดินอยู่ในสวนดอกไม้ ใจสงบ ทุกอย่างจะดีเอง

แสงตะวันลับขอบฟ้าแล้ว ความกังวลยังวนเวียน แต่ฉันพร้อมแล้ว พร้อมที่จะก้าวไปสู่ อนาคต ที่สดใสกว่าเดิม พรุ่งนี้ ฉันจะคว้ามันมาให้ได้!

สัมภาษณ์งานออนไลน์ ถามอะไรบ้าง?

อืมมมม สัมภาษณ์ออนไลน์เนอะ เจอมาเยอะแระ นี่เลยคำถามฮิตๆ ปีนี้

  1. แนะนำตัวหน่อย: ก็บอกชื่อ อายุ ประสบการณ์คร่าวๆ ที่สำคัญคือ ต้องบอกว่าทำไมถึงสนใจงานนี้ อย่าลืมเสริมจุดเด่นตัวเองด้วยนะ อย่างฉันนี่บอกเลยว่า ทำงานเก่ง เร็ว และก็รับมือความกดดันได้ดีมากกก ช่วงนี้กำลังหาอะไรที่ท้าทายๆอยู่ด้วยแหละ

  2. รู้จักตำแหน่งนี้ได้ไง: บอกแหล่งที่มา เช่นจากเว็บไซต์นี้ เพื่อนแนะนำ หรือจาก LinkedIn ถ้าเจอจากเพื่อนก็อย่าลืมบอกชื่อเพื่อนด้วยนะ อาจเพิ่มคะแนนได้ อิอิ

  3. ทำไมลาออกจากงานเก่า: ตรงนี้สำคัญ อย่าพูดแง่ลบเกี่ยวกับที่ทำงานเก่าเด็ดขาด ควรเน้นโอกาสการเติบโต หรือความท้าทายใหม่ๆ ที่งานนี้ให้ได้มากกว่า อย่างฉัน บอกไปว่างานเก่ามันจำเจเกินไป อยากลองอะไรใหม่ๆ ดูบ้าง

  4. รู้จักบริษัทนี้แค่ไหน: ต้องทำการบ้านก่อนนะ ศึกษาข้อมูลบริษัท วิสัยทัศน์ ภารกิจ ดูให้ครบ แล้วก็เอามาเล่าให้เขาฟัง แสดงให้เห็นว่าเราสนใจบริษัทจริงๆ ฉันทำการบ้านหนักมาก ก่อนสัมภาษณ์ทุกที่เลยแหละ

  5. จุดแข็งจุดอ่อน: จุดแข็ง บอกไปเลย ฉันเนี่ย ทำงานเป็นทีมเก่งมาก แก้ปัญหาเก่ง เรียนรู้อะไรเร็วด้วย จุดอ่อน ก็บอกไปว่า บางทีก็เป๊ะมากไปหน่อย แต่กำลังพยายามปรับปรุงอยู่ อย่าบอกจุดอ่อนที่เกี่ยวข้องกับงานที่จะสมัครนะ เดี๋ยวโดนคัดออก

  6. เงินเดือน: อันนี้ต้องดูตำแหน่ง ประสบการณ์ตัวเอง และเงินเดือนเฉลี่ยในตลาดด้วยนะ อย่าขอเยอะเกินไป แต่ก็อย่าขอต่ำกว่าที่เราควรได้ หาข้อมูลให้ดีๆก่อน สำคัญมากกกก

  • เพิ่มเติม: ควรเตรียมตัวให้พร้อม เช่น หาสถานที่เงียบๆ แต่งตัวให้เรียบร้อย เช็คอุปกรณ์ให้พร้อม อินเตอร์เน็ตต้องเสถียรด้วยนะ
  • ข้อควรระวัง: ฝึกซ้อมพูดก่อน เพื่อให้ตอบคำถามได้อย่างมั่นใจ และคล่องแคล่ว
  • สำคัญที่สุด: อย่าลืมยิ้มแย้มแจ่มใส และแสดงความกระตือรือร้น เพราะมันจะช่วยให้สัมภาษณ์ประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้นเยอะ

ทักไปสมัครงานยังไงดี?

เริ่มเลยนะ ทักไปสมัครงานเหรอ… อื้มมมมมม ทำไงดีวะเนี่ย

  • หัวเรื่อง: สมัครงานตำแหน่ง [ชื่อตำแหน่ง] – [ชื่อของคุณ]
  • เนื้อหา: สวัสดีครับ/ค่ะ ชื่อ [ชื่อของคุณ] สนใจสมัครงานตำแหน่ง [ชื่อตำแหน่ง] ที่เห็นประกาศใน [ช่องทางที่เจอประกาศ] ครับ/ค่ะ ที่สนใจเพราะ [เหตุผลที่อยากทำตำแหน่งนี้ สั้นๆ] มีประสบการณ์/ทักษะ [คุณสมบัติเด่นที่ตรงกับ JD] ครับ/ค่ะ

จบ.

แค่นี้จริงดิ? เอ่อ… หรือต้องเพิ่มอะไรอีก? อะ เพิ่มหน่อยก็ได้

  • ช่องทางที่เจอประกาศ: LinkedIn, JobThai, เว็บไซต์บริษัท, เพื่อนบอก, ฯลฯ
  • เหตุผลที่อยากทำ: ชอบงานท้าทาย, สนใจ product ของบริษัท, อยากพัฒนา skill ด้านนี้, สอดคล้องกับ career path, บลาๆๆๆ
  • คุณสมบัติเด่น: เก่ง Excel, ทำ Presentation ปัง, ภาษาอังกฤษคล่อง, มี connection ในวงการ, ใจเย็นอดทน

เอ๊ะ! แต่ถ้าไม่มีประสบการณ์ตรงล่ะ?

  • ถ้าไม่มีประสบการณ์: บอกว่ากระตือรือร้นเรียนรู้, มี passion ในงาน, เคยทำโปรเจกต์ที่เกี่ยวข้อง, มี skill ที่ transferable ได้

เฮ้อ เหนื่อยพิมพ์… แต่ต้องทำให้ได้สิ! สู้ๆๆๆ

อะแฮ่ม! แล้วถ้าบริษัทเล็กมาก ๆ ล่ะ? ต้องเปลี่ยนวิธีทักไหม? อาจจะต้อง… เป็นกันเองมากขึ้น? หรือ เป็นทางการน้อยลง?

อ๊ะ! หรือต้องแนบ resume ไปเลย? หรือรอให้เค้าขอก่อน?

ช่างมัน! เอาเป็นว่า…

  • ถ้าบริษัทเล็ก: อาจจะลองหาชื่อ HR/Recruiter ใน LinkedIn แล้วทักไปคุยก่อนก็ได้ (ถ้าหาเจอนะ)
  • Resume: ถ้ามี portfolio หรือผลงานอื่น ๆ แนบไปด้วยเลยก็ดี (ถ้ามีอีกนะ)

โอ๊ย! คิดเยอะไปป่าววะเนี่ย? สรุปคือ ส่งไปก่อนเหอะ! เดี๋ยวเค้าก็บอกเองแหละว่าต้องทำอะไรต่อ!! 55555

ปล. อย่าลืมเช็ค grammar ก่อนส่งด้วยนะ! สำคัญมากกกกกก

แนะนำตัวสัมภาษณ์พูดอะไรบ้าง?

อืมมม… เริ่มยังไงดีนะ สัมภาษณ์งานเนี่ยนะ เครียด!

  • แนะนำตัวสั้นๆ กระชับ ชื่อ-นามสกุล ประสบการณ์ตรงสายงาน ความสามารถหลักๆ เป้าหมาย แค่นี้แหละ อย่าเยอะ!

  • ต้องเน้นความมั่นใจนะ เสียงดังฟังชัด อย่าตะกุกตะกัก แบบว่า… ตอนสัมภาษณ์งานที่แล้ว ฉันพูดติดๆขัดๆ HR เค้าคงคิดว่าฉันไม่มั่นใจ งานเลยหลุดมือไป T_T

  • เตรียมตัวก่อนไป ซ้อมพูดซักสองสามรอบ หน้ากระจกก็ได้ จะได้ไม่ตื่นเต้นมากเกินไป จำได้ว่าเพื่อนฉันมันซ้อมจนแม่บ่นเลย 555+

  • อย่าลืมพูดถึงความสำเร็จที่ผ่านมาด้วยนะ แต่เลือกเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานที่สมัคร เช่น เคยลดต้นทุนบริษัทได้ 10% ในปีนี้ หรือเพิ่มยอดขายได้ 20% อย่ามโนเกินไปล่ะ!

