อาการแบบไหนควรพาทารกไปหาหมอ

43 การดู

ควรรีบพาทารกพบแพทย์ทันทีหากมีอาการ:

  • ไข้สูงไม่ลด
  • ชัก
  • อาเจียน/ท้องเสียไม่หยุด
  • ไข้ต่อเนื่อง 5-7 วัน
  • ปวดหัวรุนแรง
  • หายใจหอบเหนื่อย
  • ถ่ายเป็นมูกเลือด

อาการเหล่านี้บ่งชี้ถึงปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรง และจำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยและการรักษาอย่างเร่งด่วนจากแพทย์

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ทารกมีอาการอย่างไรจึงควรพาไปพบแพทย์?

ลูกฉันเคยไข้สูงถึง 39 องศาเลยนะ ตอนนั้นวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ปีที่แล้ว กลางดึกด้วย นอนสะดุ้งๆ ตัวร้อนจี๋ รีบพาไปโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น ค่าใช้จ่ายก็…เยอะอยู่นะ จำตัวเลขเป๊ะๆไม่ได้ แต่แพงกว่าที่คิดไว้แน่ๆ กว่าจะลดไข้ได้ก็แทบแย่ นี่แค่ไข้สูงนะ ยังไม่นับกรณีอื่นๆอีก

ถ้าลูกชักนี่อันตรายมาก เพื่อนบ้านฉันลูกชักครั้งนึง ตกใจหมด ต้องรีบส่งโรงพยาบาลเลย เห็นแล้วก็ใจหาย อาการแบบนี้ต้องรีบไปหาหมอจริงๆ ไม่ใช่เล่นๆ

อาเจียน ท้องเสียไม่หยุด อันนี้ก็ต้องระวัง เสียเหลวมากๆนี่ กลัวลูกจะขาดน้ำ เคยเจอเอง ลูกฉันท้องเสียหนักมาก จนต้องให้น้ำเกลือที่ รพ. จำได้ว่าหมอบอกว่าถ้าไม่ดีขึ้นต้องให้น้ำเกลือ เรื่องนี้สำคัญมาก อย่าประมาท

ไข้ติดต่อกันหลายวัน นี่ก็ไม่ดี ต้องสังเกตอาการ อย่าปล่อยไว้ ไม่แน่ใจว่ากี่วัน แต่รู้สึกถ้าเกิน 3 วัน ฉันจะเริ่มกังวลแล้ว

ปวดหัวรุนแรง หายใจหอบเหนื่อย ถ่ายเป็นมูกเลือด นี่คืออาการที่อันตราย ไม่ต้องคิดมาก ไปหาหมอเลย ยิ่งเร็ว ยิ่งดี อย่ารอให้ร้ายแรงกว่านี้ ชีวิตลูกสำคัญที่สุด

ทารกแรกเกิดควรตรวจอะไรบ้าง

ทารกแรกเกิดควรตรวจอะไรบ้าง? ปีนี้ 2566

  • ตรวจภาวะตัวเหลือง (ภายใน 7 วัน)
  • เจาะเลือดตรวจคัดกรองพร่องฮอร์โมนไทรอยด์ (ภายใน 7 วัน)
  • ตรวจการได้ยิน (ภายใน 7 วัน)
  • วัคซีนป้องกันวัณโรค (BCG) และไวรัสตับอักเสบบี (Hep B)

ทารกอายุไม่เกิน 6 เดือน:

  • ติดตามการเจริญเติบโต พัฒนาการ
  • ฉีดวัคซีนตามตาราง (สอบถามแพทย์ประจำตัว)

ชีวิต…สั้นนัก อย่าปล่อยให้เสียเวลาไปกับสิ่งไร้สาระ

ปล. ลูกสาวผมปีนี้ 2 ขวบแล้ว ตรวจตามนี้ครบทุกข้อ

เด็กเกิดใหม่ ตรวจอะไรบ้าง

เด็กแรกเกิดตรวจอะไรมั่งเหรอ อืม… เท่าที่รู้ตอนน้องเราเกิดนะ เค้าตรวจหลายอย่างเลยอ่ะ

