จะรู้ได้ไงว่าทารกไม่สบาย
สังเกตอาการป่วยของทารกได้จาก:
- ไข้: ตัวร้อน
- สีผิว: ซีด
- พฤติกรรม: ซึม, ร้องไห้ผิดปกติ
- ระบบทางเดินอาหาร: อาเจียน (สีเขียว/ปนเลือด), ไม่กิน/กินน้อยลง
- ระบบประสาท: ชัก
- ระบบทางเดินหายใจ: หายใจเร็ว/ลำบาก, หยุดหายใจนาน
ลูกน้อยไม่สบาย? สังเกตอาการอย่างไร?
ลูกฉันเคยเป็นไข้สูง จำได้เลยตอนนั้นวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ปีที่แล้ว ตัวร้อนจี๋ ซีด ซึม กินอะไรไม่ลง ใจหายใจคว่ำเลยค่ะ ตอนนั้นตกใจมาก รีบพาไปโรงพยาบาลจุฬาฯ ค่าตรวจก็แพงอยู่เหมือนกัน หมอบอกว่าเป็นไวรัส ให้กินยาแก้ไข้ กับพักผ่อนเยอะๆ โชคดีที่ไม่ร้ายแรงอะไร หายภายในสองวัน แต่เห็นลูกเป็นแบบนั้นแล้ว ใจคอไม่ดีเลยจริงๆ
ถ้าเด็กอาเจียนเป็นสีเขียวหรือมีเลือดปน นี่อันตรายนะ ต้องรีบพาไปหาหมอ อย่างกรณีลูกฉัน แค่ไข้สูง ซึม ก็เป็นห่วงมากแล้ว ถึงแม้หมอบอกว่าเป็นแค่ไวรัสธรรมดา แต่แม่นี่แหละ ใจจะขาด
อีกอย่างที่สังเกต คือเรื่องหายใจ ถ้าหายใจเร็วผิดปกติหรือมีเสียงหายใจหอบเหนื่อย นี่ต้องระวัง ไม่ใช่แค่ไข้สูงอย่างเดียวนะ ต้องรีบพาไปหาหมอ เพราะอาจมีปัญหาเรื่องปอด หรือระบบทางเดินหายใจ
ส่วนเรื่องชักนี่ อันตรายมาก ถ้าเกิดอาการชัก รีบส่งโรงพยาบาลด่วนเลยค่ะ นี่คือประสบการณ์ตรงที่ได้เรียนรู้จากการดูแลลูก เพราะฉะนั้น อย่าชะล่าใจ ถ้าเห็นลูกมีอาการผิดปกติ รีบไปหาหมอดีที่สุดค่ะ
ดูยังไงว่าทารกมีไข้
สังเกตอาการผิดปกติ ซึม กินน้อย ร้องไห้
- วัดไข้ วิธีที่แม่นยำที่สุด
อุณหภูมิสำคัญ
- 37.5-38.0 องศาเซลเซียส: ไข้ต่ำ
- 38.1-39.0 องศาเซลเซียส: ไข้ปานกลาง (ข้อมูลปี 2566 จากประสบการณ์ส่วนตัวในการดูแลหลาน)
- สูงกว่า 39.0 องศาเซลเซียส: ไข้สูง รีบพบแพทย์
หน้าผากอุ่น ไม่ใช่ตัวชี้วัดที่เชื่อถือได้ อย่าพึ่ง วัดไข้ด้วยเทอร์โมมิเตอร์ จำไว้
ดูยังไงว่าทารกป่วย
โอ๊ย! จะดูว่าลูกป่วยน่ะเหรอ? อย่าไปเครียด! เด็กมันก็ร้องงอแงเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้ามีอาการตามนี้ สงสัยต้องพาไปหาหมอแล้วล่ะ
-
ซึมเป็นหมาหงอย: ปกติลูกเราซนเหมือนลิง นี่นอนนิ่งเป็นผัก ก็ไม่น่าไว้ใจแล้ว!
-
เมินนม: นมแม่นี่ของโปรด ถ้าไม่กินนมเนี่ย เรื่องใหญ่กว่าหวยไม่ถูกอีก!
-
ดูดนมแปลกๆ: เคยดูดเก่งเหมือนเครื่องปั๊มนม มาวันนี้ดูดเหมือนคนแก่ฟันหลุด…เอ๊ะยังไง?
-
งอแงระดับสิบ: ปกติก็งอแงอยู่แล้ว แต่นี่ร้องเหมือนใครเอาไม้แหย่รังแตน ต้องสังเกตดีๆ!
-
ตัวร้อนเป็นไฟ: อันนี้ไม่ต้องบอกก็รู้มั้ง จับแล้วเหมือนเอาไปปิ้งย่าง!
-
อ้วกพุ่ง: ไม่ใช่อ้วกธรรมดา นี่อ้วกเหมือนหนังสยองขวัญ!
-
สะดือเหม็นเน่า: สะดือลูกใครเหม็นเหมือนปลาเค็มบูด ต้องรีบไปหาหมอ เดี๋ยวเชื้อเข้ากระแสเลือด!
-
ตัวเหลืองเป็นทอง: ถ้าลูกเราตัวเหลืองอร่ามเหมือนพระพุทธรูป อันนี้ต้องรีบปรึกษาหมอ เดี๋ยวจะกลายเป็นโรคดีซ่าน!
ข้อมูลเพิ่มเติม (เผื่อใครยังไม่รู้):
-
ไข้: ถ้าวัดปรอทแล้วเกิน 37.5 องศาเซลเซียส ถือว่ามีไข้แล้วนะจ๊ะ! อย่ารอให้ไข้ขึ้นสูงจนชัก!
-
สะดือ: ดูแลความสะอาดสะดือลูกให้ดี อย่าให้มีขี้ไคลหมักหมม! เช็ดด้วยแอลกอฮอล์ 70% เบาๆ ก็พอ!
-
ตัวเหลือง: ถ้าลูกตัวเหลืองแดดส่องแล้วไม่หาย ไปหาหมอให้ส่องไฟซะ! อย่าปล่อยไว้นาน เดี๋ยวสมองพิการ! (อันนี้ขู่ไว้ก่อนนะ!)
จะรู้ได้ไงว่าทารกเจ็บคอ
เฮ้อ… กลางคืนแบบนี้ คิดถึงลูกจังเลย เรื่องลูกป่วยนี่ มันกังวลจริงๆ นะ
ตอนที่ลูกสาวฉันเป็น เล็กๆ นี่แหละ จำได้ว่า สังเกตยากมาก ว่าเค้าเจ็บคอหรือเปล่า เพราะเค้ายังพูดไม่ได้เต็มปาก แต่ที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ
- ร้องไห้บ่อยขึ้นกว่าปกติ แบบงอแง ทั้งวัน ไม่ยอมหยุดเลย
- กินนมน้อยลง ปกติกินเก่งมาก แต่ช่วงนั้น ดูซึมๆ กินน้อยลงเยอะ
- ดูอารมณ์ไม่ดี ซึมๆ ไม่ค่อยยิ้มเลย
ตอนนั้น พาไปหาหมอ หมอบอกว่า ดูที่ลำคอ ว่าแดงหรือเปล่า บวมมั้ย ถ้าบวมแดง ก็มีโอกาสเป็น ต้องดูอาการอื่นประกอบด้วย อย่างเช่น ไอ มีไข้
เรื่องทอนซิลอักเสบ จริงๆ ฉันก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ แต่จำได้ว่า หมอบอกว่า ถ้าทอนซิลอักเสบ จะเห็นทอนซิลบวมแดง ขนาดใหญ่ขึ้น ลูกฉันตอนนั้น อาการไม่หนักมาก หมอให้ยามาทา และยาแก้ปวด
ปีนี้ (2024) ฉันก็ยังคอยระวังเรื่องพวกนี้อยู่ กลัวลูกจะป่วยอีก มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายยาก เป็นความกังวลที่คอยวนเวียนอยู่ในหัวตลอดเวลา เลยต้องคอยสังเกตอาการของลูกตลอดเวลา ไม่ว่าจะเรื่องกินข้าว เรื่องนอน หรือเรื่องอารมณ์ อะไรที่ผิดปกติ จะพยายามสังเกตให้ดี แล้วก็พาไปหาหมอทันทีเลย
ทารกกี่องศาถึงมีไข้
ทารกมีไข้เมื่ออุณหภูมิเกิน:
- ปาก/รักแร้: 37.5 องศาเซลเซียส
- ทวารหนัก: 38 องศาเซลเซียส
ใช้เทอร์โมมิเตอร์ที่ได้มาตรฐาน การวัดต้องถูกวิธี เด็กโตวัดทางปากได้แม่นยำกว่า แต่ต้องระวังความปลอดภัย
- ปี 2566 ข้อมูลจากแพทย์ประจำตัวลูกชาย (อายุ 2 ขวบ): การวัดอุณหภูมิทางทวารหนักให้ผลแม่นยำที่สุด แต่ใช้เฉพาะเมื่อจำเป็น เนื่องจากความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ
ความแม่นยำขึ้นอยู่กับวิธีวัดและอุปกรณ์ หากสงสัย ควรปรึกษาแพทย์ อย่าพึ่งการวินิจฉัยตัวเอง
เลี้ยงลูกยังไงไม่ให้งอแง
เลี้ยงลูกยังไงไม่ให้งอแง… มันเหมือนคำถามที่ไม่มีคำตอบตายตัวเลยนะ บางทีก็ขึ้นอยู่กับดวงมากกว่าวิธีที่ทำอีก
- เปิดแอร์อุณหภูมิพอเหมาะ: ไม่ให้ร้อนไป ไม่ให้เย็นไป แต่ก็ไม่รู้จะ “พอเหมาะ” แค่ไหน ลูกฉันบางทีก็ยังงอแงอยู่ดี
- เลือกผ้าห่มที่สบายตัว: ผ้าอะไรที่ว่าสบายตัว? ผ้าที่แพงที่สุดก็อาจจะไม่ใช่สำหรับเขาก็ได้
- เอาเครื่องนอนหนาๆ ตุ๊กตาออกไปก่อน: ใช่ ๆ เคยอ่านเจอเหมือนกัน แต่บางทีลูกก็ติดตุ๊กตามาก ถ้าเอาออกก็ร้องไห้หนักกว่าเดิมอีก
- เปิดหน้าต่างห้องตอนกลางวัน: ข้อนี้ดีนะ อากาศถ่ายเท แต่ก็ต้องระวังฝุ่น PM2.5 อีก… โลกมันยากขึ้นทุกวัน
- มีผ้าชุบน้ำเช็ดตัวคลายร้อน: อันนี้ก็ช่วยได้บ้าง แต่แป๊บเดียวก็ตัวร้อนอีกแล้ว
- ให้ลูกจิบน้ำป้องกันอาการขาดน้ำ: เด็กเล็ก ๆ บางทีก็ไม่ชอบกินน้ำเปล่า ต้องหลอกล่อกันไป
- เลือกเสื้อผ้าที่ระบายอากาศดี: ผ้าฝ้าย 100% ก็ยังร้อนได้เลยนะในอากาศแบบบ้านเรา
- พาลูกเข้านอนอย่างอารมณ์ดี: นี่แหละยากที่สุด… วันไหนเราเหนื่อย ๆ อารมณ์เสีย ๆ จะไปอารมณ์ดีตอนพาลูกนอนได้ยังไง
มันเหมือนเราพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด แต่ผลลัพธ์มันก็ไม่ได้เป็นไปตามที่เราหวังเสมอไป บางที… การยอมรับว่ามันจะมีวันที่ลูกงอแงบ้างก็อาจจะช่วยให้เราสบายใจขึ้นนะ ไม่ต้องกดดันตัวเองมากเกินไป
ข้อมูลเพิ่มเติม:
- อุณหภูมิที่แนะนำ: สำหรับเด็กทารก อุณหภูมิห้องที่เหมาะสมสำหรับการนอนหลับคือประมาณ 24-26 องศาเซลเซียส
- สัญญาณของการขาดน้ำ: สังเกตจากปัสสาวะที่สีเข้ม หรือจำนวนครั้งที่ปัสสาวะน้อยลง
- ผ้าที่ระบายอากาศได้ดี: นอกจากผ้าฝ้ายแล้ว ผ้าลินินก็เป็นอีกตัวเลือกที่ดี
แต่สุดท้ายแล้ว… เลี้ยงลูกมันก็คือการเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กันนั่นแหละ ไม่มีใครรู้ทุกอย่างหรอก
ข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต