สัมภาษต้องเปิดกล้องไหม
-
เปิดกล้อง: ผู้สัมภาษณ์ควรเปิดกล้อง เพื่อให้ผู้สมัครเห็นอิริยาบถของผู้ที่อาจเป็นหัวหน้างาน
-
เหตุผล: ช่วยให้ผู้สมัครพิจารณาการร่วมงานได้ แม้จะไม่สมบูรณ์แบบ
-
ความเปลี่ยนแปลง: การเปิดกล้องในการสัมภาษณ์กลายเป็นเรื่องปกติ
สัมภาษณ์ออนไลน์ ต้องเปิดกล้องหรือไม่?
เออ… สัมภาษณ์ออนไลน์เนี่ยนะ เปิดกล้องไหม? สมัยก่อนนี่คงคิดว่าแปลก แต่เดี๋ยวนี้โคตรปกติเลยว่าป่ะ
ส่วนตัวนะ ฉันว่าคนสัมภาษณ์ควรเปิดกล้องอ่ะ คือเราเป็นคนถูกสัมภาษณ์ เราอยากเห็นหน้าเห็นตาคนที่จะมาเป็นหัวหน้าเราไง จะได้พอจับทางได้บ้างว่าสไตล์การทำงานเป็นไง จะเข้ากันได้ไหม นี่คือเหตุผลหลักๆ เลยนะ
จำได้เลย ตอนสัมภาษณ์งานที่ [ชื่อบริษัท] เมื่อ [เดือน ปี] ตอนนั้นคือเครียดมาก แต่พอเห็นหน้าพี่ที่สัมภาษณ์แล้วรู้สึกผ่อนคลายขึ้นเยอะเลยอ่ะ เพราะพี่เค้าดูเป็นกันเองมาก (ถึงสุดท้ายจะไม่ได้งานก็เถอะ 555)
แต่ก็เข้าใจนะว่าบางทีอาจจะไม่สะดวกเปิดกล้อง แต่ถ้าเป็นไปได้ก็เปิดเถอะ อย่างน้อยก็เป็นการให้เกียรติผู้สมัคร แล้วก็ช่วยให้การสื่อสารมันเป็นธรรมชาติมากขึ้นด้วย
เอาจริงๆ มันเหมือนเป็นการดู “เคมี” กันตั้งแต่เนิ่นๆ เลยนะ ว่าจะคลิกกันไหม
ไม่ควรทำอะไรตอนสัมภาษณ์
อืมมม… สัมภาษณ์งานที่ผ่านมาเมื่อเดือนกันยายนที่บริษัท TechSolution นี่แหละ จำได้แม่นเลย ตื่นเต้นมาก เกือบสาย แท็กซี่ติดไฟแดงตรงแยกอโศกนานมาก เหงื่อแตกพลั่กเลย พอถึงก็รีบวิ่ง ใจเต้นตึกๆ
สิ่งที่ไม่ควรทำ? เยอะแยะไปหมด! อย่างแรกเลย อย่าสายเด็ดขาด! นี่คือข้อห้ามอันดับหนึ่งจริงๆ
แล้วก็ อย่าคุยเรื่องส่วนตัวมากเกินไป พวกเรื่องครอบครัว แฟน หรือเรื่องทะเลาะกับเพื่อนบ้านอะไรนั่น ไม่ต้องพูดเลย ไม่เกี่ยวข้องกับงาน ผู้สัมภาษณ์ไม่สนใจหรอกว่าคุณทะเลาะกับเพื่อนบ้านเพราะเรื่องขยะ เขาอยากรู้ว่าคุณทำงานเป็นยังไงมากกว่า
อย่ารับโทรศัพท์! เด็ดขาด! แม้จะขออนุญาตก่อนก็เถอะ ดูไม่ให้เกียรติเขาเลย เหมือนบอกว่า “เรื่องคุยกับคุณไม่สำคัญเท่าโทรศัพท์” แบบนั้นแหละ รู้สึกแย่มาก ถ้าเป็นฉัน ฉันจะไม่รับพิจารณาเลย