  • ตัวเหลือง: อันนี้สำคัญมาก เค้าจะดูว่าผิวเด็กมีสีเหลืองๆ รึป่าว ถ้ามีก็ต้องส่องไฟ
  • เจาะเลือด: เค้าเจาะที่ส้นเท้าอ่ะ แอบสงสารลูก แต่ว่าเค้าตรวจพวกไทรอยด์นะ สำคัญมากจริงๆ
  • ตรวจการได้ยิน: อันนี้ก็สำคัญ เค้าจะเช็คว่าเด็กได้ยินเสียงดีรึป่าว
  • วัคซีน: หมอจะฉีดวัคซีนให้เลย อย่างวัณโรค กับไวรัสตับอักเสบบี

พอเด็กโตขึ้นอีกหน่อยนะ (ไม่เกิน 6 เดือน) หมอก็จะนัดไปเช็คตลอดนะ

  • ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง: อันนี้เบสิคเลย ดูว่าโตตามเกณฑ์มั้ย
  • พัฒนาการ: หมอจะเล่นกับเด็ก ดูว่าเค้าคว่ำ คืบ คลาน ได้รึยัง
  • วัคซีน: ก็ต้องไปฉีดวัคซีนตามนัดด้วยนะ สำคัญมาก

ข้อมูลเพิ่มเติม:

  • ทำไมต้องตรวจตัวเหลือง: ถ้าตัวเหลืองมากๆ อาจจะมีผลเสียต่อสมองได้นะ
  • ทำไมต้องตรวจไทรอยด์: ถ้าพร่องไทรอยด์ตั้งแต่เด็ก จะมีผลต่อพัฒนาการทางสมอง
  • วัคซีนสำคัญ: วัคซีนช่วยป้องกันโรคต่างๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อเด็กได้
  • ตรวจการได้ยินสำคัญไง: ถ้าเด็กไม่ได้ยินตั้งแต่เกิด จะมีผลต่อการพูดและการเรียนรู้

ปล. ข้อมูลพวกนี้คือที่เราจำได้ตอนน้องเราเกิดเมื่อต้นปีนะ อาจจะมีอะไรเพิ่มเติม หรือเปลี่ยนไปบ้างนิดหน่อย ลองถามหมออีกทีดีกว่า เพื่อความชัวร์!

ทารกแรกเกิดต้องตรวจอะไรบ้าง

เด็กแรกเกิดในช่วงสัปดาห์แรกหลังคลอด (0-7 วัน) ต้องได้รับการตรวจคัดกรองและให้วัคซีนหลายอย่างครับ เพื่อให้แน่ใจว่าเด็กมีสุขภาพแข็งแรงและได้รับการป้องกันจากโรคต่าง ๆ

  • ประเมินภาวะตัวเหลือง: เป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะภาวะตัวเหลืองที่รุนแรงอาจส่งผลเสียต่อสมองได้ การตรวจทำได้โดยการสังเกตสีผิวและวัดระดับบิลิรูบินในเลือด

  • เจาะเลือดตรวจคัดกรองภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์ (Congenital Hypothyroidism Screening): การตรวจนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะหากพบว่าเด็กมีภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์ตั้งแต่แรกเกิดและได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที จะช่วยป้องกันภาวะปัญญาอ่อนได้ ผมเคยอ่านเจอว่าในบางประเทศ การตรวจนี้เป็นข้อบังคับทางกฎหมายเลยทีเดียว

  • ตรวจการได้ยิน: ปัญหาการได้ยินที่ไม่ได้ตรวจพบตั้งแต่เนิ่นๆ อาจส่งผลกระทบต่อพัฒนาการด้านภาษาและการสื่อสารของเด็กได้ การตรวจทำได้หลายวิธี เช่น Otoacoustic Emissions (OAE) หรือ Auditory Brainstem Response (ABR)

  • ให้วัคซีน: วัคซีนเป็นเกราะป้องกันที่สำคัญสำหรับเด็กแรกเกิด โดยวัคซีนที่ให้ในช่วงนี้ได้แก่

    • วัคซีนป้องกันวัณโรค (BCG): ป้องกันวัณโรคชนิดรุนแรง เช่น วัณโรคเยื่อหุ้มสมอง
    • วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B Vaccine): ป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะตับแข็งและมะเร็งตับได้ในอนาคต

วัยทารก 0-6 เดือน: นอกจากสิ่งที่กล่าวมาข้างต้น การติดตามการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็กเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งครับ รวมถึงการให้วัคซีนตามตารางนัดหมายของแพทย์ด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติม:

  • การตรวจคัดกรองโรคทางพันธุกรรม (Newborn Screening) นอกเหนือจากภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์ ก็มีความสำคัญเช่นกันนะครับ ปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่สามารถตรวจคัดกรองโรคทางพันธุกรรมได้หลายสิบชนิด ซึ่งจะช่วยให้วินิจฉัยโรคได้ตั้งแต่เนิ่นๆ และเริ่มการรักษาได้อย่างทันท่วงที
  • การดูแลสุขภาพช่องปากของทารกก็สำคัญนะครับ ถึงแม้จะยังไม่มีฟันขึ้น แต่การทำความสะอาดเหงือกและลิ้นของทารกเป็นประจำจะช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียได้
  • การส่งเสริมพัฒนาการของทารกทำได้หลายวิธี เช่น การพูดคุยกับทารก การอ่านหนังสือให้ฟัง การเล่นกับทารก หรือการให้ทารกได้สัมผัสสิ่งต่างๆ ที่มีพื้นผิวและรูปร่างที่แตกต่างกัน

ทารกแรกเกิด ต้องตรวจ อะไรบ้าง

ตอนลูกชายคนเล็กคลอดที่ รพ.จุฬาฯ เมื่อต้นปีที่แล้ว (2566) หมอทำหลายอย่างเลยนะ คือตอนแรกก็ดูเรื่องตัวเหลืองๆ นี่แหละ เห็นว่าสำคัญมาก แล้วก็มีเจาะเลือดตรงส้นเท้าเล็กๆ นั่นแหละ สงสารลูกมาก ร้องจ้าเลย เขาบอกว่าตรวจไทรอยด์อะไรนี่แหละ แล้วก็ตรวจการได้ยินด้วยนะ ที่เอาเครื่องมาจิ้มๆ ที่หูอ่ะ แล้วก็ฉีดวัคซีนเลย จำได้ว่ามีวัคซีนวัณโรค กับไวรัสตับอักเสบบี

  • ภาวะตัวเหลือง: สำคัญมาก หมอจะส่องไฟวัดตลอด
  • คัดกรองไทรอยด์: เจาะเลือดที่ส้นเท้า
  • การได้ยิน: ตรวจด้วยเครื่องมือเฉพาะ
  • วัคซีน: วัณโรค (BCG) และไวรัสตับอักเสบบี (HBV) เข็มแรก

ทารกครบ 1 เดือนตรวจอะไรบ้าง

ทารกครบ 1 เดือนควรตรวจอะไรบ้าง? หลักๆเลยคือการตรวจร่างกายทั่วไป วัดน้ำหนัก ส่วนสูง และตรวจวัดความยาวรอบศีรษะ ดูพัฒนาการเบื้องต้น เช่น การมอง การตอบสนองต่อสิ่งเร้า รวมถึงการซักประวัติจากคุณแม่เกี่ยวกับการกิน การนอน และสุขภาพโดยรวม ปีนี้ (2566) กระทรวงสาธารณสุขเน้นการตรวจคัดกรองภาวะซึมเศร้าหลังคลอดในคุณแม่ด้วยนะคะ อย่าลืมสอบถามแพทย์ค่ะ ชีวิตมันสั้น อย่าลืมดูแลตัวเองและลูกน้อย

  • น้ำหนักและส่วนสูง: เพื่อประเมินการเจริญเติบโต
  • ความยาวรอบศีรษะ: ตรวจสอบการเจริญเติบโตของสมอง
  • การตรวจร่างกายทั่วไป: ดูความผิดปกติต่างๆ
  • พัฒนาการเบื้องต้น: สังเกตการตอบสนองต่อสิ่งเร้า
  • ซักประวัติ: เกี่ยวกับการกิน การนอน และสุขภาพโดยรวม

การตรวจคัดกรองในเด็กเล็ก:

  • การตรวจการได้ยิน: ใช้เครื่องมือพิเศษตรวจอย่างน้อย 1 ครั้งในช่วง 6 เดือนแรก ก่อน 6 เดือนประเมินด้วยการซักถามค่ะ นี่สำคัญมากนะคะ เพราะการได้ยินที่ดีส่งผลต่อพัฒนาการด้านภาษา
  • การตรวจคัดกรองพัฒนาการ: ทำเมื่ออายุ 9 เดือน, 18 เดือน และ 3 ปี ช่วยตรวจหาความผิดปกติของพัฒนาการแต่เนิ่นๆ ป้องกันปัญหาในอนาคตได้ คิดว่าการลงทุนตรงนี้คุ้มค่ามากเลยค่ะ
  • เด็กอายุ 2 ปีและต่ำกว่า: ตรวจการได้ยินด้วยเครื่องมือพิเศษอย่างน้อย 1 ครั้ง

ปล. ข้อมูลนี้เป็นเพียงข้อมูลทั่วไป ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้องและเหมาะสมกับลูกน้อยของคุณนะคะ เพราะทุกเด็กไม่เหมือนกัน และการดูแลลูกเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แม่ๆอย่างเราต้องเข้มแข็ง!

เด็กครบ1เดือน ตรวจอะไรบ้าง

โอ๊ย! เด็ก 1 เดือนเนี่ยนะ? เหมือนเพิ่งคลอดเมื่อวานซืน! ต้องตรวจอะไรบ้างเหรอ? ฟังนะ… มันก็เหมือนเอารถเข้าศูนย์น่ะแหละ แต่เป็นรถรุ่นจิ๋ว!

  • ตรวจร่างกายทั่วไป: ก็ดูว่ามีอะไรแปลกๆ ไหม ตัวเหลืองไปรึเปล่า สะดือยังไงๆ อยู่รึเปล่า ประมาณนั้นแหละ!
  • ตรวจสายตา: อันนี้สำคัญนะ เดี๋ยวโตมามองไม่เห็นไพ่ในวง…เอ๊ย! มองไม่เห็นหนังสือเรียน!
  • ตรวจหู: ได้ยินเสียงแม่บ่นรึเปล่า? ถ้าได้ยินก็ถือว่าปกติ! (ล้อเล่นน่า!)
  • ตรวจหัวใจ: ตุ๊บๆๆๆๆ แรงดีไม่มีตกก็โอเค!

แล้วหลังจากนั้น? ก็เหมือนเอารถไปเช็คระยะ! ทุกๆ 2, 4, 6, 9, 12, 15, 18, 24 เดือน แล้วก็ทุกๆ 6 เดือน จน 5 ขวบ! ตามนี้เลย:

  • ติดตามพัฒนาการ: ดูว่าคลานเป็น เตาะแตะๆ ได้รึยัง พูด “หม่ำๆ” เป็นรึยัง…อะไรแบบนี้!
  • ตรวจร่างกาย: ก็เหมือนเดิม ดูว่ามีอะไรผิดปกติรึเปล่า น้ำหนัก ส่วนสูง ตามเกณฑ์ไหม!
  • ให้วัคซีน: อันนี้สำคัญสุดๆ! ฉีดๆ ไปเหอะ! หมอเค้าว่าดี เราก็ว่าดีตาม! ป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ!

ปล. (ข้อมูลเพิ่มเติม)

  • อย่าเชื่อเรามาก! ถามหมออีกที! เราก็แค่คนแถวบ้านที่เลี้ยงลูกมา 3 คน! อาจจะมั่วบ้างอะไรบ้าง!
  • ถ้าลูกไม่ทำตามที่หมอบอกเป๊ะๆ อย่าไปซีเรียส! เด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน!
  • เลี้ยงลูกให้มีความสุข! แค่นี้ก็พอแล้ว! (มั้งนะ!)
  • ถ้าลูกร้องไห้เยอะๆ อย่าเพิ่งท้อ! เดี๋ยวก็โต! (แล้วก็จะบ่นให้เราฟังแทน!)
  • เตรียมเงินไว้เยอะๆ! เลี้ยงเด็กมันเปลือง! (ไม่ใช่แค่ค่าแพมเพิสนะ!)

เฮ้อ! เลี้ยงเด็กนี่มันเหนื่อยจริงๆ! แต่ก็มีความสุขดีนะ! (ถึงแม้จะโดนลูกกัดนิ้วเป็นประจำก็เถอะ!)

#พาหมอ #สุขภาพเด็ก #อาการทารก