  • สำคัญสุดๆ! ต้องถามคำถาม HR ด้วยนะ แสดงให้เห็นว่าเราสนใจงานจริงๆ และได้ศึกษาข้อมูลบริษัทมาอย่างดีแล้ว อย่าเงียบเชียว ไม่งั้นเค้าจะคิดว่าเราไม่ตั้งใจ ฉันเคยพลาดตรงนี้มาแล้ว เสียดายจัง…

  • อ้อ! ถ้ามี portfolio หรือผลงาน เตรียมไปด้วยนะ ยิ่งถ้าเป็นงานดีๆ ยิ่งมีแต้มต่อเลย ของฉันนี่ มีแต่ผลงานเก่าๆ ปีที่แล้ว ปีนี้ยังไม่มีอะไรโดดเด่นเลย

  • ภาษาอังกฤษสำคัญไหมนะ? ถ้าใช้ในการทำงาน ก็ควรเตรียมพร้อมไว้ แต่ถ้าไม่จำเป็น ก็ไม่ต้องฝืน พูดไทยให้ชัดเจนก็พอแล้ว ความหมายสำคัญกว่า

  • ยิ้มเยอะๆ หน่อยนะ ดูเป็นมิตร อย่าเคร่งเครียดมาก ปล่อยวางบ้าง คิดซะว่ามาคุยกับเพื่อน ไม่ใช่มาสอบ คิดแบบนี้แล้วสบายใจขึ้นเยอะเลย

สรุปแล้ว แนะนำตัวต้องสั้น กระชับ มั่นใจ เน้นความสามารถ และอย่าลืมเตรียมตัวให้พร้อม เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะ! สู้ๆ!

คุณคาดหวังอะไรจากบริษัทนี้?

ตอนนี้ก็ดึกมากแล้วนะ… ฉันนั่งคิดเรื่องงานอยู่นี่แหละ บริษัทที่ฉันทำงานอยู่… เอาจริง ๆ ฉันก็แค่อยากได้ความมั่นคงอะ ไม่ได้หวังอะไรมากมายเลย แค่ทำงานไปเรื่อย ๆ ได้เงินเดือนพอใช้จ่าย ก็โอเคแล้ว

แต่… บางทีมันก็รู้สึกว่า มันขาดอะไรไปสักอย่าง อืมมม… ไม่รู้สิ อาจจะเป็นเพราะเพื่อนร่วมงานบางคน หรือเปล่า? บางทีฉันก็รู้สึกว่า มันยากที่จะได้การยอมรับ จริง ๆ นะ ฉันพยายามทำงานให้ดีที่สุดแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่า ทำไมถึงรู้สึกแบบนี้

  • เงินเดือนที่ยุติธรรม คือเรื่องสำคัญมาก ฉันต้องใช้เงินเลี้ยงตัวเอง ช่วยเหลือครอบครัวด้วย
  • สวัสดิการที่ดี ก็ช่วยได้เยอะเหมือนกัน อย่างปีนี้ บริษัทมีปรับปรุงสวัสดิการด้านสุขภาพ ดีขึ้นเยอะ
  • โอกาสในการพัฒนา ฉันก็อยากเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยากก้าวหน้าในอาชีพ แต่ก็ไม่รู้ว่า โอกาสแบบนั้นมันมีจริงหรือเปล่า กับที่นี่นะ
  • สภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี สำคัญมาก ฉันอยากทำงานในที่ที่รู้สึกสบายใจ ไม่เครียด

บางวันฉันก็ท้อนะ คิดว่า ฉันควรจะเปลี่ยนงานหรือเปล่า แต่ก็กลัว กลัวว่าจะหาอะไรที่ดีกว่านี้ไม่ได้ หรือเปล่า… ยังไงก็ต้องหาทางออกให้ตัวเองได้สิ ฉันยังต้องใช้ชีวิตต่อไป ต้องหาเงินต่อไป ฉันคงต้องคิดทบทวนดูอีกที…

หัวหน้าหรือผู้บังคับบัญชาที่ดีควรมีคุณสมบัติอะไรบ้างเพื่อให้ลูกน้องยอมรับได้?

หัวหน้าที่ดี? เอ่อ…เรื่องนี้พูดได้ยาวเลย เอาจริง ๆ นะ เมื่อก่อนเคยเจอหัวหน้าที่แบบ…เฮ้อ ไม่อยากพูดถึง! ตอนนั้นทำงานที่ร้านกาแฟแถวสยาม ตอนปี 62 มั้ง หัวหน้าคนนั้นคือแบบสั่ง ๆ ๆ อย่างเดียว ไม่เคยลงมาช่วยอะไรเลย คือเข้าใจนะว่าตำแหน่งมันต่างกัน แต่บางทีก็อยากให้เห็นใจกันบ้างป่ะวะ

แต่พอมาเจอหัวหน้าที่ใหม่ ที่บริษัทปัจจุบัน (ทำมาเกือบ 3 ปีแล้วมั้ง ที่ตึกตรงอโศก) คนนี้คือดีจริง ๆ เค้าเป็นคนประเภทที่…

  • มองการณ์ไกล: คือเค้าวางแผนเก่งมาก รู้เลยว่าบริษัทจะไปทางไหน แล้วก็บอกเราทุกคนชัดเจน ไม่ใช่แบบคลุมเครือ ๆ
  • ทีมเวิร์ค: เรื่องนี้สำคัญสุด ๆ เค้าจะคอยกระตุ้นให้เราช่วยกันตลอด ไม่มีการโยนขี้กันเกิดขึ้น
  • สื่อสาร: อธิบายอะไรเข้าใจง่ายมาก คือบางทีเราก็โง่ ๆ หน่อย เค้าก็ใจเย็นสอน
  • รับผิดชอบ: อันนี้คือที่สุด! มีอะไรผิดพลาด เค้าจะออกหน้ารับเอง ไม่เคยโทษลูกน้องเลย
  • ให้คำปรึกษา: ไม่ใช่แค่เรื่องงานนะ เรื่องส่วนตัวเราก็ปรึกษาได้ เค้าใจดีมาก
  • ภาวะผู้นำ: อันนี้ไม่ต้องพูดเยอะ เค้าเป็น Role Model ให้เราได้เลย
  • รับฟัง: คือเค้าจะถามความคิดเห็นเราตลอด ไม่ได้คิดว่าตัวเองเก่งอยู่คนเดียว

พูดแล้วก็อยากให้ทุกคนเจอหัวหน้าแบบนี้จริง ๆ มันทำให้เราอยากทำงานมากขึ้นเยอะเลยนะเว้ย!

พนักงานที่ดีควรปฏิบัติตนอย่างไร?

พนักงานที่ดี? อืม…มันซับซ้อนกว่าแค่ “ทำตามหน้าที่” เยอะเลยนะ ในมุมมองผม มันคือการสร้างสมดุลระหว่างผลประโยชน์ของตัวเอง องค์กร และเพื่อนร่วมงาน

  • ความมุ่งมั่นและความซื่อสัตย์: แน่นอนว่าต้องมาเป็นอันดับแรก ไม่ใช่แค่ตอกบัตรเข้าออกตรงเวลา แต่คือการทำงานด้วยใจ เหมือนที่ปู่ผมสอนเสมอว่า “ทำอะไรก็ทำให้สุด อย่าทำแบบขอไปที” ความซื่อสัตย์ก็สำคัญไม่แพ้กัน ต้องซื่อสัตย์ต่อตัวเองและคนอื่น

  • จริยธรรมและความปลอดภัย: เรื่องนี้สำคัญมากในโลกที่อะไรๆ ก็เปลี่ยนแปลงเร็ว การตัดสินใจต้องมีจริยธรรม ไม่ใช่แค่ถูกกฎหมาย แต่ต้องถูกต้องในเชิงศีลธรรมด้วย ส่วนเรื่องความปลอดภัย ผมมองว่ามันคือความรับผิดชอบต่อส่วนรวม

  • การเคารพ: ไม่ใช่แค่เคารพผู้บังคับบัญชา แต่ต้องเคารพทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงาน หรือลูกน้อง การรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นเป็นสิ่งสำคัญ

เกร็ดเล็กน้อยที่อาจทำให้ชีวิตการทำงานดีขึ้น:

  • พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ: โลกมันเปลี่ยนไปทุกวัน ทักษะที่เรามีวันนี้ อาจใช้ไม่ได้ในวันพรุ่งนี้ การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เป็นเรื่องจำเป็น

  • สร้างความสัมพันธ์ที่ดี: การมีเพื่อนร่วมงานที่ดี ทำให้ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ คอยช่วยเหลือกันและกัน

  • หาความสุขในงานที่ทำ: ถ้าเราไม่ชอบงานที่เราทำ ชีวิตมันจะไม่มีความสุข ลองหางานที่เรารัก หรือหาวิธีสนุกกับงานที่เราทำอยู่

ความคิดส่วนตัว:

ผมเชื่อว่าการเป็นพนักงานที่ดี ไม่ใช่แค่การทำตามกฎ แต่เป็นการสร้างคุณค่าให้กับองค์กรและสังคม มันคือการที่เราได้ใช้ความสามารถของเราในการทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น

ทําไมถึงอยากทํางานบริษัทนี้ ตอบยังไง?

อยากทำงานบริษัทนี้? ตอบยังไงให้ได้งาน! (ปี 2566 นะจ๊ะ)

  • วิธีที่ 1: ตรงเป้า! แม่นยำ! เหมือนยิงปืนแม่นปืนใหญ่! บอกไปเลยว่าตำแหน่งนี้ตรงกับเป้าหมายอาชีพของคุณเป๊ะ! อย่างผมเนี่ย ตั้งใจจะขึ้นเป็นหัวหน้าฝ่าย Creative ภายใน 5 ปี บริษัทนี้มีโครงสร้างที่ชัดเจน โอกาสก้าวหน้าสูง เป๊ะเว่อร์! นี่แหละใช่เลย!

  • วิธีที่ 2: เล่าเรื่อง! เสริมเสน่ห์! เหมือนเล่าเรื่องผจญภัย! อย่าแค่บอกว่าสนใจ แต่ให้เล่าถึงแรงบันดาลใจ ความสนใจส่วนตัวที่เกี่ยวข้องกับงาน เช่น ผมชอบศิลปะดิจิทัล เห็นโปรเจคที่บริษัททำ มันใช่เลย! เหมือนไฟในตัวจุดขึ้นมา อยากร่วมสร้างสรรค์ผลงานระดับโลกด้วย! (จริงๆแล้วอยากได้เงินเดือนเยอะๆด้วยแหละ)

  • วิธีที่ 3: มุ่งมั่น! กระตือรือร้น! เหมือนพลังงานนิวเคลียร์! แสดงให้เห็นถึงความหลงใหล ความกระตือรือร้น ให้เค้ารู้ว่าคุณอยากเป็นส่วนหนึ่งของทีม อยากเรียนรู้ อยากพัฒนา อย่าแค่พูด แต่ต้องแสดงออก! อย่างผม ถึงขนาดไปส่องเว็บบริษัทมาเป็นอาทิตย์แล้วนะ! (แอบอ่านความคิดเห็นพนักงานเก่าด้วยนะ เอ๊ะ!)

  • วิธีที่ 4: ความลับ! เฉียบคม! เหมือนเจมส์บอนด์! หาข้อมูลบริษัทให้ดี! วิเคราะห์ สังเกต แล้วใช้ข้อมูลเหล่านั้น ผสานกับความรู้ความสามารถของคุณ เพื่อตอบคำถามได้อย่างเฉียบคม และแสดงให้เห็นว่าคุณเข้าใจบริษัท และพร้อมที่จะร่วมงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ (อย่างผมนะ ผมรู้จักผู้บริหารคนสำคัญหลายคนเลยล่ะ ล้อเล่นๆนะ!)

ข้อมูลเพิ่มเติม (ปี 2566):

  • เทรนด์การจ้างงานปีนี้: บริษัทส่วนใหญ่เน้นความสามารถในการแก้ปัญหา การทำงานเป็นทีม และความสามารถในการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เตรียมตัวให้พร้อมนะ!
  • คำแนะนำเพิ่มเติม: ควรเตรียมตัวตอบคำถามเกี่ยวกับข้อดีข้อเสียของคุณเองด้วย อย่าอวยตัวเองจนเกินไป และอย่าลืมเตรียมคำถามที่จะถามผู้สัมภาษณ์ด้วย แสดงให้เห็นว่าคุณมีความสนใจและใส่ใจจริงๆ (อย่าลืมถามเรื่องสวัสดิการด้วยนะ!)
#มือถือ #สัมภาษณ์งาน #ออนไลน์