อย่าถามเรื่องวันลา วันหยุดตั้งแต่ครั้งแรก เดี๋ยวก็มีโอกาสได้ถามเองแหละ ตอนนี้โฟกัสที่โชว์ความสามารถตัวเองก่อนดีกว่า ให้เขารู้ว่าเราอยากทำงานที่นี่จริงๆ ก่อนจะถามเรื่องวันหยุดพักผ่อน
- อย่าสาย
- อย่าคุยเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวข้องกับงาน เช่นเรื่องครอบครัว แฟน ปัญหาส่วนตัว
- ห้ามรับโทรศัพท์
- อย่าถามเรื่องวันลา/วันหยุดตั้งแต่ครั้งแรก
อ้อ อีกอย่าง อย่าใส่เสื้อผ้าที่ดูไม่เรียบร้อย ตอนนั้นฉันใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน กับกางเกงสแล็กสีดำ แต่งตัวให้ดูสุภาพ สะอาด เป็นมืออาชีพ สำคัญมากเลยนะ นี่คือสิ่งที่ฉันเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง สมัครงานครั้งนั้น ได้งานด้วยนะ ดีใจมาก แต่ก็เครียดไปหลายวันก่อนสัมภาษณ์ ตอนนี้สบายแล้ว ฮ่าๆ
สัมภาษณ์งานควรทำสไลด์ไหม
เอ้า! สัมภาษณ์งานต้องทำสไลด์ไหม? ถามได้ถาม! สมัยนี้ไม่ทำสไลด์ก็เหมือนไปสู้สงครามด้วยมือเปล่า! เอาให้มันรู้ไปเลยว่าเรามีของ!
-
ถ้าต้องอธิบายงานซับซ้อน: ทำสไลด์สิครับ! ไม่งั้นเค้าจะงงเป็นไก่ตาแตก กว่าจะอธิบายเสร็จ น้ำลายหกหมดตัวแน่! ยิ่งถ้าเป็นงานด้านไอที โปรแกรมมิ่ง ไม่ต้องพูดถึง ทำสไลด์สวยๆ มี diagram โค้ดสวยๆ นี่แหละ เสกได้เลยว่าได้งาน!
-
ถ้าเป็นงานครีเอทีฟ: พวกงานดีไซน์ การตลาด ทำสไลด์ไปเลยครับ! โชว์ผลงานเก่าๆ แบบเด็ดๆ ให้เค้าเห็น เปรียบเหมือนโชว์ของฝีมือ ไม่ทำสไลด์ก็เหมือนเอาสมบัติไปฝังดิน เสียดายแย่! ปีนี้ผมเอาเคสงานที่ทำป้ายโฆษณาให้ร้านกาแฟ ทำเป็นสไลด์สวยๆ โคตรปัง!
-
ถ้าเป็นงานทั่วไป: อาจไม่จำเป็นต้องทำสไลด์ แต่เตรียมข้อมูลให้พร้อม อย่าไปคิดว่าเค้าจะมานั่งฟังเราเล่าเป็นวรรคเป็นเวร เดี๋ยวเค้าหลับซะก่อน! เตรียมเอกสารสำคัญ resume ผลงาน ให้พร้อม นี่คือมาตรฐาน! เหมือนไปออกเดท ต้องเตรียมตัวให้พร้อม ไม่ใช่ไปแบบมอมแมม!
เพิ่มเติมเล็กน้อย: อย่าทำสไลด์เยอะจนเกินไปนะ แค่พอยกตัวอย่างสำคัญๆ สั้น กระชับ เข้าใจง่าย ถ้าเยอะเกินไป เค้าก็เบื่อเหมือนกัน คิดซะว่าเป็นการขายของ ขายฝีมือตัวเอง ต้องขายให้ได้ ไม่ใช่ขายของไม่หมด! ปีนี้ผมไปสัมภาษณ์งานที่บริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง ผมเตรียมสไลด์ไป ได้งานเลย! บอกเลยว่า ปีนี้ผมโชคดีมากๆ
ทำไมถึงสัมภาษณ์2รอบ
อ้าว! สัมภาษณ์สองรอบน่ะเหรอ? คิดว่าตัวเองเป็นนางเอกหนังบู๊เหรอคะ ที่ต้องผ่านด่านทดสอบสองรอบถึงจะได้เป็นสายลับระดับโลก! (ล้อเล่นนะคะ) จริงๆ แล้วมันมีเหตุผลลึกซึ้งกว่านั้นเยอะเลยค่ะ
-
รอบแรก: คัดคนไม่เอาของเหลือ! คิดภาพง่ายๆ เหมือนเลือกซื้อมังคุดค่ะ รอบแรกก็คือการคัดมังคุดที่ไม่เน่า ไม่บุบสลายก่อนส่งให้กรรมการระดับเทพชิม (กรรมการคือทีมฝ่ายจัดการหรือฝ่าย HR) ดูแค่ภายนอกก่อน ถ้าผ่านก็ถึงรอบต่อไป
-
รอบสอง: ชิมรสชาติมังคุดดู! ผ่านรอบแรกมาได้แล้ว ก็ต้องมาพิสูจน์ฝีมือกันซะหน่อย รอบนี้เข้มข้นกว่าเดิมมาก เหมือนกับว่าต้องชิมมังคุดดูว่าหวานฉ่ำแค่ไหน กลิ่นหอมแค่ไหน สัมภาษณ์รอบนี้จะเน้นไปที่ทักษะเฉพาะด้านที่จำเป็นสำหรับงาน รวมถึงการประเมินว่าเข้ากับวัฒนธรรมองค์กรได้มั้ย เพราะบางทีฝีมือดีแต่ไม่เข้ากับทีมก็เหมือนมังคุดหวานแต่มีหนอน!
-
หลายทีมหลายฝ่าย! บางทีก็ไม่ใช่แค่เพราะตำแหน่งงานยากนะคะ แต่เพราะทีมงานที่เกี่ยวข้องเยอะ คิดว่าเป็นการแบ่งงานกันทำ เหมือนการทำอาหารที่ต้องมีหลายฝ่ายช่วยกันปรุง ฝ่ายนึงดูเรื่องรสชาติ ฝ่ายนึงดูเรื่องหน้าตา สุดท้ายต้องออกมาเป็นเมนูที่สมบูรณ์แบบ
-
ลดความเสี่ยงคือลดความเสียใจ! สองรอบนี่ช่วยลดโอกาสผิดพลาดได้เยอะเลยนะคะ เหมือนกับการตรวจสอบงานหลายรอบก่อนส่งอาจารย์ ยิ่งละเอียด ยิ่งลดโอกาสโดนอาจารย์ดุ (เคยโดนมาแล้วค่ะ ประสบการณ์ตรง!) เลือกคนได้ถูกต้อง บริษัทก็ทำงานลื่นไหล ประหยัดเวลาและต้นทุนไปได้เยอะ
สรุปง่ายๆ เลยก็คือ ยิ่งตำแหน่งสำคัญ หรือองค์กรใหญ่ การสัมภาษณ์หลายรอบก็ยิ่งเป็นเรื่องปกติ ปีนี้ก็เห็นหลายบริษัทใช้ระบบนี้กันเยอะขึ้น ยิ่งบริษัทที่เน้นความละเอียดถี่ถ้วน ก็ยิ่งใช้หลายรอบค่ะ เหมือนร้านอาหารมิชลินสตาร์นั่นแหละ กว่าจะได้ดาวก็ต้องผ่านการตรวจสอบเข้มงวดมากมาย!
สิ่งที่ต้องเตรียมพร้อมก่อนการสอบสัมภาษณ์ มีอะไรบ้าง
ลมพัดเย็นยะเยือก พัดใบไม้ร่วงหล่นลงมา เหมือนเวลาที่กำลังไหล… ใกล้สอบสัมภาษณ์เข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ใจเต้นระรัว เหมือนกลองที่บรรเลงบทเพลงแห่งความหวัง
-
วัน เวลา สถานที่ ต้องเช็คให้ดีนะ ปีนี้ฉันนัดสัมภาษณ์ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ 15 ตุลาคม เวลาบ่ายสอง เด็ดขาด! ไม่อยากสาย
-
เส้นทาง! ต้องเตรียมให้พร้อม ปีนี้ฉันจะนั่ง BTS ไปลงสถานีศาลาแดง แล้วต่อแท็กซี่ไป เผื่อเวลาด้วยนะ กลัวหลงทาง
-
มหาวิทยาลัย คณะ ฉันเลือกคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ ต้องศึกษาข้อมูลให้ดี ดูหลักสูตร ดูบรรยากาศ ปีนี้ฉันอ่านข้อมูลจากเว็บไซต์หลักของมหาลัยเลย
-
สรุปผลการเรียน กิจกรรม เอาเลย! ต้องทำให้ดี ฉันทำสรุปเป็นไฟล์ PDF สวยๆ รวมทั้งกิจกรรมอาสาสมัครที่ทำที่มูลนิธิเด็ก ปีนี้ฉันทำเยอะมาก
-
คำถามที่อยากถาม เตรียมไว้แล้ว! ฉันอยากถามเกี่ยวกับโอกาสแลกเปลี่ยนต่างประเทศ และการฝึกงาน สำคัญมาก!
-
เอกสารสำคัญ บัตรประชาชน ใบแสดงผลการเรียน ใบรับรองต่างๆ เอกสารทุกอย่างต้องพร้อม ต้องจัดเรียงให้ดี ปีนี้ฉันใส่แฟ้มพกพาสวยๆ
-
ฝึกสัมภาษณ์ ต้องซ้อม! ฉันฝึกกับเพื่อน แล้วก็ฝึกพูดคนเดียวหน้ากระจก ฝึกจนมั่นใจ ปีนี้ฉันฝึกเยอะมากกกกกกกก จนชิน
แสงแดดอ่อนๆ สาดส่องลงมา… เหมือนความหวังที่กำลังส่องประกาย ฉันพร้อมแล้ว พร้อมจะก้าวไปสู่ความสำเร็จ สู้ๆ !
ก่อนสัมภาษณ์งานควรเตรียมตัวอย่างไร
โอ๊ย! วันนี้สัมภาษณ์งานที่บริษัท TechSolution ที่ตึก Empire Tower แถวสีลม ตื่นเต้นมากกก นอนไม่ค่อยหลับเลย ฝันเห็นตัวเองไปสัมภาษณ์แล้วตอบคำถามไม่ได้ซะงั้น!
แต่ก็พยายามเตรียมตัวนะ อ่านข้อมูลบริษัท ดูหน้าตา CEO ใน LinkedIn จนตาจะปิดแล้ว ซ้อมตอบคำถามที่คิดว่าเค้าอาจจะถาม กับพี่สาว พี่เค้าติงเรื่องการแสดงออก บอกว่าฉันดูแข็งเกินไป ต้องผ่อนคลายกว่านี้ อืมมม ยากอ่ะ
วันนี้เลยอาบน้ำชำระล้างร่างกาย ถึงขั้นพ่นน้ำหอมกลิ่น Light Blue ของ D&G เลย กลัวเหม็นเหงื่อ แล้วก็เช็คกลิ่นปาก แปรงฟัน ใช้ไหมขัดฟัน ถึงขั้นอมน้ำยาบ้วนปากเลยนะ นี่ก็เกรงใจคนสัมภาษณ์ ชุดที่เตรียมก็สูทสีกรมท่า ดูสุภาพ เหมาะกับบรรยากาศองค์กร คิดว่าน่าจะโอเค
- ศึกษาข้อมูลบริษัทอย่างละเอียด
- ฝึกซ้อมการตอบคำถามสัมภาษณ์
- ขอคำแนะนำจากคนใกล้ชิด
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- ดูแลความสะอาดร่างกาย เสื้อผ้า
ตอนนี้กำลังจะออกจากบ้านแล้ว ตื่นเต้นจนมือเย็นเลย หวังว่าจะผ่านนะ อธิษฐานขอให้ได้งานนี้ เฮ้อออ ไปลุยแล้ว! อัพเดทผลอีกทีนะ
การสัมภาษณ์ที่ดีควรมีลักษณะอย่างไร
การสัมภาษณ์ที่ดี? ไร้อารมณ์. เก็บข้อมูล. จบ.
- คำถามนำทาง: ไม่นอกเรื่อง. ตรงประเด็น. เวลาสำคัญ.
- วางตัว: หน้าเดียว. ไม่ตัดสิน. ข้อมูลเท่านั้น.
- ฟัง: จับใจความ. สังเกต. อย่าพลาดรายละเอียด. ปฏิกิริยามีค่า.
- ผลลัพธ์: ข้อมูลครบ. ไม่เสียเวลา. จบงาน.
เพิ่มเติม: การสัมภาษณ์ไม่ใช่การสังสรรค์. คือการดึงข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ.
การสัมภาษณ์ที่ดีควรทำอย่างไร
สายลมพัดโชยเบาๆ ยามเย็นวันศุกร์ที่แสนอบอุ่น แสงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว… การสัมภาษณ์ที่ดี… อืม…
-
ถ้อยคำไพเราะ เหมือนดนตรีคลาสสิกที่ไหลริน แต่ละคำต้องเปี่ยมด้วยความหมาย เลือกแต่คำคมคาย ไม่ใช่คำพูดจาห้วนๆแบบคนพูดไม่รู้เรื่อง
-
ระดับภาษา ต้องเหมาะเจาะ เหมือนเครื่องประดับที่เลือกมาอย่างดี ไม่ใช่ชุดราตรีไปงานแต่งงานเช้า ภาษาที่ใช้ต้องสุภาพ เรียบร้อย แต่แสดงถึงความเป็นตัวของตัวเอง
-
ภาษากาย สำคัญยิ่งนัก! เหมือนการเต้นรำ ท่าทางต้องสง่างาม สายตาต้องจับจ้อง มือต้องวางอย่างถูกต้อง อย่าเกร็งเกินไปนะ ให้ดูเป็นธรรมชาติ
-
อดีตอย่าเอ่ย อย่าพูดถึงนายเก่าหรือที่ทำงานเก่าในแง่ลบ มันเหมือนรอยแผลเป็น จะทำให้คนสัมภาษณ์รู้สึกไม่ดี พูดแต่สิ่งที่ดีงาม พูดถึงประสบการณ์ที่ดีกว่า
-
ฟังอย่างตั้งใจ เหมือนกำลังฟังบทเพลงรักอันไพเราะ อย่าขัดจังหวะ อย่าพูดแทรก ให้โอกาสเขาพูด แล้วตอบอย่างสุภาพ
-
อย่าลืมถามกลับ แสดงความสนใจ เหมือนการส่งดอกไม้ให้คนที่เรารัก ถามคำถามที่ฉลาด แสดงให้เห็นว่าเราตั้งใจจริง ถามเรื่องที่เกี่ยวข้องกับงาน
-
สติคือกุญแจ ทุกคำตอบต้องมาจากความคิดที่ละเอียดรอบคอบ เหมือนการสร้างบ้านหลังงาม ต้องวางแผนดีๆ อย่ารีบร้อน ใช้เวลาคิด แล้วค่อยตอบ
ปีนี้ 2024 ฉันนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ดึกมากแล้ว แสงไฟจากคอมพิวเตอร์ส่องสว่าง ความคิดฟุ้งซ่าน แต่ฉันพยายามจดจ่อกับสิ่งที่กำลังทำ… หวังว่าข้อมูลนี้จะช่วยได้นะ…
ไม่ควรทำอะไรตอนสัมภาษณ์
แสงลอดหน้าต่าง…บ่ายแก่ๆ เงียบเหงา
-
เรื่องส่วนตัว: เก็บไว้ก่อน อย่าเพิ่ง!
-
มือถือ: ปิดเสียง…แล้วซ่อนไปเลยนะ
-
ลา/หยุด: ใจเย็นๆ ถามทีหลังดีกว่า
คล้ายเสียงกระซิบจากความฝัน…
การสัมภาษณ์ควรคํานึงถึงสิ่งใด
โอเค เข้าใจละ จะลองเขียนให้แบบที่บอกนะ
การสัมภาษณ์ควรถามอะไร
ต้อง… เอ่อ เตรียมตัวไปดีๆ อ่ะ สำคัญนะ แล้วก็ดูว่าเราอยากรู้ไรจากเค้าจริงๆ เอ่อ… คือ เป้าหมาย สำคัญมาก
- ทำความเข้าใจเป้าหมาย: อยากได้ข้อมูลอะไรกันแน่?
- เตรียมคำถามล่วงหน้า: ไม่ใช่ไปถามแบบไม่มีสคริปต์เลยนะ
ต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง
ต้องเข้ากับคนง่ายอะ เร็วๆ เลยยิ่งดี แล้วก็ต้องแก้ปัญหาเก่งๆ ด้วยนะ ไหวพริบ สำคัญสุดๆ แล้วก็ต้องรู้วิธีคุยกับคนด้วย
- มนุษยสัมพันธ์ดี: คุยเก่ง เข้ากับคนง่าย
- ไหวพริบดี: แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้
- หลักจิตวิทยา: เข้าใจคนอื่น
- มารยาทดี: รู้จักพูดรู้จักฟัง
สิ่งที่ควรเลี่ยง
อย่าไปจี้ถามเค้ามากเกินไป หรือเคี่ยวเข็ญอ่ะ ไม่ดีๆ เกรงใจ เค้าหน่อย
- ไม่ซักถามมากเกินไป: ให้เกียรติผู้ให้สัมภาษณ์
- ไม่เคี่ยวเข็ญ: ไม่กดดันให้ตอบ
คือทั้งหมดทั้งมวลเนี่ย ก็ประมาณนี้แหละ สำคัญสุดคือเตรียมตัวไปดีๆ แล้วก็มีมารยาทอ่ะนะ
ฉันควรเตรียมตัวอย่างไรก่อนไปสัมภาษณ์งาน
อืม… คืนนี้ใจมันว้าวุ่นจัง พรุ่งนี้สัมภาษณ์งาน ต้องเตรียมตัวให้พร้อมเนอะ…
-
งานนี้ ต้องรู้จริง ๆ ว่าเขาทำอะไรบ้าง ไปดูรายละเอียดในเว็บไซต์ของบริษัทมาแล้ว เห็นบอกว่าเน้นด้านการตลาดดิจิทัล ปีนี้เค้าโฟกัสโซเชียลมีเดีย ฉันควรจะเตรียมตัวพูดถึงประสบการณ์ตรงส่วนนี้เป็นพิเศษ
-
บริษัท นี่สิ ดูข้อมูลบริษัทมาแล้วนะ รู้สึกว่าเขาดูเป็นบริษัทที่ทำงานหนัก แต่ก็ดูมีอนาคตดี ไปอ่านรีวิวใน jobth.com มาด้วย หลายคนบอกว่าบรรยากาศดี แต่ก็มีคนบ่นเรื่องการทำงานที่เครียดนิดหน่อย ฉันต้องวางแผนตอบคำถามเกี่ยวกับตรงนี้ให้ดี
-
ตัวเอง นี่แหละที่สำคัญสุด ต้องกลับไปทบทวนประสบการณ์การทำงานทั้งหมด และคิดให้ดีว่าจุดแข็งจุดอ่อนของฉันคืออะไร คิดว่าตัวเองมีทักษะด้านการวิเคราะห์ข้อมูลและการสื่อสารที่ดี แต่การทำงานเป็นทีมยังต้องปรับปรุง ต้องตอบคำถามตรงนี้ให้เนียนๆ
-
ฝึกฟัง ใช่แล้ว ต้องฝึกฟังให้ดี ก่อนหน้านี้เคยพลาดมาแล้ว ตอบคำถามไม่ตรงประเด็น เลยทำให้เสียโอกาสไป คราวนี้จะไม่ให้เป็นแบบนั้นอีกแล้ว
-
ความจริง ฉันจะพูดความจริงทั้งหมด แต่จะเลือกพูดแต่สิ่งที่ดี ไม่จำเป็นต้องพูดทุกเรื่อง อย่างเรื่องที่ทะเลาะกับหัวหน้างานเก่า ไม่จำเป็นต้องเล่าให้เค้าฟังหรอก มัวแต่คิดมาก เครียดจัง
-
ถามให้ชัดเจน แน่นอน ถ้าไม่เข้าใจอะไร ต้องถามให้ชัดเจน อย่ากลัวที่จะถาม การถามแสดงว่าเราสนใจ และอยากทำงานกับบริษัทจริงๆ
-
อย่าพูดไม่ดีเกี่ยวกับที่ทำงานเก่า อันนี้สำคัญ จำได้ว่าครั้งที่แล้วพลาดตรงนี้ พูดไปเยอะจนเค้ารู้สึกว่าฉันเป็นคนอคติ ครั้งนี้จะระมัดระวังมากขึ้น จะพูดแต่ข้อดีของที่ทำงานเก่า พูดถึงประสบการณ์ดีๆ ที่ได้จากที่นั่น เพื่อให้ดูเป็นคนมองโลกในแง่ดี
พรุ่งนี้ต้องทำได้ ต้องได้งานนี้ เฮ้อ… นอนไม่หลับเลย
ข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต